มะเร็งของต่อมลูกหมากพบได้บ่อยเป็นอันดับที่สองในสหรัฐอเมริกา และยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับที่สองอีกด้วย ในปี ค.ศ.2020 American Cancer Society (ACS หรือสมาคมโรคมะเร็งของอเมริกา) ประเมินว่า มีผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากถึง 191,130 คน และตายประมาณ 33,330 ศพ (แต่ตัวเลขนี้
ยังไม่นิ่งเพราะยังต้องรอข้อมูลให้ครบถ้วน)
แต่ข้อดี-ถ้ามีข้อดี คือ ACS แจ้งว่าอัตราการอยู่รอดที่ 10 ปีสำหรับมะเร็งต่อมลูกหมากรวมกัน (ทั้งที่โตช้า และโตเร็ว) อยู่ที่ 98% และที่ 15 ปี 96% ทั้งนี้เพราะมะเร็งโต ลามช้า และการรักษาดีขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากมักไม่มีอาการ แต่รู้จากการตรวจด้วยนิ้วมือทางทวารหนัก digital (นิ้ว) rectal (rectum ส่วนปลายของลำไส้ใหญ่) exam (การตรวจ) หรือ DRE หรือการตรวจเลือดพบว่ามีระดับ prostate-specific antigen, PSA สูง น้อยคนนักที่จะตรวจพบเพราะมีอาการทางปัสสาวะ หรือมะเร็งกระจายไปที่อื่นแล้ว เช่น กระดูกโดยมีอาการปวดกระดูก หลัง ฯลฯ
ปัจจุบันนี้มียารักษามะเร็งต่อมลูกหมากมากมาย ที่มุ่งตรงไปยังยีนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง มีการตรวจยีนเพื่อที่จะดูแลใครบ้างที่จะได้รับประโยชน์จากยาใหม่ๆ เหล่านี้
ประมาณ 9 ใน 10 ของมะเร็งต่อมลูกหมากที่ตรวจพบยังอยู่ที่ต่อมลูกหมาก (local) หรือ regional (ไปยังที่ใกล้เคียง) ถ้าได้รับการวินิจฉัยในระยะเริ่มแรกอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปีเกือบถึง 100%
อะไรทำให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ไม่มีใครทราบ แต่ยีนมีบทบาทรวมกับสารก่อมะเร็งในสภาพแวดล้อมที่ทำลาย DNA มียีนหลายตัวมากที่เกี่ยวข้อง เช่น BRCA1, BRCA2, ATM, PALB2, CHEK2 ฯลฯ
ปัจจัยเสี่ยง (risk factors) ต่างๆ คือ อายุ มักพบน้อยในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี 90% ของมะเร็งพบในผู้ที่มีอายุเกิน 55 ปี อายุมัธยฐาน คือ 66 ปี หลังจากอายุ 75 ปีแล้วพบมะเร็งน้อยลงบางส่วนเป็นเพราะไม่มีการตรวจคัดกรองแล้วหลังอายุ 75 ปี
ประวัติมะเร็งต่อมลูกหมากในครอบครัว ถ้าใครมีบิดา พี่น้อง(สายตรง)เป็นจะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้น 2-3 เท่าถ้ามีญาติมาก 2 คน หรือมากกว่าเป็นความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเป็น 5-10 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีญาติเป็น ถ้าญาติเป็นมะเร็งก่อนอายุ 60 ปี จะยิ่งมีความเสี่ยง
เชื้อชาติก็มีความสำคัญ ในสหรัฐอเมริกาพบว่าชาว African America มีอุบัติการณ์ของโรคและเสียชีวิตสูงสุด คือ มีอุบัติการณ์ 60% สูงกว่าอเมริกันผิวขาว (178.3 vs 105.7 แสน/คน)
ส่วนสัญชาติก็พบอุบัติการณ์มากในประเทศ Australia, New Zealand, Western Europe, Canada and USA and Caribbean ต่ำสุด พบได้ประเทศไทย อินเดีย และ Africa เหนือ
อาหาร ผู้ที่กินเนื้อแดง ไขมันอิ่มตัวจากสัตว์มากมีความเสี่ยงมาก คือ อาหารที่มี cholesterol สูง ไขมันอิ่มตัวสูง ที่พบได้ในเนื้อสัตว์ และเนยแข็ง อาหารจำพวกผลไม้ พืช ผัก legumes ถั่ว ปลา จะช่วยป้องกันมะเร็งชนิดรุนแรง (ก้าวร้าว) และการกิน calcium มากกว่าวันละ 1,100 มก. อาจจะเพิ่มความเสี่ยง
ส่วนแอลกอฮอล์ข้อมูลยังไม่ชัด
โรคอ้วน มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและชนิดที่รุนแรง
การสูบบุหรี่ก็เพิ่มความเสี่ยง
ปริมาณครั้งของการหลั่งน้ำกาม (ejaculation) พบว่าชายอายุ 20-29 ปี และ 40-49 ปี ที่ ejaculate มากกว่า 21 ครั้งในหนึ่งเดือนลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งได้ 20% เมื่อเทียบกับผู้ที่หลั่งเพียง 4-7 ครั้งต่อเดือน อาจเป็นได้ว่าในการหลั่งนั้นอาจจะนำเอาสารที่ไม่ดีที่คั่งค้างออกมาจากต่อลูกหมาก
จะป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้อย่างไร? ก่อนอื่นควรปฏิบัติตนเองด้วยการป้องกัน(ลด)ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ตามข้างบนให้ได้มากที่สุด
ยา มียาในกลุ่ม 5 alpha reductase inhibitors ที่ใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia, BPH) ยากลุ่มนี้ยับยั้ง enzyene 5 alpha reductase type 2 ที่ร่างกายใช้ในการเปลี่ยน testosterone ให้เป็น dihydrotestosterne, DHT ที่ออกฤทธิ์แรงมากกว่า testosterone DHT ทำให้ต่อมลูกหมากโต รวมทั้งมะเร็งด้วย
พบว่ายาในกลุ่มนี้ลดอุบัติการณ์ของมะเร็งต่อมลูกหมากที่ไม่รุนแรง (low risk) แต่เพิ่มเล็กน้อยโอกาสที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากที่ก้าวร้าว (high grade, aggressive) (สรุป คือ ช่วยไม่ให้เป็นมะเร็ง แต่ถ้าเป็นมีโอกาสที่จะเป็นแบบรุนแรง) อย่างไรก็ตามการกินยากลุ่มนี้ไม่ได้ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ปรากฏว่ามีการเสียชีวิตในกลุ่มที่กินยาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กิน
แต่การกินยากลุ่มนี้จะทำให้ระดับ PSA ลดลง 50% ฉะนั้นทั้งผู้ป่วย แพทย์จะต้องนึกถึงเรื่องนี้ และเวลาดูระดับ PSA ควรเอาข้อมูลการกินยากลุ่มนี้ไปประกอบการพิจารณาด้วย ค่าปกติของ PSA 0-4 ng% แต่ถ้ากินยาอยู่และ PSA อยู่ที่ 4 อาจหมายความว่าระดับ PSA จริงๆ คือ 8 หรือมากกว่า ถ้าไม่คำนึงถึงประเด็นนี้อาจทำให้การวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากล่าช้าออกไป มีข้อมูลว่าวินิจฉัยไปเฉลี่ย 3.6 ปี
ถ้ากินยานี้อยู่และ PSA ไม่ลง อยู่เท่าเดิม หรือขึ้น อาจต้องพิจารณาตรวจเพิ่มเติม
วิตามิน D มีความสำคัญมากต่อร่างกาย ถ้าร่างกายมีวิตามิน D น้อย มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่ก้าวร้าว รุนแรง
การออกกำลังกายอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี