บทความก่อนหน้านี้ (รัฐประหารใน “กินี” กับการปฏิวัติประชาชนที่ “พม่า”) เคยได้กล่าวถึงความล้มเหลวของกลุ่มประเทศอาเซียน ในการเจรจากดดันให้รัฐบาลทหารของพม่า ภายใต้การนำของพลเอกอาวุโส “มิน อ่อง หล่าย”ผู้นำรัฐประหาร และนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลรักษาการ ยินยอมที่จะคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองอันร้อนแรงในพม่า และยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร รวมไปถึงการเปิดโอกาสในการร่วมหาทางกลับคืนสู่ความปกติสุขในพม่าจากทุกฝ่าย (รวมไปถึงผู้แทนจากอาเซียน) ซึ่งตามความหมายที่ซ่อนไว้ สำหรับข้อตกลงที่รับทราบร่วมกันในการประชุมอาเซียนที่ผ่านมา ณ ประเทศอินโดนีเซีย ก็คือ การสร้างกระบวนการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งของพม่า ตามที่รัฐบาลทหารมิน อ่อง หลาย ได้เคยประกาศเอาไว้ โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปราศจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนตามหลักสากล และประชาชนทุกคนต้องได้รับความปลอดภัยทั้งชีวิต และทรัพย์สิน รวมไปถึงสิทธิที่กฎหมายให้ความคุ้มครองอย่างเต็มที่
แต่หลังจบการประชุมครั้งนั้น ไม่มีอะไรคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น ความรุนแรงในพม่าเพิ่มขึ้นทวีคูณ ทั้งทหารและประชาชนเสียชีวิตจากการปะทะกันเป็นรายวัน และสถานการณ์กำลังเดินเข้าสู่สงครามกลางเมืองอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เมื่อฝ่ายต้านรัฐบาลทหารอย่าง “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ”หรือ NUG (เครือข่ายทางการเมืองของพรรค NLD และกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนนางออง ซาน ซู จี รวมไปถึงกองกำลังชาติพันธุ์ต่างๆ) ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนชาวพม่าออกมาร่วมกันทำการ “ปฏิวัติประชาชน”ครั้งใหญ่ จนเกิดการต่อสู้ด้วยกองกำลังติดอาวุธในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ โดยที่ฟากฝั่งของรัฐบาลทหารก็ยังคงเดินหน้านโยบาย “กำปั้นเหล็ก” ต่อไป ไม่เจรจา ไม่ประนีประนอม เน้นปะทะและทำการจับกุมกลุ่มคนที่มีความเห็นต่างและแสดงความต่อต้านอย่างก้าวร้าว
ในขณะที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศที่สนับสนุนระบบประชาธิปไตยตามหลักสากลในทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย ก็ใช้ไม้แข็งกับรัฐบาลทหารพม่าได้แค่เพียงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และหยุดทุกความสัมพันธ์ทางการค้า และการยอมรับความชอบธรรมต่อตัวบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง (แทรกแซงธุรกรรมทางการเงินของบุคคลในคณะรัฐประหารพม่า และผู้สนับสนุน) ซึ่งก็ดูเหมือนว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย จะไม่สะทกสะท้าน นั่นอาจเพราะยังคงมีความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง”แห่งจีน รวมไปถึงประเทศขั้วตรงข้ามกับ “ตำรวจโลก” อย่างรัสเซีย อิหร่าน ฯลฯ ยังคงยินดีให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงอย่างลับๆ กับรัฐบาลทหารพม่าอย่างเต็มใจ ซึ่งไม่แน่ใจว่า จะด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ ที่ทำให้กลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 9 ประเทศ ปฏิเสธการเชิญพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่ายหรือตัวแทนคนใดของพม่า มาเข้าร่วมในการประชุมสุดยอดประจำปีของอาเซียน ที่จะกำหนดมีขึ้นในรูปแบบเสมือนจริง (ออนไลน์) ระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคมนี้ (2021) รวมไปถึงอีกหลายๆ งานประชุมสัมมนาสำคัญในนามของอาเซียน เพราะการแสดงความไม่รู้สึกรู้สาของรัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศ และการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนตามหลักสากลอย่างรุนแรงนั้น ไม่ควรได้รับการสนับสนุนใดๆ ทั้งต่อหน้า และในทางลับ ดังนั้น ในฐานะมิตรประเทศที่ใกล้ชิด ในนามสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East Asian Nations) หรือ อาเซียน ต้องเด็ดขาดต่อประเด็นเหล่านี้เพื่อตัดไฟในการใช้ความรุนแรงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ไม่ให้กลายเป็นการดำเนินการอันชอบธรรม และควบคุมการบังคับใช้กฎหมายให้กลับมาอยู่ในหลักสากล ซึ่งถ้าพูดในภาษาชาวบ้านก็คือ แสดงความไม่ยอมรับ และไม่คบค้าสมาคม
ว่ากันว่า การตัดสินใจดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีพม่า และหัวหน้าคณะรัฐประหารมิน อ่อง หล่ายปฏิเสธทูตพิเศษของอาเซียน “เอรีวัน ยูโซฟ”รัฐมนตรีต่างประเทศจากประเทศบรูไน ในการขอเข้าพบนางออง ซาน ซู จี ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในการดูแลของรัฐบาลทหาร ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาสำคัญหลายคดี จึงมีความสุ่มเสี่ยงที่จะอนุญาตให้เข้าพบ ซึ่งเป็นการหักหน้าอาเซียนอย่างจัง และทำให้ฉันทามติ 5 ข้อที่ตกลงกันในการประชุมอาเซียน เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว กลายเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น
“ความน่าเชื่อถือของอาเซียนจะหายไปในทันที หากยังคงยอมรับให้ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าประชุม อาเซียนจะกลายเป็นกลุ่มประเทศที่คำพูดแต่ละคำไร้ความหมาย ไร้คุณค่า ไม่มีใครในโลกยึดถืออีกต่อไป” ประโยคนี้ของรัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ สื่อสารได้เป็นอย่างดีว่า ข้อตกลงทั้ง 5 (หนึ่ง จะต้องยุติความรุนแรงในพม่าทันที และทุกฝ่ายต้องใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างเต็มที่ สอง การเจรจาที่สร้างสรรค์ระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะเริ่มต้นขึ้น เพื่อหาทางออกอย่างสันติเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน สาม ทูตพิเศษของประธานอาเซียนจะอำนวยความสะดวกเป็นสื่อกลางของกระบวนการเจรจา โดยความช่วยเหลือของเลขาธิการอาเซียนสี่ อาเซียนจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านทางศูนย์ประสานงานอาเซียน เพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้านการจัดการภัยพิบัติ (AHA) และห้า ทูตและคณะผู้แทนพิเศษจะเดินทางไปเยือนเมียนมาเพื่อพบปะกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง) ต้องเกิดขึ้น เพื่ออาเซียนเอง ซึ่งถ้าไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง มันจะทำลายอาเซียน นอกเสียจากอาเซียน จะแสดงความชัดเจน และจริงจังในเรื่องนี้
แน่นอนว่า เกมรุกของอาเซียนที่เกิดขึ้น ได้ทำให้มิน อ่อง หล่ายปรากฏตัวผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์แห่งชาติพม่าอีกครั้ง เพื่อให้ข้อมูลว่าตัวเขาเอง และรัฐบาล มีแผนในการพาพม่ากลับไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว และให้เหตุผลต่อการไม่สามารถปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อที่ได้หารือกับอาเซียนเอาไว้ว่า บางประเด็นที่ขอมานั้น เขาไม่สามารถให้ได้จริงๆ ด้วยข้อจำกัดที่อยู่นอกเหนือการเจรจา ก่อนจะกล่าวหากลุ่ม NUG หรือรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ว่าเป็นต้นเหตุแห่งความรุนแรงที่พม่า ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ และทำให้เขา และพม่า ถูกปฏิเสธการเข้าร่วมจากอาเซียน ดังนั้นทางอาเซียนจึงต้องคุยกับบุคคลกลุ่มนี้ด้วย ถ้าอยากให้พม่ากลับเข้าสู่สันติภาพที่ต้องการ
ล่าสุด (20 ต.ค.) รัฐบาลทหารพม่า ได้ปล่อยนักโทษทางการเมืองออกจากคุกจำนวน 1,316 คน ทั้งนักข่าว ศิลปินดารา และบุคคลที่มีอิทธิพลทางออนไลน์ ที่ร่วมกันต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และระงับการดำเนินคดีทางการเมืองกับประชาชนอีก 4,320 คดี ซึ่งสื่อออนไลน์ในประเทศพม่าคาดการณ์ว่า จะมีการปล่อยตัวนักโทษการเมืองจำนวนหนึ่งอีกครั้งในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ทางการเมืองมองว่าเหตุการณ์นี้เป็นปฏิกิริยาของมิน อ่อง หล่ายหลังถูกอาเซียนแสดงออกว่าจะ “เลิกคบ”และมีแนวโน้มว่า โอกาสในการพบปะหารือในเรื่องสันติภาพที่พม่า อาจมีการพูดคุยกันในทางลับต่อจากนี้ โดยมีผู้แทนจากอาเซียนเป็นตัวหลักในการเจรจา ซึ่งโดยส่วนตัวก็หวังว่า ทุกอย่างที่วิเคราะห์จะกลายเป็นจริง และเริ่มเข้าใจในสิ่งที่อาเซียน และโลกกำลังดำเนินการกับพม่า ที่อาจจะรู้สึกว่าช้าแต่ก็เสมือนจะสอนผู้นำรัฐประหารพม่าและว่าที่ผู้นำรัฐประหารคนอื่นๆ ในอนาคต (ถ้ามี) ว่า การแก้ปัญหาด้วยการเจรจา เสียหายน้อยกว่า และมีคุณค่าในสายตาของทุกคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี