สัปดาห์ก่อนๆ เราได้ทราบถึงสาเหตุของการคันกันไปแล้ว สัปดาห์นี้ เรามาคุยกันว่าเราควรเตรียมข้อมูลอะไรบ้างเพื่อที่จะสื่อสารกับสัตวแพทย์ เพื่อช่วยให้การวินิจฉัยและรักษามีประสิทธิภาพที่สุดครับ
ข้อมูลอะไรบ้างที่เจ้าของสัตว์ควรเตรียมให้สัตวแพทย์ในกรณีพาสัตว์เลี้ยงไปรับการรักษา
- สุนัขเริ่มมีอาการคันตั้งแต่เมื่อไหร่?
- มีอาการคันต่อเนื่องนานแค่ไหน?
- คันบริเวณส่วนใดของร่างกายบ้าง?
- พ่อแม่หรือพี่น้องครอกเดียวกันนี้ มีปัญหาผิวหนังแบบเดียวกันหรือไม่?
- ตัวอื่นๆ ในบ้าน (ที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง) มีอาการเหมือนกันหรือไม่?
- สัตว์ตัวอื่นนอกบ้าน มีปัญหานี้หรือไม่?
- สัตว์เลี้ยงของเราเคยไปสัมผัสสัตว์ตัวอื่นเหล่านั้นหรือไม่?
- สุนัขเคยได้รับการตรวจหรือรักษามาก่อนหรือไม่?
- ถ้าเคย รักษามาแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่?
- ผลการรักษาเป็นอย่างไร? ตอบสนองต่อการรักษาหรือไม่? อย่างไร? (ถ้ามีประวัติการรักษาจากสัตวแพทย์ท่านเดิมจะช่วยได้มาก)
การตรวจวินิจฉัยทำได้โดยวิธีใดบ้าง
การตรวจวินิจฉัย จะทำเพื่อหา “สาเหตุ” ของการคันที่แท้จริงซึ่งมีหลายวิธี เริ่มตั้งแต่ “การสังเกตที่ตัวสัตว์” ว่าผิวหนังมีความผิดปกติที่ตำแหน่งใด พบพยาธิภายนอก เช่น เห็บ หมัด เหาหรือไม่ จากนั้นอาจทำการ“การขูดตรวจผิวหนัง” เพื่อตรวจหาไรขี้เรื้อน หรือ “การเก็บตัวอย่างสะเก็ดผิวหนัง” จากบริเวณที่มีรอยโรค เพื่อนำไปย้อมสีเพื่อตรวจทางเซลล์วิทยาหาแบคทีเรีย ยีสต์ หรือทำการเพาะเชื้อรา รวมถึงอาจทำการ “ทดสอบการแพ้อาหาร” และ”การทดสอบการภูมิแพ้ทางผิวหนัง” (allergy skin test)เป็นต้น
การรักษาทำได้อย่างไรบ้าง
การรักษาทางยา มักจะรักษาที่สาเหตุ และรักษาตามอาการ โดยยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาโรคผิวหนังนั้น อาจอยู่ในรูปแบบของ ยากิน ยาฉีด ยาทา ที่มีลักษณะเป็นครีม/ขี้ผึ้ง ยาสำหรับแช่ตัวสัตว์ แล้วแต่กรณี ซึ่งรวมไปถึงแชมพูรักษาผิวหนังที่ใช้ก็มีความสำคัญ เช่น แชมพูกำจัดเห็บ-หมัด แชมพูฆ่าเชื้อรา/ยีสต์/แบคทีเรีย หรือแชมพูที่ช่วยลดการระคายเคืองผิวหนัง ซึ่งตัวยาหลักๆ ที่ใช้ ได้แก่
- กลุ่มยาลดอาการคัน ได้แก่ ยาแก้แพ้ (antihistamine) และกลุ่มสเตียรอยด์ (ซึ่งเป็นยาอันตรายและมีผลข้างเคียงสูงมากต้องใช้ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์) เพื่อบรรเทาอาการคันแต่ที่สำคัญต้องหาสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้สุนัขคัน และใช้ยาให้ตรงจุดเช่น หากพบว่าเกิดจากพยาธิภายนอกเช่น หมัดและการแพ้น้ำลายหมัดรวมถึงไรขี้เรื้อน ก็จะให้ยาฆ่าปรสิตภายนอก
- ยาปฏิชีวนะ หากพบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย
- ยาฆ่าเชื้อราและยีสต์ หากพบเชื้อยีสต์และรา
หากมีการแพ้อาหาร ก็ใช้การเปลี่ยนชนิดอาหาร ส่วนกรณีที่แพ้สิ่งแวดล้อม เช่น แพ้ฝุ่น ละอองเกสร หรือผงปูน การแก้ไขที่ดีที่สุดคือต้องพยายาม “หลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดการแพ้” นั้น แต่ส่วนใหญ่มักจะทำไม่ได้สัตวแพทย์จึงต้องให้การควบคุมโดยการใช้ยา
โดยหลักการแล้ว สัตวแพทย์จะพยายามใช้ยาในปริมาณที่น้อยที่สุดแต่ต้องสามารถควบคุมอาการคันได้ผล ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในสัตว์แต่ละตัวนอกจากนี้ การใช้แชมพูยาเพื่อประกอบการรักษา ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการรักษาดีขึ้น
ใช้ระยะเวลาในการรักษามากน้อยเพียงใด
โดยทั่วไปแล้ว การรักษาโรคผิวหนังจะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานประมาณตั้งแต่ 2 สัปดาห์ ไปจนถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับอาการ สาเหตุ และการตอบสนองต่อการรักษา ดังนั้นเจ้าของสัตว์ต้องเตรียมใจไว้เลยว่า ต้องใช้เวลาในการรักษานานพอสมควร ต้องอาศัยความสม่ำเสมอและวินัยในการให้ยา
สิ่งที่สำคัญในการการรักษาโรคผิวหนังนั้น คือการวินิจฉัยให้ทราบถึง “สาเหตุที่แท้จริง” ของการเกิดโรค และการใช้ยาหรือเวชภัณฑ์ต่างๆ ที่เหมาะสมและตรงกับโรค เนื่องจากอาการที่สัตว์แสดงนั้นอาจคล้ายกัน แต่เกิดจากคนละสาเหตุ การรักษาจึงแตกต่างกัน ดังนั้น การพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการช่วย จึงน่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดครับ อย่ารอหรือลองรักษาเองจนทำให้มีอาการมากจนเกินจะเยียวยานะครับ
ทั้งนี้ การได้รับอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพดี และสุนัขสามารถย่อยนำไปใช้ในร่างกายได้ง่าย จะช่วยทำให้ผิวหนังและเส้นขนมีสุขภาพดี ไม่เปราะหักและร่วงง่าย อาหารที่มีกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 3 และ 6 ในปริมาณที่เหมาะสมก็จะช่วยลดอาการคันและการระคายเคืองของผิวหนัง อาหารที่มีวิตามินเอที่ช่วยลดการอักเสบ เร่งการสร้างคอลลาเจน ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อที่ผิวหนัง ส่วนอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี (Zinc-chelate) ช่วยทำให้เส้นขนเงางาม สุขภาพแข็งแรงเส้นขนแข็งแรง เพราะเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายสุนัขทำให้เมื่อเกิดแผลที่ผิวหนังจะช่วยทำให้หายได้เร็วมากยิ่งขึ้นด้วย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี