WHO เพิ่งผลิต “Guideline for the pharmacological treatment of hypertension in adults” ออกมาในปี 2021 ซึ่งผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง
ก่อนอื่นต้องเรียนว่าชาวโลกเสียชีวิตจากโรคของระบบหลอดเลือดและหัวใจ (cardiovascular diseases, CVD) มากกว่าจากโรคอื่นๆ มากกว่าสามในสี่ของการเสียชีวิตของโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองเกิดในประเทศที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางโรคความดันโลหิตสูง (hypertension) เป็นโรคที่ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เป็นโรคหัวใจ สมอง ไต และโรคอื่นๆคำนิยามของโรคความดันโลหิตสูงอยู่ที่ระดับความดันของsystolic และหรือ diastolic ซึ่งระดับนี้อาจเปลี่ยนไปตามความรู้ทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น ประชาชนชาวโลกประมาณ 1,400 ล้านคน (จากทั้งหมดประมาณ 7,900 ล้านคน) มีโรคความดันโลหิตสูง แต่มีเพียง 14% เท่านั้นของ 1,400 ล้านคนที่ควบคุมระดับความดันได้ เพราะไม่ทราบว่าตนเองเป็น หรือการรักษายังไม่เข้าเป้า โรคความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันควร (น้อยกว่า 70 ปี)มีผู้ใหญ่ที่มีโรคความดันโลหิตสูงในปี 1975 เพียง 594 ล้านคน แต่ในปี 2015 เพิ่มเป็นถึง 1.13 พันล้าน!! ซึ่งส่วนใหญ่พบในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง
ความดันโลหิตมี 2 ระดับ ระดับบนเรียกว่า systolic ระดับล่างเรียกว่า diastolic ควรวัด 2 ครั้งต่างวันกัน หลังจากนั่งเงียบๆ 10 นาที ควรวัดความดันทั้ง 2 แขน ระดับความดันที่ดีควรอยู่ที่120/80 ระหว่าง 120-129 ถือว่าเป็น “ว่าที่ ”ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิต systolic ที่ 130-139 และ 80-89 (diastolic) ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับ 1 ถ้าสูงกว่า 140/90 ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับ 2 สำหรับ “ว่าที่” และโรคความดันโลหิตระดับ 1 ควรใช้การคุมอาหาร ออกกำลังกายก่อนที่จะเริ่มให้ยา
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง คือ การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกหลัก เช่น รับประทานเกลือมากไป ควรรับประทานเกลือไม่เกิน 5 กรัม หรือ 1 ช้อนชาทั้งวัน ทั้งในการปรุงอาหารและบนโต๊ะ อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ในหนัง มันสัตว์ของเนื้อแดง หรือไขมัน trans สูง ความเครียด การรับประทานพืช ผัก ผลไม้ potassium (ที่มีอยู่ในพืช ผัก ผลไม้)น้อยไป การไม่ออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ โรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวมานี้ป้องกันได้ทั้งนั้น แต่ปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขไม่ได้ คือ ประวัติโรคความดันโลหิตสูงในครอบครัว อายุ เช่น 65 ปี หรืออายุยิ่งสูงยิ่งมีความเสี่ยงและมีโรคอื่นๆ ด้วย เช่น โรคเบาหวาน โรคไต
โรคความดันโลหิตสูงถูกขนานนามว่าเป็น “silent killer”หรือ “ฆาตรกรเงียบ” เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ฉะนั้นทุกคนจึงควรวัดความดันโลหิตตนเองเป็นระยะๆ เช่น ตั้งแต่อายุ 18 ปี สมัยนี้ทุกๆ บ้านควรมีที่วัดความดันโลหิตแบบดิจิทัล ซึ่งมีราคาไม่แพง
อาการจากโรคความดันโลหิตสูงถ้ามี อาจมีอาการปวดหัวใจตอนเช้า เลือดกำเดาออก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ สายตาแย่ลง มีเสียง (buzzing) ในหู ถ้าความดันโลหิตสูงมากๆ อาจทำให้เพลีย คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง กังวล เจ็บอก กล้ามเนื้อเต้น (กระตุกหรือสั่น)
ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง คือ ทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายแข็ง ไม่ยืดหยุ่น ทำให้ปริมาณเลือดและออกซิเจนที่จะไปเลี้ยงหัวใจและส่วนต่างๆ ของร่างกายลดลง ทำให้เกิดการเจ็บหน้าอก (angina) มีหลอดเลือดหัวใจอุดตัน(coronary thrombosis) ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดออกซิเจน ถ้ายิ่งอุดตันนานและเป็นหลอดเลือดใหญ่ยิ่งทำให้กล้ามเนื้อตายมากยิ่งขึ้น ทำให้เป็นโรคหัวใจวาย(heart failure) ทำให้หัวใจปั๊มเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่เพียงพอ และทำให้เกิดการเต้นของหัวใจที่ผิดปกตินอกจากนั้นโรคความดันโลหิตสูง ยังทำให้หลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน หรือแตกได้ ทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตและโรคความดันโลหิตยังทำให้มีการทำลายไต และต่อมาเป็นโรคไตวายได้ โรคความดันโลหิตสูง และเบาหวานเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไตวายเรื้อรัง
โรคความดันโลหิตมี 2 ชนิด ชนิดแรกไม่มีสาเหตุชนิดนี้พบได้บ่อยมาก เรียกว่า primary (essential)hypertension ที่ค่อยๆ เกิดขึ้นช้าๆ ในระยะเวลาหลายปีอีกชนิดคือ secondary hypertension ที่พบไม่บ่อย มีสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง ที่มักเกิดขึ้นมาทันทีทันใด และระดับความดันจะสูงมากกว่าชนิดที่ไม่มีสาเหตุ สาเหตุต่างๆ ที่ทำให้มีโรคความดันโลหิตสูงได้ คือ โรคกรนที่หยุดหายใจ (obstructive sleep apnea), โรคไต, โรคของต่อม adrenal, โรค thyroid, โรคกรรมพันธุ์ที่เกี่ยวกับหลอดเลือด ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้หวัดยาลดอาการคัดจมูก ยาแก้ปวด ฯลฯ สารต้องห้าม เช่น โคเคน และ amphetamines
โรคความดันโลหิตเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของคนเรา ป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยการไม่กินเค็ม ออกกำลังกาย รับประทานเนื้อแดง หนัง ไขมันสัตว์ น้ำตาล ให้น้อยลง และรับประทาน potassium ให้เพียงพอ (อยู่ในผัก ผลไม้)
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี