เราอยู่กับ COVID-19 มา 2 ปีกว่าแล้ว ตอนแรกๆ เราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสตัวนี้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับไวรัสนี้อย่างรวดเร็ว สามารถผลิตวัคซีนเพื่อฉีดป้องกันโรคนี้ได้อย่างรวดเร็วเป็นประวัติศาสตร์ แต่เนื่องจากการระบาดของโรคนี้เป็นไปในระดับโลก (pandemic) ประชาชนทั่วโลก (ประมาณกว่า 317 ล้านคนแล้ว และเพิ่มขึ้นทุกวัน) จึงติดเชื้อนี้ และเนื่องจากเราต้องใช้เวลา(บ้าง) ในการค้นคว้า หา และผลิตวัคซีน ทำให้เราฉีดวัคซีนได้ไม่ทั่วโลกภายในระยะเวลาที่เราอยากจะให้เป็น ทำให้เชื้อไวรัสมีโอกาสกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ สมมุติว่าเราสามารถฉีดวัคซีนให้คนทั่วโลกได้หมดภายในระยะเวลาอันสั้น เชื้อไวรัสก็จะไม่สามารถกลายพันธุ์ไปได้อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เพราะจะไม่มีคน(ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน) ที่เชื้อไวรัสจะเข้าไปอยู่อาศัย เชื้อไวรัสก็จะตายหมดไปเอง
ในระยะแรกๆ ที่ยังไม่มีวัคซีน เชื้อไวรัสมีการแพร่กระจายอย่างง่ายดาย และอัตราการเสียชีวิตสูงพอสมควร เพราะหลายๆ สาเหตุ เช่น ผู้ป่วยไม่มีภูมิคุ้มกันเชื้อไวรัสนี้มาก่อน มีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ทำให้มีการขาดแคลนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ขาดเตียง ขาดเครื่องมือในการรักษาพยาบาลต่างๆ เช่น ขาดยา เครื่องช่วยหายใจ ห้อง ICU ฯลฯ
แต่ในระยะต่อมา มีการค้นพบและผลิตวัคซีนขึ้นมา และถึงแม้เชื้อไวรัสจะกลายพันธุ์ไปได้บ้าง วัคซีนที่ผลิตก็ยังมีอำนาจพอสมควรในการป้องกันโรคได้ ถึงแม้จะไม่ดีมากต่อสายพันธุ์ไวรัสใหม่ แต่ถึงแม้จะติดเชื้อ แพร่เชื้อได้ ก็จะไม่ค่อยเป็นมากหรือหนัก ถึงกับเข้าโรงพยาบาล หรือเข้าห้อง ICU หรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
แต่พอฉีดวัคซีนป้องกันได้ 2 เข็มและโดยเฉพาะ 3 เข็มและปัจจุบันนี้บางคน เช่น เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด่านแรก เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ไปแล้ว เราก็ไม่ต้องกลัวเชื้อโรคนี้มากอีกต่อไป
แต่ประเด็นมีอยู่ว่า เราต้องพยายามลดความเสี่ยงต่อการไปรับเชื้อนี้มา ด้วยการไม่ออกไปพบคนอื่น ไม่ไปในที่ๆมีคนมาก ถ้าต้องไปก็ต้องสวมหน้ากาก ทิ้งระยะห่าง ล้างมือ เช็ดแอลกอฮอล์มือบ่อยๆ ไม่ไปทานอาหารนอกบ้านถ้าไม่จำเป็นจริงๆ และไปก็ไม่ควรใช้เวลาทานอาหารนาน เมื่อไม่ทานต้องรีบใส่หน้ากาก ฯลฯ
ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า ประชาชนไม่ต้องกังวลมาก เรื่องสายพันธุ์ COVID-19 Omicron, Delta หรืออะไรที่จะมาในอนาคตก็แล้วแต่ ไม่ต้องไปเสียเวลาตามเรื่องไวรัสอย่างละเอียดและอย่าตกใจตามข่าว หรือถ้าสนใจจริงๆ ถ้าติดตามข่าวก็ไม่ต้องกังวล ขออย่างเดียว ขอให้ทำหน้าที่พลเมืองที่ดี ด้วยการรีบไปฉีดวัคซีนตามที่ราชการประกาศ ถ้าใครยังไม่ไปฉีดเข็มที่ 1 (คงน้อยมากแล้ว) หรือเข็ม 2 ก็รีบไปฉีด ถ้ามีโอกาสไปฉีดเข็ม 3 ก็ไปเลย ถ้าฉีดเข็มที่ 3แล้วผมคิดว่าเราน่าจะปลอดภัยพอสมควร โดยเฉพาะถ้าเรารักษา Social Distancing สวมหน้ากาก ทิ้งระยะห่างไม่ไปไหนถ้าไม่จำเป็น ฯลฯ
ส่วนเรื่องไวรัสจะกลายพันธุ์ หรือมีสายพันธุ์อะไรใหม่ก็ช่างหัวมัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์นักวิทยาศาสตร์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ราชการ คณะรัฐบาล ฯลฯ ซึ่งก็ต้องพยายามทำหน้าที่อย่างถูกต้อง เหมาะสม อย่างเต็มที่และรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ เรามีหน้าที่อะไรก็ทำไป ผมบอกได้เลยว่า ไม่ว่าจะสายพันธ์ุอะไรก็ทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าเราฉีดวัคซีนเรื่อยๆ ตามคำแนะนำของราชการ และถ้าเราทำ Social Distancingผมคิดว่า ถ้าเราทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไวรัสก็จะหมดคนที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ มันก็จะค่อยๆ อ่อนตัวลง และค่อยๆ ล้มหายตายจากไปเอง และในที่สุดก็จะกลายเป็นแบบไข้หวัดใหญ่ กล่าวคือ อาจอยู่กับเราต่อไป ต้องฉีดวัคซีนป้องกันทุกปี เพราะแต่ละปีจะมีการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ไวรัสอยู่บ้าง
เราต้องอยู่กับมัน ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลุ้มใจ แต่อย่าประมาท ความจริงการที่เราใส่หน้ากากตลอดเวลา(ยกเว้นเวลาทานอาหาร) เราจะป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ด้วย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ ซึ่งช่วงนี้คนที่เป็นโรคนี้จำนวนต่างๆ ก็ลดลงไปด้วย เพราะเราใส่หน้ากาก รักษาความสะอาด ฯลฯ
อีก 50 ปี หรือ 100 ปี จากนี้ ไม่ทราบว่าเราจะต้องฉีดวัคซีนประจำปีเพื่อป้องกันโรคต่างๆ เหล่านี้กี่เข็ม เช่น ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 และอาจจะมีเชื้อต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ในอนาคต แต่ผมเชื่อว่านักวิทยาศาสตร์ในตอนนั้นจะสามารถผลิตวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อต่างๆ รวมไว้ในเข็มเดียวกันได้
เห็นไหมว่าการลงทุนในวิทยาศาสตร์ ในการวิจัย มีความสำคัญยิ่ง รัฐบาลต้องสนับสนุนเรื่องนี้มากๆ ในทุกระดับ ตั้งแต่ในโรงเรียน ฯลฯ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี