“ดวงตา” เป็น “หน้าต่างของสุขภาพดี” สุขภาพดวงตาที่ดีทำให้สัตว์เลี้ยงมีการมองเห็นที่ชัดเจน ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาของสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่หลายท่านเป็นกังวลกันเพราะ เมื่อเกิดปัญหาแล้วมักจะใช้ระยะเวลาในการรักษาที่ยาวนานและต้องเอาใจใส่เพิ่มขึ้นกว่าปกติมาก รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการรักษามากขึ้นอีกด้วย
วันนี้ผมขอหยิบเรื่องของการดูแลดวงตาของสัตว์เลี้ยงมาคุยกันอีกครั้ง โดยข้อมูลดีๆ จาก รศ.สพ.ญ.ดร.นลินี ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคตาในสัตว์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาฝากครับ
ก่อนอื่น เรามารู้จักส่วนประกอบหลักของดวงตากันก่อนครับ
อวัยวะดวงตาประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่
1.ส่วนผิวของดวงตา ประกอบด้วย หนังตาหรือเปลือกตา เยื่อบุตาขาว หนังตาที่สามน้ำตา และกระจกตา
2.อวัยวะส่วนหน้า ได้แก่ ช่องหน้าม่านตา ยูเวีย และแก้วตา
3.อวัยวะส่วนหลัง ได้แก่ เนื้อวุ้น จอประสาทตา และขั้วประสาทตา
@ เราสามารถดูแลดวงตาของสัตว์เลี้ยงเบื้องต้นด้วยตนเองได้โดย
เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถดูแลดวงตาของสัตว์เลี้ยงด้วยตนเองได้โดยการหมั่นสังเกตสภาพดวงตาโดยรวม ด้วยแสงสว่างจากธรรมชาติ (ซึ่งต้องหลีกเลี่ยงการใช้ไฟส่องดวงตาโดยตรง)
สิ่งที่เจ้าของควรสังเกต ได้แก่
- ตำแหน่งของดวงตาทั้งสองข้าง ว่าสมดุล และมีขนาดเท่ากันหรือไม่
- เปลือกตา ต้องสะอาด ไม่บวมแดง และเปิดกว้างเท่ากันทั้งสองข้าง
- สีของเยื่อบุตาขาว ต้องมีพื้นสีขาว อาจพบเส้นเลือดได้บ้าง
- กระจกตา ใส เป็นประกายแวววาว
- บริเวณใบหน้ารอบดวงตา ขนที่ใบหน้าต้องสะอาด ไม่มีคราบน้ำตาเกรอะกรัง
- สิ่งคัดหลั่งดวงตา อาจมีได้เล็กน้อยหลังตื่นนอนที่บริเวณหัวตา
- หนังตาที่สาม ที่อยู่บริเวณหัวตาด้านไหนต้องไม่โผล่ยื่นจนมองเห็นชัดเจนเป็นต้น
ทั้งนี้ ในการตรวจตานั้น ความใกล้ชิดระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยงเป็นโอกาสดีที่ช่วยให้เราสังเกตได้
พฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงที่อาจเปลี่ยนแปลงไปเมื่อมีอาการตาเจ็บ ได้แก่
- การเอาขาหน้าถูตาหรือใช้ใบหน้าถูไถกับสิ่งของภายในบ้าน
- กะพริบตาถี่กว่าปกติ
- การร้องหรือแสดงอาการดุร้าย เมื่อจับใบหน้าบริเวณใกล้ดวงตา
- มีการหลบซ่อนตัว เนื่องจากเกิดความเจ็บปวด
การสังเกตอยู่เสมอนี้เจ้าของสามารถทำได้เป็นประจำที่บ้านโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษใดๆ
@สายพันธุ์ของสัตว์ที่มีผลต่อความผิดปกติของดวงตา
สัตว์บางสายพันธุ์มีแนวโน้มดวงตาเกิดความผิดปกติได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นเช่น
- กระจกตาอักเสบหรือเป็นแผลในสุนัขพันธุ์ Shih Tzu
- เม็ดสีสะสมที่กระจกตาในสุนัขพันธุ์ Pug
- ตาแห้งในสุนัขพันธุ์ Yorkshire terrier
- ต้อกระจกในสุนัขพันธุ์ Poodle
- ต้อหินในสุนัขพันธุ์ Siberian husky
- คราบน้ำตาสีแดงอิฐ ในแมวพันธุ์เปอร์เซีย เป็นต้น
ดังนั้นการสังเกตดวงตาสัตว์เลี้ยงตามสายพันธุ์จะช่วยให้เราพบความผิดปกติได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงได้ครับ
ส่วนในกรณีพันธุ์ที่ขนหน้ายาว ขนที่ยาวนั้นมักเก็บกักสิ่งสกปรกให้ติดอยู่บริเวณใบหน้าแนะนำให้ทำความสะอาด กำจัดคราบสกปรก และดูแลบริเวณใบหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ
กรณีพันธุ์ที่จมูกย่น ขนที่รอยพับผิวหนังข้างจมูกอาจสัมผัสผิวดวงตาทำให้เกิดความระคายเคืองได้ง่าย กรณีนี้ การตัดเล็มขนด้วยกรรไกรปลายมนอยู่เสมอ
สามารถบรรเทาอาการได้
กรณีพันธุ์หน้าสั้นที่ดวงตามีขนาดใหญ่นั้น ดวงตาจะมีโอกาสสัมผัสกับอากาศได้มากกว่าพันธุ์อื่น ทำให้เกิดปัญหาตาแห้งได้ง่ายเจ้าของควรหลีกเลี่ยงภาวะแวดล้อมที่โน้มนำให้ผิวดวงตาแห้งมากขึ้น เช่น การเป่าพัดลม หรืออยู่ในห้องปรับอากาศเป็นเวลานาน เป็นต้น
@กิจกรรมที่อาจส่งผลต่อดวงตาสัตว์เลี้ยงมีดังนี้
กิจกรรมต่างๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ควรให้การดูแลเป็นพิเศษ ได้แก่
- การอาบน้ำ ที่ควรระมัดระวังไม่ให้แชมพูเข้าตา
- การพาสุนัขใหญ่เดินออกกำลังกายนอกบ้าน หากเกิดการระคายเคืองจากลม ฝุ่นควัน หรือสิ่งแปลกปลอมอาจทำให้เยื่อบุตาขาวอักเสบหรือเกิดสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติได้
@การดูแลเบื้องต้น กรณีที่สัตว์มีอาการระคายเคืองตา
เจ้าของสามารถช่วยเหลือในเบื้องต้นได้โดย การเช็ดสิ่งคัดหลั่งดวงตาออกอย่างเบามือด้วยสำลีสะอาด และระวังไม่สัมผัสกระจกตาโดยตรง
การล้างตาสามารถช่วยชะล้างสิ่งสกปรกได้ ทำโดยเปิดเปลือกตาบนและล้างด้วยมือที่สะอาด ใช้น้ำยาล้างตาหรือน้ำสะอาดที่อุณหภูมิห้อง ฉีดเบาๆ ไปที่ผิวดวงตา ปิดเปลือกตาบนและล่างให้สนิท ก่อนใช้สำลีแห้งที่สะอาดเช็ดจากหัวทางไปหางตาอย่างนุ่มนวลเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก
สำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงจำนวนหลายตัว ควรระมัดระวังการเล่นกันอย่างรุนแรงที่อาจพลาดพลั้งทำให้เกิดอันตรายกับดวงตาได้
เมื่อสัตว์เลี้ยงตาเจ็บ แนะนำให้แยกออกจากเพื่อนสัตว์เลี้ยงตัวอื่นทันที หากมีสิ่งคัดหลั่งดวงตาที่ผิดปกติ แนะนำให้ล้างตาให้สะอาด สวมปลอกคอกันเกาเพื่อลดโอกาสการทำร้ายตัวเองโดยไม่เจตนา หากอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้พาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ไม่แนะนำให้ซื้อยาหยอดตาใช้เอง ทั้งนี้เพื่อป้องกันผลเสียจากการเลือกใช้ยาผิดประเภท หรือผลข้างเคียงของยาที่ไม่พึงประสงค์ได้
ในกรณีที่สัตวแพทย์ตรวจและจ่ายยาสำหรับหยอดตาเพื่อใช้สำหรับการรักษาแนะนำล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังหยอดตาสัตว์เลี้ยงทุกครั้ง ยึดตัวสัตว์ให้นิ่งจากด้านหน้าหรือด้านหลัง จับสัตว์เลี้ยงอย่างเบามือให้เงยหน้า ยกคางขึ้น เคลื่อนมือเข้าไปช้าๆ ระวังไม่ให้สัตว์ตกใจ เปิดเปลือกตาล่างแล้วดึงลงเบาๆ หยอดยาจำนวนหนึ่งหยดโดยระวังไม่ให้ปลายขวดยาสัมผัสขนตาหรือส่วนอื่นของดวงตา
ในกรณีที่เป็นยาชนิดครีมสำหรับป้าย แนะนำให้บีบตัวยาความยาวประมาณ0.5-1 เซนติเมตร เข้าไปที่ร่องเยื่อบุตาขาวด้านล่าง หลังจากเปิดอ้าเปลือกตาล่างออกจากนั้นเช็ดยาส่วนเกินที่อาจไหลซึมออกมานอกผิวดวงตาเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมตกค้างอันเป็นสาเหตุให้ผิวหนังรอบดวงตาอักเสบ หลังหยอดเสร็จควรกล่าวชื่นชมสัตว์เลี้ยงด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร หรือลูบหัวให้รู้ว่าทำได้ดี สัตว์เลี้ยงจะคุ้นเคยกับการหยอดตาและให้ความร่วมมือมากขึ้นครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี