วันนี้ เรามาคุยกันถึง “โรคฉี่หนู” ซึ่งเป็นโรคติดต่อสำคัญที่เป็นผลพวงมาจากน้ำท่วม ที่อาจเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงของเราได้ เพื่อที่จะได้ทราบเป็นข้อมูลเบื้องต้น ได้เข้าใจ และนำไปป้องกันครับ
@โรคฉี่หนู คืออะไร
โรคฉี่หนู หรือ โรคเล็ปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) เป็น “โรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน” (zoonosis) ที่สามารถเกิดได้ในสัตว์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สุนัข หนู โค กระบือ สุกร แพะ แกะ และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ซึ่งมักจะมี “หนู” เป็นตัวนำโรค
สัตว์ที่ไวต่อการรับเชื้อ มักจะเป็นสัตว์อายุน้อยที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน หรือลูกสัตว์ที่ไม่เคยได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่มาก่อน ช่วงเวลาของการระบาดมักจะพบในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เนื่องจากเป็นฤดูฝนต่อหนาว โดยเฉพาะช่วงที่มีน้ำท่วมขังนานๆ
@สาเหตุ :
โรคฉี่หนูนี้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียรูปเกลียว (Spirochete) ชื่อ เล็ปโตสไปรา ซึ่งเชื้อนี้อาศัยอยู่ในท่อหลอดไตของสัตว์เชื้อสามารถมีชีวิตได้นานหลายเดือนหลังจากถูกขับออกทางปัสสาวะโดยที่สัตว์ที่มีเชื้อนั้นอาจไม่มีอาการ ที่เรียกว่า “ตัวอมโรค” แต่สามารถปล่อยเชื้อได้เป็นเวลานาน หลายสัปดาห์ หรืออาจจะตลอดชีวิตสัตว์เลยทีเดียว
@ อาการ :
มีได้ตั้งแต่ เล็กน้อย จนถึงอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิตโรคเล็ปโตสไปโรซิสแบ่งเป็น 2 กลุ่มตามระดับความรุนแรง คือแบบไม่เหลือง (anicteric leptospirosis) และ ชนิดรุนแรง(severe leptospirosis)
อาการโดยทั่วไปจะคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ สัตว์จะซึม มีไข้ อาเจียน และเจ็บตามลำตัว (ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดได้) มักพบอาการดีซ่าน (jaundice) คือจะสังเกตเห็นได้ว่า เยื่อเมือกที่เหงือกและเยื่อบุตาขาว รวมถึงผิวหนังเป็นสีเหลืองมากจนแทบจะเป็นสีส้ม มักพบว่าตับและม้ามโตร่วมด้วย และอาจตายได้ จากภาวะตับและไตวายเฉียบพลัน
@ การติดต่อ :
*โดยการสัมผัสกับปัสสาวะ เลือด หรือเนื้อเยื่อของสัตว์ที่มีการติดเชื้อ โดยตรง
* สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีการปนเปื้อนของเชื้อ ซึ่งเชื้อสามารถมีชีวิตได้ในดินและน้ำเป็นเวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
* โดยการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป
* โดยการหายใจเอาไอละอองของปัสสาวะ หรือของเหลวที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป
* โดยการรับเชื้อผ่านทางเยื่อบุต่างๆ เช่น ตา และปากหรือเข้าทางผิวหนังตามรอยแผลและรอยขีดข่วน หรือเข้าทางผิวหนังปกติที่เปียกชุ่มจากการแช่น้ำนานๆ
@ การป้องกัน :
* หลีกเลี่ยง หรือป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงสัมผัสกับน้ำหรือดินที่คาดว่ามีการปนเปื้อนเชื้อ
* ไม่ให้สัตว์ไปเล่นน้ำที่ท่วมขังและไม่มีการไหลเวียน
* หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นพาหะของโรค เช่น หนู
* หลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์กินอาหารที่ปล่อยทิ้งค้างคืน โดยไม่มีภาชนะปกปิด
* รีบอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยง เพื่อทำความสะอาดร่างกายโดยเร็วหากแช่ หรือ เล่นน้ำที่สงสัยว่าอาจปนเปื้อนเชื้อ
* การฉีดวัคซีน เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่รุนแรงได้ แม้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์ก็ตาม
@ การรักษา :
โรคเล็ปโตสไปโรซิสสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ แต่ควรให้ยาเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การวินิจฉัยให้ได้ว่าเป็นโรคนี้ตั้งแต่ระยะแรกๆ จึงมีความสำคัญต่อการรักษาเป็นอย่างมากดังนั้น ในช่วงที่มีน้ำท่วมขังเช่นนี้ เมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการผิดปกติ เช่น เริ่มซึม เบื่ออาหาร อาเจียน และมีประวัติการสัมผัสน้ำท่วมขังแล้วละก็ การพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อได้รับการตรวจร่างกายและการวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการตั้งแต่แรก รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สัตว์ จึงน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่เจ้าของอย่างเราๆ จะสามารถทำได้ครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี