ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ 12-13 พฤศจิกายน 2565 ผมได้มีโอกาสร่วมเดินทางกับหน่วย GICU (Gastrointestinal Unit ของ Chulalongkorn University หรือหน่วยทางเดินอาหารจุฬาฯ) ที่ไปส่องกล้องระบบทางเดินอาหารส่วนบน (หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กส่วนบน) และระบบทางเดินอาหารส่วนล่าง หรือลำไส้ใหญ่ เพื่อเป็นการตรวจคัดกรองหา “ว่าที่” มะเร็ง หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ (colon) ในระยะเริ่มแรกที่ รพ.พระจอมเกล้า ซึ่งเป็น รพ.ทั่วไป ของจังหวัดเพชรบุรีที่มี 500 เตียง ที่มีแพทย์ที่สามารถส่องกล้องแบบนี้ได้ประมาณ 5 คน ทำการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ได้ประมาณ 30 คนต่อเดือน และตรวจหาโรคไขมันในตับด้วยเครื่อง fibroscan
มะเร็งของลำไส้ใหญ่เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เป็นมะเร็งที่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการมีพฤติกรรมที่เหมาะสม และสามารถป้องกันการเกิดโรคได้ ด้วยการตรวจคัดกรองหา “ว่าที่”มะเร็ง หรือมะเร็งในระยะเริ่มแรกได้ด้วยการตรวจคัดกรองบุคคลที่มีความเสี่ยง เช่น บุคคลที่มีบิดา มารดา เป็นโรคนี้ หรือบุคคลที่มีโรคที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่ เช่น โรค IBD หรือ Inflammation Bowel Disease (เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของทางเดินอาหารที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด) ที่ประกอบด้วย 2 โรค คือ โรค UC-ulcerative colites และ Crohn’s disease หรือบุคคลที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
ปัจจุบันนี้ถึงแม้ไม่มีความเสี่ยงต่างๆ ดังที่กล่าวไว้แล้ว แต่เมื่อมีอายุถึง 50 ปี แพทย์ส่วนใหญ่ในโลกแนะนำให้ทุกๆ คนไปตรวจคัดกรอง (screening)หาโรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่ เพราะมีข้อมูลว่าเมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไปอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะเพิ่มขึ้น การตรวจคัดกรอง คือ การไปตรวจหาโรคทั้งๆ ที่ผู้นั้นยังไม่มีอาการ ทั้งๆ ที่ผู้นั้นอาจมีมะเร็งแล้ว หรือมีติ่งเนื้อ (polyp) แต่ยังไม่ใช่มะเร็ง แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้เพราะไม่ทราบว่ามีติ่งเนื้อๆ นี้จะค่อยๆ กลายเป็นมะเร็ง
บางคนอาจมีมะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดขึ้นก่อนอายุ 50 ปี แพทย์บางสถาบันในอเมริกาจึงเริ่มต้นตรวจคัดกรองหามะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 45 ปีประเทศไทยต้องพยายามทำการศึกษาว่าส่วนใหญ่มะเร็งของลำไส้ใหญ่เกิดขึ้นเมื่ออายุเท่าไหร่ เมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจนเราจึงอาจเปลี่ยนการตรวจคัดกรองสำหรับคนไทย จากอายุ 50 ปีเป็นไปตามข้อมูลของการศึกษา
ถึงแม้จะมีพฤติกรรมที่เหมาะสมและถึงแม้จะไม่มีอาการก็ยังต้องไปตรวจคัดกรองหามะเร็งของลำไส้ใหญ่ตามเกณฑ์ที่แพทย์วางไว้ เช่น ปัจจุบันนี้เมื่ออายุ 50 ปี มีคนหลายคน รวมทั้งแพทย์ด้วย ที่อ้างว่าไปตรวจทำไมในเมื่อเขายังไม่มีอาการ แต่สุดท้ายก็มีโรคมะเร็งเกิดขึ้น
ผมจึงเสียดายถ้าทราบว่าใครเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่หลังอายุ 50 ปี เพราะถ้าอายุ 50 ปี และไปตรวจ ถ้าไม่มีมะเร็งและติดตามกับแพทย์ตามที่แพทย์แนะนำต่อไป ชาตินี้บุคคลคนนั้นไม่น่าที่จะเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่เลย
ทั้งนี้ เพราะว่ามะเร็งของลำไส้ใหญ่ไม่ได้อยู่ดีๆ เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมาทันทีทันใด แต่เมื่อมีอายุสูงขึ้น เช่น 50 ปี อาจเริ่มต้นมีติ่งเนื้อ (polyp) ธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็งในระยะแรกๆ แต่ถ้าเราไม่รู้ว่ามีติ่งเนื้อ เพราะไม่มีอาการ และเพราะไม่ได้ไปส่องกล้อง ติ่งเนื้อนี้จะค่อยๆ โต และเมื่อโตมากขึ้น เช่น ประมาณ 1 ซม. จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมะเร็ง แต่ถ้าเรา ถึงแม้ไม่มีอาการ ไปส่องกล้องตามอายุที่แพทย์แนะนำและพบติ่งเนื้อ แพทย์สามารถทำการตัดติ่งเนื้อนี้ออกได้ในคราวเดียวกันที่ส่องกล้อง คนคนนั้นก็จะหมดปัญหาไป เนื้อที่ถูกตัดออกก็จะถูกส่งไปตรวจพยาธิสภาพว่าเป็นเนื้อธรรมดาหรือไม่ถ้าเป็นเนื้อธรรมดาปัญหาก็หมดไปทันที แพทย์ก็จะนัดมาตรวจเป็นระยะๆ ถ้าเป็นมะเร็งแพทย์ก็ต้องพิจารณาว่าตัดมะเร็งออกหมดหรือยัง
ถ้าพบมะเร็งในระยะเริ่มแรก โอกาสที่จะรักษาให้หายขาดมีมากกว่าถ้ามีอาการแล้วจึงไปตรวจ ถ้ามีอาการแล้วไปตรวจผู้นั้นมักเป็นมากแล้ว อย่างน้อยมากกว่าถ้าไม่มีอาการ
อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มแรก อาจไม่มีอะไรเลย แต่ถ้ามะเร็งเป็นมาก เป็นก้อนโต ผู้นั้นอาจมีอาการทางการเปลี่ยนแปลงของการขับถ่ายอุจจาระ การขับถ่ายอุจจาระในคนปกติมีตั้งแต่ 3 วันถ่าย 1 ครั้ง จนถึงถ่ายวันละ3 ครั้ง แต่ก่อนจะเรียกว่าปกติ คือ ต้องถ่ายอย่างนี้มานานแล้ว แพทย์จึงใช้คำว่ามีความเปลี่ยนแปลงของการขับถ่ายอุจจาระ มากกว่าจำนวนครั้งต่อวันของการขับถ่ายอุจจาระ เช่น คนที่ปกติถ่าย 3 วันต่อ 1 ครั้ง ถ้าในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาถ่ายวันละ 1 ครั้ง ผู้นี้อาจเป็นมะเร็งของลำไส้ใหญ่แล้ว ฉะนั้นแพทย์จึงเปรียบเทียบการขับถ่ายอุจจาระในปัจจุบันกับในอดีตในยามปกติ
อาการอื่นๆ ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ การที่มีเลือดออก การที่มีเลือดออกอาจเป็นสีดำเหมือนถ่าน หรือแดง (ถ้ามะเร็งอยู่ใกล้รูทวาร) หรือเลือดออกทีละนิดละหน่อยซึ่งผู้ป่วยอาจถ่ายอุจจาระเป็นสีปกติ แต่ถ้าเลือดออกทีละน้อยๆ แต่ออกประจำ อาจตรวจพบว่ามีโรคโลหิตจางชนิดขาดธาตุเหล็ก
ผู้ป่วยอาจปวดท้อง ท้องผูก (เพราะมีการตีบตันของลำไส้) ท้องเสียอาจมีน้ำหนักลด ผอมแห้ง แรงน้อย ถ้าเป็นนานและมาก อาจมีน้ำในช่องท้องอาจมีตับโต (มะเร็งจากลำไส้ลามไปที่ตับ ฯลฯ)
เนื่องจากมะเร็งของลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่ส่วนใหญ่ป้องกันได้ ผมจึงขอวิงวอนให้พวกเราไปตรวจคัดกรองหามะเร็งของลำไส้ใหญ่ ถึงแม้ไม่มีปัจจัยเสี่ยงของญาติพี่น้อง ฯลฯ แต่มีอายุ 50 ปีแล้ว
แน่ละถ้ามีอาการไม่ว่าจะเป็นอาการอะไร ควรรีบไปรักษาแพทย์ถึงแม้อายุอาจจะเพียง 30 ปี ฯลฯ
แต่ในขณะนี้อยากให้ทุกๆ คนลดการกินเนื้อแดง เนื้อแปรรูป ออกกำลังกาย คุมอาหาร ให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีพุง (BMI < 23, พุงชายหญิงน้อยกว่า 90,80 ซม. ตามลำดับ) กินผัก ปลา มากๆ ฯลฯ
โดยมากในการไปทำกิจกรรมแบบนี้ที่ต่างจังหวัดแพทย์มักให้ตรวจหาเลือดในอุจจาระก่อน เพราะผู้ที่มีอายุ 50 ปี มีจำนวนมาก แพทย์จึงต้องตรวจคัดกรองเบื้องต้นก่อน ถ้าตรวจพบเลือดจึงจะทำการส่องกล้อง เพราะภายใน 2 วันที่เราไปเราอาจส่องกล้องได้เพียง 130 ราย ถ้าเราไม่กรองเบื้องต้นเราจึงตรวจไม่หมดภายในเวลาอันจำกัด
ต้องขอบคุณหน่วย GICU ที่ออกไปช่วยแพทย์ รพ.พระจอมเกล้าช่วยทำประโยชน์อันใหญ่หลวงให้ประชาชน
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี