เราทานอาหารเช้า 08.00 น. ของวันเสาร์ ที่ 19/11/65 ที่โรงเตี๊ยมเลาลี ดอยวาวีอ.แม่สรวย ผมทานน้อยที่สุด คือ กาแฟดำ ซึ่งธรรมดามาก ทำให้รู้สึกผิดหวังเพราะนึกว่าจะได้ดื่มกาแฟดีๆ เพราะอยู่ใกล้ดอยช้างมาก และขนมปัง 2 แผ่นเท่านั้น คนอื่นๆ เล่นข้าวกันเต็มที่ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเพราะเมื่อคืนพลาวุธเห็นพุงผมแล้วตกใจมาก ร้องลั่นเลยว่าหมอทำไมพุงโตมากจัง เหมือนลูกฟุตบอลเลยผมก็รู้ตัวเองว่าพุงโต แต่บอกใครๆ ก็ไม่เชื่อ เพราะไม่มีใครเคยเห็นพุงผมอย่างแท้จริง!!!555 เวลาใส่เสื้อผ้ามันซ่อนรูป พลาวุธนอนด้วยจึงเห็น นี่ขนาดผมเดินอย่างน้อยเฉลี่ยวันละ 10,000 ก้าว วันหยุดอาจถึง 15,000–20,000 ก้าวแต่พุงก็ยังโต เพราะผมเดินค่อนข้างช้า และผมทานค่อนข้างไม่ยั้ง ถึงแม้จะหนักไปทางพืช ผัก ผลไม้ แต่ก็ซัดหมูหัน เป็ดปักกิ่ง เป็นระยะๆ?! ขอให้พวกเราทราบไว้เลยว่า ออกกำลังกายเท่าใด น้ำหนัก พุง ก็ไม่ลด ถ้าไม่คุมอาหารด้วย เพราะถ้าจะกำจัดพลังงานจากการทานขนมปังเพียงแผ่นเดียวเราจะต้องเดินหรือวิ่ง ถึง 1 ไมล์!? แต่ปรัชญาของผมคือ ออกกำลังกายเพื่อให้กินได้(หน่อย) เพราะผม enjoy eating แต่ต่อไปนี้ผมต้องคุมอาหารอย่างจริงจัง เพราะอ้วนที่พุงนี่อันตรายมาก ทำให้ตับอักเสบ จนเป็นตับแข็ง มะเร็งตับได้ ผมจึงพูด(เล่นๆ)เสมอว่า อ้วนที่ไหนก็อ้วน มีหางจะอ้วนที่หางก็ได้!? แต่อย่าอ้วนที่พุง อย่างผู้หญิงถ้าอ้วนที่สะโพก แต่ไม่อ้วนที่พุงก็ไม่เป็นไร
พอทานข้าวเสร็จเราก็ถ่ายรูปกับเจ้าของรีสอร์ท คือ คุณคณิตและคุณวันแล้วก็เริ่มเดินทางกลับ กทม. โดยเราไม่เดินทางกลับจากดอยวาวีรวดเดียวถึง กทม.เหมือนขาไป ซึ่งใช้เวลาถึง 13 ชั่วโมง และขากลับอาจจะยิ่งนานกว่าเพราะเป็นวันสุดท้ายของการหยุด 5 วัน คือ ตั้งแต่ 16-20/11/2565 (หยุด 16-18 เพราะมีการประชุม APEC) รถของวันสุดท้ายจะมีมากกว่าปกติ เพราะเป็นการหยุดยาว ถึงแม้การหยุดนี้จะเป็นเฉพาะสำหรับชาว กทม. ไม่เกี่ยวกับชาวต่างจังหวัด ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงวางแผนวันที่ 2 ซึ่งก็คือวันเสาร์ เดินทางกลับ กทม.ประมาณครึ่งทางคือ มีเป้าหมายไปนอนที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ซึ่งเกี่ยวกับที่พัก พลาวุธได้เตรียมห้องไว้แล้ว ส่วนอาหารเรากะทานกันที่ร้านอาหารของเขื่อน ซึ่งปกติที่เขื่อนจะมีปลาหลากหลายชนิดทานอยู่แล้ว
จากดอยวาวี เราก็มุ่งตรงไปที่เขื่อน แต่ขอแวะไปเยี่ยมดอยช้างหน่อย ดอยช้างเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาว่าสามารถผลิตกาแฟที่อร่อยมาก ได้รางวัลระดับโลก วิวสวยมาก บางส่วนของการเดินทาง รถเราวิ่งอยู่บนสันเขา ซ้าย ขวา ก็เป็นหุบเขา ที่ดอยช้าง มีคนมาเที่ยวพักผ่อนมากกว่าที่ดอยวาวีมากมาย ผมซื้อกาแฟคาปูชิโน่ร้อนดื่มที่บริเวณโรงงานกาแฟของดอยช้าง แต่ปัจจุบันนี้กาแฟ“ชะนี”ที่เคยมีราคาถ้วยละ300-400 บาทไม่มีแล้ว ราคาจึงเบาะๆ เพียง 60 บาท เราแวะทานก๋วยเตี๋ยว เกาเหลาเลือดหมู (แต่เลือดหมูหมด!! 555) ระหว่างทางที่อำเภอเวียงป่าเป้า มื้อนี้มีราคา 1,200 บาท (แพงกว่ามื้อเที่ยงวันแรกถึง 700 กว่าบาทสำหรับ 7 คน)
เราถึงเขื่อนภูมิพลก็เกือบ 18.00 น. พลาวุธขออาบน้ำ ผมขอไปเดิน 20-30 นาทีอย่างเร็วๆ ใกล้ๆ ร้านอาหารเพราะเริ่มมืดแล้ว แล้วจึงทานข้าวที่เขื่อน ก่อนถึงเขื่อนเพื่อนๆน่ารัก รู้ว่าผมชอบหมูป่าผัดเผ็ด จึงแวะข้างทาง ทั้งพลาวุธและอนันต์รู้ทาง รู้ร้านอาหารต่างๆ เป็นอย่างดี จึงแวะร้านครัวป้าแจ๋วอาหารป่า ข้างทาง ที่นี่มีหมูป่า เก้ง กวาง ฯลฯขาย แต่เราสั่งหมูป่าผัดเผ็ดเท่านั้น 2 จาน จานละ 160 บาท เอาไปทานที่เขื่อน
ร้านอาหารเฮือนภูแก้วตอนเย็นที่เขื่อนร้อนมาก ไม่มีลม และไม่มีวิว อยู่ริมถนน คล้ายๆ ใต้ถุน อาจเป็นเพราะเป็นเขื่อนแรกของประเทศไทย จึงไม่ค่อยได้มีการคิด
วางแผน เหมือนเขื่อนต่างๆ ที่สร้างตามมา ที่มีวิวสวย เห็นสนามกอล์ฟหรืออยู่ติดน้ำบ้าง อาหารก็มีปลา 3 รส ปลาทอด หมูป่าที่เราซื้อมาจากข้างนอก ผัดผัก 2-3 อย่าง ไข่เจียวที่ขาดไม่ได้ พวกเราชอบทานผักมาก แต่ก็ทานอย่างอื่น(“เยอะ”)ด้วย เราก็ดื่มวิสกี้ที่ผมเตรียมเอาไปพอหอมปากหอมคอ เราให้เจ้าหน้าที่ขับรถนั่งด้วยตลอด จะได้ทาน ดื่มเหมือนเรา แต่มีข้อแม้ว่าห้ามเมา เราก็คงนอนไม่เกิน 3 ทุ่มคืนนี้เปิดแอร์ แต่แอร์เจ้ากรรมไม่ค่อยเย็น เลยต้องนอนนอกผ้าห่ม ตี 05.30 น.เราทั้งคู่ก็ตื่น ผมไปเดินใน“สวนน้ำพระทัย” ประมาณเกือบชั่วโมง ที่นั่นมีศาลาไทย และ “สวนน้ำพระทัย” ที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนที่มีน้ำเต็ม สวยงามมาก
08.00 น. ของวันอาทิตย์เราทานข้าวเช้า ผมก็ล่อไข่ดาว หมูแฮม ไส้กรอกที่มาเป็นชุด มีขนมปัง 2 แผ่น กาแฟ มีราคาเพียง 100 บาท บางคนล่อข้าว เสร็จแล้วเราก็ไปที่สันเขื่อน เดินดูวิว ถ่ายรูป มีคนเยอะมาก รถจอดยาวเป็นแถว เพราะแถวนั้นมีแพ มีที่พัก มีอะไรมองไกลๆ ดูคล้ายเป็นเรือใหญ่ ไม่ทราบว่าจอดอยู่กับที่ หรือแล่นไปตามเขื่อน แล้วเราก็เดินทางกลับ ก่อนกลับก็แวะที่ตลาดเขื่อน เพื่อนๆและพนักงานขับรถ ซื้อของกินกลับบ้านกัน ผมไม่ซื้อของทานเลย แต่ซื้อเสื้อยืดคอกลมไว้เดินในบ้าน 3 ตัว คอกลมผมใช้ในบ้าน แต่เสื้อมีปกเท่านั้นที่ผมใส่นอกบ้านหลานสาวคนเล็ก 16 ปี เห็นเสื้อ 2XL สีสดใสที่มีรูปภาพเขื่อนของผมชอบมาก หลานชอบใส่เสื้อหลวมๆ ผมเลยถวายไป!? แปลกนะ ทุกๆ คนชอบเอาเสื้อของผมไปใช้ ตั้งแต่ภรรยา โดยเฉพาะหลานสาว 3 คน
จากเขื่อนภูมิพล เราก็เดินทางกลับโดยแวะที่นครสวรรค์ เพราะนัดทานข้าวกลางวันกับคุณหมอถนอม และคุณหมอน้อง (ทันตแพทย์) ตอนผ่านตาก ข้างๆ ถนนใหญ่ เราแวะที่ตลาดมูเซอซื้อของ คราวนี้ผมซื้อหมูป่า 1 กิโลกรัม 150 บาทองุ่นแดงไร้เมล็ด 2 กก. รวม 600 บาท และพุทราช็อกโกแลต 1 ถุง 100 บาท หมูป่าเอามาทำที่บ้าน เปิด google หาวิธีทำส่งให้แม่ครัวลองทำดู ปรากฏว่าอร่อยมากๆ อย่าบอกใครเชียว ผมทำเพียง 200 กรัม แบ่งให้ลูกสะใภ้ครึ่งหนึ่ง ที่เหลือผมยังทานได้คนเดียวถึง 2 วัน เพราะผมทานข้าวน้อย จึงทานกับน้อย แต่ทานผักสดเปล่าๆ มาก
ที่นครสวรรค์คุณหมอถนอม คุณหมอน้อง เลี้ยงที่ภัตตาคารเล่งหงษ์ อาหารจีน อร่อยดี ผมเลือก set 3,200 บาท (เกรงใจผู้เลี้ยง จึงเลือกถูกที่สุด) สำหรับ 9 คน คุณหมอน้องยังกรุณามีของฝากให้ทั้ง 7 คน รวมพนักงานขับรถด้วยจากร้านอาหารกว่าจะกลับถึงบ้าน วิ่งได้ช้าเพราะรถติดมาก ก็เกือบ 19.00 น. แล้วโดยอนันต์ นง พี่พิชัย ลงกลางทาง
คืนนั้นผมทานเบามากๆ และยังเดินต่อตอน 2 ทุ่มจนเฉลี่ย 3 วัน เดินวันละเกิน 10,000 ก้าว คืนนั้นหลับสบายเลยครับ
สรุปแล้ว สนุกมากครับ ได้เที่ยว ชมวิว ทานอาหารที่อร่อย และไม่แพง ต่างจังหวัดราคายังใช้ได้ โดยเฉพาะที่เขื่อน รวมทั้งหมูป่าผัดเผ็ด ออกมาเป็นเพียง 1,500 บาท (1,200 บาทที่ร้านอาหารเขื่อน) สำหรับ 7 คน แต่ดีที่สุดคือได้ไปเที่ยวสนุกกับเพื่อนๆ
เพราะอายุเท่าผม ที่สำคัญที่สุดคือ สุขภาพของตนเอง ครอบครัว และการมีเพื่อนที่ดีๆ พูดกันรู้เรื่อง ฯลฯ
ประเทศไทยมีที่เที่ยวมากมาย ราคาก็ถูกมาก ไม่จำเป็นต้องไปนอก ไปเที่ยวเขื่อนอย่างเดียวก็สนุกมากแล้ว อาหารอร่อย ราคาถูก มีที่ให้เดิน มีป่า มีน้ำยิ่งเขื่อนเชี่ยวหลานยิ่งเหมือน Isle of Capri สวยงามมาก พวกเราทุกๆ คนน่าที่จะพยายามไปเที่ยวในประเทศไทยให้มากๆ นะครับ เป็นการช่วยอุดหนุนพี่น้องชาวไทยด้วยกัน และประหยัดเงินตราที่ไม่ไปต่างประเทศ
ฝากทุกๆ หน่วย ทุกๆ ท่านที่เกี่ยวข้อง ห้องน้ำผู้หญิงควรมีมากกว่าผู้ชาย3 เท่านะครับ เพราะเวลารถทัวร์หยุดพักรถ ผู้หญิงจะเสียเวลารอเข้าห้องน้ำ เข้าเสร็จก็หมดเวลา ไม่ได้ shopping และผู้หญิงเป็นคนถือเงิน ผู้ชายมีเวลา แต่ไม่มีเงิน!?555
ผมเป็นคนชอบเที่ยว ชอบสนุก enjoy life ทำอะไรทุกอย่างกิน เที่ยว เรียน ทำงาน ดื่ม เล่นกีฬา เวลาช่วยใครจะทำ 100% ทั้งนั้นไม่เคยยอมแพ้ใคร ไม่ยอมออมมือให้ใคร ไม่ว่าจะเล่นเทนนิสกับลูกๆ หรือกับทัวร์ (นพ.ฉันชาย) และทริป (ดร.ชัชชาติ)
จึงอยากให้ทุกๆ คนรักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก ทำอะไร 100% กัดไม่ปล่อย และเก่งวางแผน แค่นี้ก็จะประสบความสำเร็จไปแล้วเกินครึ่งครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี