“น้องแป้ง” นักเรียน ม.2 วัย 14 ปี เด็กหญิงยอดกตัญญู ช่วยเหลือตากับยายขายไส้กรอกย่างหารายได้จุนเจือครอบครัว แถมยังช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่างโดยไม่ออกเที่ยวเตร่เหมือนเด็กในวัยเดียวกัน มีความขยันใฝ่การเรียนจนเป็นที่รักของครูอาจารย์ภายในโรงเรียน เผยฝันอยากเป็นข้าราชการทหาร อยากดูแลตากับยายไม่ให้ลำบากอีก
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยเรื่องราวของ “น้องแป้ง” เด็กหญิงวัย 14 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) จากนายอัศวิน คงเพ็ชรศักดิ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาฯ ถึงเรื่องราวความกตัญญูรู้คุณและเป็นเด็กที่ขยัน ใฝ่เรียนรู้จนได้ผลการเรียนในระดับสูงและยังเป็นตัวแทนจังหวัดราชบุรี แข่งขันคนเก่งโรงเรียนท้องถิ่น ระดับประเทศ ซึ่งสร้างความภูมิใจให้กับคณะครู เพื่อนนักเรียน รวมไปถึงผู้ปกครองของน้องแป้งด้วย แม้น้องแป้งจะมีสภาพฐานะความเป็นอยู่จากครอบครัวที่ปานกลางยึดอาชีพขายไส้กรอกย่างริมทางเท้าเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพและครอบครัว
เรื่องราวชีวิตของ “น้องแป้ง” เด็กหญิงปิยวรรณ ชาวใต้ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาลสงเคราะห์) เขตเทศบาลเมืองราชบุรี อาศัยอยู่กับนายสัมผัส ธุมา อายุ 60 ปี ชาวอำเภอประทุมรัช จังหวัดร้อยเอ็ด และ นางมอญ ธุมา วัย 61 ปี ชาวอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นตากับยายเป็นผู้ดูแลอยู่ภายในบ้านเลขที่ 270 ซอยปิฏฐปาตี ถนนมนตรีสุริยวงศ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี หลังจากที่พ่อและแม่ของน้องแป้งแยกทางกันตั้งแต่น้องแป้งคลอดกำเนิดได้เพียง 7 วัน ทำให้น้องแป้งเรียกตากับยายว่า “พ่อและแม่” มาตลอดจนถึงปัจจุบัน รวมเป็นระยะเวลา 14 ปี
วันนี้น้องแป้งได้พาทีมข่าวเข็นรถขายไส้กรอกย่างจากที่บ้านเวลา 15.00 น. และเข็นขายเลื่อยไป จนไปถึงที่บริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมัน ปตท.บ้านไร่ หรือที่ปากซอยมนตรีสุริยวงศ์ 6 เวลา 16.00 น. ซึ่งเป็นสถานที่ค้าขายสุดท้ายของวัน ระยะทางไม่ไกลจากบ้านมากนัก น้องแป้งจะทำหน้าที่เข็นรถส่วนคุณยายมอญก็จะเดินตามและคอยสังเกตไส้กรอกที่ย่างอยู่บนเตาไฟเพื่อไม่ให้เกิดการไหม้และก็จะมีลูกค้าขาประจำจะมาคอยรอซื้อไปจนถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อมาถึงที่บริเวณริมฟุตบาทที่อยู่มุมทางออกของสถานีบริการน้ำมัน น้องแป้งก็จะเข็นรถไปจอดและเตรียมย่างไส้กรอกเพื่อรอลูกค้ามาอุดหนุน ปกติก็จะขายหมดก่อนเวลา 20.00 น. เนื่องจากไส้กรอกของน้องแป้งจะมี 2 รสชาติ แบบเปรี้ยวกับไม่เปรี้ยว แล้วแต่ความชอบของลูกค้า จำหน่ายก็ไม่แพง 8 ลูก 10 บาท มีผัก พริก และขิงแถมให้ด้วย
จากการสังเกตและพูดคุยกับ “น้องแป้ง” พบว่าเป็นเด็กยิ้มแย้มอารมดี บางเวลาจะค่อนข้างเขินอายเป็นที่รักของบรรดาเพื่อนๆในวัยเดียวกัน โดยแต่ละวันน้องแป้งจะเป็นคนที่ตื่นเช้าเพื่อมาล้างภาชนะต่างๆที่อยู่บนรถเข็นที่ใช้สำหรับไปเข็นขายไส้กรอกให้กับยายและตาเพื่อเตรียมที่จะออกขายช่วงเย็นเป็นประจำทุกวันจนเป็นกิจวัตรประจำวันมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต จากนั้นจะเตรียมหุงข้าวก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัวเดินทางไปเรียนหนังสือตามปกติ น้องแป้งจะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในทุกๆวัน เมื่อมีเวลาว่างจะมานั่งอ่านหนังสือ เตรียมทบทวนวิชาเรียน อีกทั้งยังได้ร่วมกิจกรรมของโรงเรียนตามที่ตัวเองถนัด
นอกจากนี้ยังได้รับการไว้วางใจจากโรงเรียนให้เป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารโรงเรียนที่มีหน้าที่จดบันทึกรับฝากเงินของนักเรียนผู้มาใช้บริการ ส่วนหลังเลิกเรียนจะกลับมาทำหน้าที่ภายในบ้านด้วยการปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้าน หุงข้าวและช่วยทำไส้กรอกย่าง รวมไปถึงการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ บนรถสำหรับให้ยายเข็นรถไปขายไส้กรอกย่างและบางวันถ้าไม่มีการบ้านน้องแป้งก็จะตามออกไปช่วยยายนั่งขายของด้วย
นายอัศวิน คงเพ็ชรศักดิ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาฯ เล่าให้ฟังว่า เด็กหญิงปิยวรรณ ชาวใต้ เป็นเด็กที่ล่าเริง ตั้งใจเรียน อยู่ที่โรงเรียนก็จะทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ค่อนข้างที่จะมาก อย่างเช่นธนาคารโรงเรียนเขาก็จะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องการเงิน เพราะทางโรงเรียนจะต้องคัดเลือกเด็กที่มีความรับผิดชอบ ในเรื่องของภาระงานเขาจะต้องทำทุกวันมีความมานะอดทนมีความระเอียดรอบคอบ มีความเป็นกันเองบุคลิกล่าเริงแจ่มใส รวมไปถึงในเรื่องของกิจกรรมทางวิชาการ นอกจากนี้น้องแป้งยังใช้เวลาหลังจากที่ทำกิจกรรมของทางโรงเรียนแล้วมาอ่านหนังสือ ล่าสุดได้เป็นตัวแทนของจังหวัดราชบุรีเข้าแข่งขันคนเก่งของท้องถิ่นในระดับประเทศ
นอกจากนี้งานบ้านก็จะยังช่วยเหลือในส่วนของผู้ปกครองซึ่งตอนนี้อยู่กับยายก็จะช่วยเหลือในเรื่องของการทำงานบ้านรวมไปถึงการประกอบอาชีพของยายอีกด้วย โดยที่ทางโรงเรียนยังได้ดูในเรื่องของทุนการศึกษาเพราะว่าทางครอบครัวค่อนข้างที่จะไม่ได้มีฐานะที่สูงเท่าไหร่อยู่ในฐานะปานกลาง ทางโรงเรียนก็จะให้ทุนการศึกษารวมถึงในเรื่องของอาชีพเสริมต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการที่จะมีความรู้ไปประกอบอาชีพหรือว่าเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไปทางโรงเรียนก็จะเสริมทักษะให้มีความรู้ความชำนาญต่อไป
ทางด้านนางมอญ ธุมา วัย 61 ปี ยายของน้องแป้ง เล่าให้ฟังว่า ทุกวันหลังจากกลับจากโรงเรียนจะมาช่วยงานที่บ้านและทำการบ้าน บางวันการบ้านไม่เยอะก็จะออกมาช่วยตนเองขายไส้กรอก ภูมิใจที่น้องแป้งเป็นเด็กที่ขยันกตัญญูว่าง่ายไม่เคยทำให้เสียใจ อีกทั้งยังไม่เคยออกไปเล่นหรือเที่ยวที่ไหนเหมือนเด็กๆทั่วไปที่มักจะออกไปเที่ยวเตร่ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งห้างหรือไปมั่วสุม น้องแป้งไม่คบเพื่อนเที่ยวจะมีก็ไปแต่เพื่อนที่มีงานทำการบ้านหรือวิชาเรียน ทุกครั้งที่ไปน้องแป้งจะมาบอกและก็กลับตรงเวลาและที่รักเพราะเวลาที่ตากับยายไม่สบายน้องแป้งจะมาคอยดูแลคอยเฝ้าทั้งที่บ้านและโรงพยาบาลเพราะน้องแป้งจะเป็นห่วงตากับยายมาก
อีกทั้งตนเองรักเหมือนลูก ส่วนความฝันของตนเคยบอกน้องแป้งว่า ตากับยายอยากให้ตั้งใจเรียนขยันจะได้เรียนจบสูงๆ เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ส่วนตัวเขาเองอยากเป็นทหาร ก็เลยบอกเขาไปว่า เป็นทหารอ่อนแอไม่ได้เป็นทหารต้องฝึกหนัก ตากับยายอยากให้เป็นพยาบาล เขากลัวเลือดไม่เอาไม่งั้นก็เป็นครู แต่น้องแป้งก็คิดอยู่นานและก็บอกยืนยันว่าอยากเป็นทหาร ตนจึงบอกน้องแป้งไปว่า “แม่แก่และอายุมากแล้วนะหาให้ส่งเสียให้เรียนได้ก็ต้องใจเรียน”
วันเด็กปีนี้ นางมอญ กล่าวว่า "อยากบอกน้องแป้งว่าให้เป็นเด็กดีอย่างนี้ตลอดไป ให้ตั้งใจเรียนมีอะไรต้องการอะไรก็ขอให้บอกตากับยาย เพราะรักเหมือนลูกตากับยายเลี้ยงและอุ้มชูมาตั้งแต่เกิด ไม่หวังสิ่งอื่นใดทดแทนนอกจากเป็นคนดี"
เด็กหญิงปิยวรรณ ชาวใต้ หรือ น้องแป้ง เปิดใจเล่าเรื่องราวชีวิตของตนเองให้ฟังว่า ตั้งแต่จำความได้ก็อยู่กับตากับยายมาจนถึงทุกวันนี้เข้า 14 ปีแล้ว ยายจะคอยเลี้ยงดูทะนุถนอมตนเองมาด้วยความรักเหมือนลูก ยายเคยเล่าให้ฟังว่าต้องหยุดขายของมาเพื่อเลี้ยงดูตนเพราะตนเองยังเล็กมากอีกทั้งฐานะก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่น ตาต้องทำงานหนักเพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวรวมถึงตนเองด้วย ส่วนพ่อกับแม่แท้ๆ ท่านก็ไม่ได้ทิ้งหนูไปไหนแต่ด้วยท่านทั้งสองแยกทางกัน คุณพ่อไปทำงานต่างประเทศกลับมาไทยก็จะแวะมาหาบ้าง ส่วนแม่ก็ไปมีครอบครัวใหม่แล้วแวะมาเที่ยวหาบ่อยพาไปทานข้าวบ้างไปดูหนังซึ่งตนเองก็ไม่ได้โกรธอะไร ทุกวันนี้อยู่กับตากับยายก็รักและมีความสุข ตนเรียกท่านทั้งสองว่า “พ่อกับแม่” เพราะรักและห่วงมาก
ส่วนการเรียนหนังสือ ตนเองมีความตั้งใจและพยายามที่จะเรียนหนังสือให้ออกมาดีที่สุดได้ผลการเรียนในระดับ 3.5 ขึ้น และได้ร่วมกิจกรรมของโรงเรียนเป็นพนักงานธนาคารโรงเรียนและเป็นตัวแทนของโรงเรียนเข้าแข่งขันคนเก่งของโรงเรียนในท้องถิ่นและกำลังจะเข้าแข่งขันในระดับประเทศในวิชาภาษาไทยด้วย
น้องแป้ง เล่าต่อว่า ตนเองไม่เคยได้ออกไปเที่ยวเลย หลังจากเลิกเรียนก็กลับบ้านมาทำงานที่บ้านช่วยป้าที่บ้านและออกมาช่วยยายขายของ เวลาจะออกไปไหนอย่างเช่นถ้าไปทำงานที่บ้านเพื่อก็จะขออนุญาตตากับยายทุกครั้งหากท่านไม่ให้ไปตนเองก็จะไม่ไป แต่ถ้าท่านให้ไปก็จะบอกว่าเดี๋ยวหนูกลับมาเร็วนะ เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ส่วนอนาคตตนเองอยากเป็นทหาร เพราะว่าตนเองชอบในเรื่องของเครื่องแบบ ไม่อยากให้ตายายลำบากอยากมียศสูงๆ อยากมีเงินเดือนเยอะๆ อยากดูแลยายกับตา เพราะหนูรักยายกับตา หนูอยากบอกว่า “หนูจะไม่ดื้อไม่ซน จะช่วยงานทุกอย่าง”
ขณะที่ลูกค้าและครูอาจารย์หลายคนที่เคยมาอุดหนุน ต่างก็ชื่นชมน้องแป้งและครอบครัว โดยยกย่องให้น้องแป้งเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน พร้อมกับชื่นชมยายกับตาของน้องแป้งที่รักและดูแลน้องแป้งมาตลอด 14 ปี อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างของความขยัน ที่เข็นรถขายไส้กรอกย่างมากว่า 20 ปี ที่สามารถนำรายได้มาเลี้ยงดูจุนเจือครอบครัวและส่งเสียให้น้องแป้งได้เล่าเรียนมาพร้อมทั้งคอยพร่ำสอนให้น้องแป้งเป็นเด็กดี ขยัน รู้จักศึกษาเล่าเรียนและรู้จักประกอบอาชีพที่สุจริตจนถึงทุกวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี