การเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement) หมายถึงปฏิบัติการของกลุ่มคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการ “เปลี่ยนแปลงสังคม” ที่คนเหล่านั้นอาศัยอยู่ โดยอาจเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมก็ได้ ทั้งนี้หากดูในรอบปี 2560 ที่ผ่านมา คงไม่มีการเคลื่อนไหวทางสังคมเรื่องไดที่เป็นกระแสเท่ากับ “#MeToo” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “ฉันก็เหมือนกัน” ซึ่งหมายถึงการรณรงค์ให้ “ผู้หญิง” ออกมาเปิดเผยประสบการณ์ “การถูกคุกคามทางเพศ” (Sexual Harassment) จากผู้ชาย
ที่มาที่ไปของหัวข้อรณรงค์ MeToo เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือน ต.ค. 2560 โดยการเริ่มต้นของ อลิซซา มิลาโน (Alyssa Milano) นักแสดงสาวชาวอเมริกัน จากนั้นกระแสดังกล่าวได้แพร่ขยายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่วัน รวมถึงประเทศไทย อาทิ สำนักข่าว BBC ของอังกฤษประจำประเทศไทย รายงานเมื่อ 18 ต.ค. 2560 ว่าผู้หญิงไทยจำนวนมากก็เข้าร่วมการรณรงค์นี้ด้วย มีการบอกเล่าประสบการณ์การพบเจอกับ “ผู้ชายสายหื่น” ที่ระดับความรุนแรงแตกต่างกันไปตั้งแต่ถูกพูดจาแทะโลม การถูกเนื้อต้องตัว ไปจนถึงการข่มขืนกระทำชำเรา
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี เพราะอย่างไรเสียการลวนลามหรือการข่มขืนกระทำชำเราก็เป็น “อาชญากรรม” ไม่ว่าประเทศใดในโลก อย่างในประเทศไทยก็มี ประมวลกฎหมายอาญา “หมวดความผิดเกี่ยวกับเพศ” (มาตรา 276-287) ในหลายมาตราได้บัญญัติความผิดและบทลงโทษไว้อย่างชัดเจน การที่มีกระแสสังคมใส่ใจเรื่องนี้น่าจะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาจริงเอาจังกันมากขึ้น
18 ต.ค. 2560 สาวๆ ทั้งไทยและเทศแชร์ประสบการณ์ถูกคุกคามทางเพศ ... ที่มา : BBC Thai
ทว่าระยะหลังๆ กระแส MeToo ก็เริ่มถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันว่า “สุดโต่ง” มากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ตกลงแล้วผู้ชายจะทำอะไรได้บ้าง?” มีการถามหา “นิยามขอบเขตที่ชัดเจน” ว่าต้องขนาดไหนจึงจะเข้าข่ายคุกคามทางเพศ? จะเหล่มองสาวๆ ได้ไหม? จะเข้าไปจีบได้หรือเปล่า? “กังวลไปหมด” เพราะหากคุณผู้หญิงเธอ “ไม่เล่นด้วย” หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ทั้งหลายอาจจะ “ซวย” ได้ ยิ่งยุคนี้ที่สามารถ “ประจาน” กันง่ายๆ ด้วยสื่อออนไลน์
ล่าสุดเหตุการณ์ “ท้วงติง” กระแส MeToo จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส โดยสำนักข่าว CNN ของสหรัฐอเมริกา รายงานเมื่อ 11 ม.ค. 2561 ว่า กลุ่มสตรีที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศสจำนวน 100 คน นำโดย กาทรีน เดอเนิฟว์ (Catherine Deneuve) นักแสดงหญิงชื่อดังชาวฝรั่งเศส ออกมาเตือนกรณีกระแสการรณรงค์ยุติการคุกคามทางเพศ หรือ MeToo ที่กำลังแพร่หลายไปทั่วโลก โดยใจความสำคัญคือ “ผู้ชายควรมีสิทธิที่จะเกี้ยวพาราสีผู้หญิงบ้าง” ซึ่งเป็นการตอบโต้กลุ่ม นักกิจกรรมแนวสตรีนิยม “เฟมินิสต์” (Feminist) ที่มีบทบาทมากในปัจจุบัน
กาทรีน เดอเนิฟว์ (Catherine Deneuve) ... ที่มา : CNN
กลุ่มสตรีทั้ง 100 คน ที่มีทั้งนักเขียน นักแสดง นักวิชาการ และนักธุรกิจ กล่าวตำหนิความพยายาม “สร้างกระแส” ที่จะทำให้พฤติกรรมทางเพศของผู้ชายเข้าข่ายการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) ต่อผู้หญิงไปเสียทั้งหมด โดยในแถลงการณ์ของกลุ่มระบุว่า “แน่นอนการข่มขืนคืออาชญากรรม แต่ความเจ้าชู้ของหนุ่มๆ ที่พยายามจะจีบสาวๆ นั้นยังไม่ใช่ความผิด” อีกทั้งยังเป็นความกล้าสมชายชาตรีมากกว่าจะเป็นความก้าวร้าวรุนแรง
ขณะที่ฝั่งกลุ่มเคลื่อนไหวเฟมินิสต์ นำโดย แคโรไลน์ เดอ แฮส (Caroline De Haas) กับแนวร่วมอีก 30 คน ได้ออกมาตอบโต้กลุ่มสตรีทั้ง 100 คนว่า พยายามล่อลวงด้วยความเคารพและความสุขทว่าแฝงไว้ด้วยความรุนแรง และย้ำว่าการณรงค์ประเด็นความรุนแรงทางเพศไม่ได้ห้ามพฤติกรรมความเจ้าชู้ของผู้ชาย แต่หมายถึงการเคารพสิทธิของคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียม
แคโรไลน์ เดอ แฮส (Caroline De Haas) ... ที่มา : https://www.franceculture.fr/societe/caroline-de-haas-la-tribune-des-100-femmes-reprend-des-stereotypes-de-machine-a-cafe-ou-de-repas-de-famille
อีกทั้งยังกล่าวด้วยว่า เป็นความรับผิดชอบที่ผู้หญิงจะต้องปกป้องตนเองจากการถูกคุกคาม พร้อมกับย้อนถามว่า “เมื่อไหร่จะตั้งคำถามกับผู้ชายถึงความรับผิดชอบที่จะไม่ข่มขืนหรือรังแกผู้หญิงเสียที?” นอกจากนี้ยังมีการ “เปรียบเปรย” กลุ่มผู้ที่ออกมาท้วงติงการณรงค์นี้ว่าเหมือนกับ “ลุงแก่ๆ หรือเพื่อนร่วมงานที่น่ารำคาญ” ผู้ซึ่งไม่ยอมเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเอาเสียเลย
เช่นเดียวกับ ซานดรา มุลเลอร์ (Sandra Muller) นักกิจกรรมผู้เปิดหัวข้อรณรงค์ “#BalanceTonPorc” หรือหมายถึง MeToo ในสังคมฝรั่งเศส กล่าวกับผู้สื่อข่าว CNN ว่า กลุ่มสตรีทั้ง 100 คนนั้นกำลังบ่อนทำลายขวัญกำลังใจของเหยื่อคุกคามทางเพศจำนวนมากที่พยายามแสดงความกล้าหาญ และย้ำว่าหลักการสตรีนิยมไม่เกี่ยวกับการปกป้องเสรีภาพทางเพศ แต่เพื่อปกป้องผู้หญิงเท่านั้น
ทั้งนี้ความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีการรณรงค์ MeToo ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้หญิงกล้าเปิดเผยประสบการณ์การถูกคุกคามทางเพศ เริ่ม “ลุกลาม” ไปสู่การสนับสนุน “ศาลเตี้ย” ให้ผู้คนในสังคมสามารถใช้ความรุนแรงกับใครก็ตามที่ถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศต่อผู้หญิงอย่างชอบธรรม อาทิ ในประเทศอังกฤษเคยมีกรณี “ผู้ชายถูกกดดันให้ต้องออกจากงาน เพียงเพราะการสัมผัสที่บริเวณเข่าของผู้หญิง” เท่านั้น
ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) ... ที่มา : https://www.nytimes.com/2017/10/08/business/harvey-weinstein-fired.html
หรือกรณีของ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) โปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งในวงการภาพยนตร์ของสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน ซึ่งเมื่อเดือน ต.ค. 2560 นักแสดงหญิงหลายรายได้พากันออกมาเปิดเผยว่าเคยถูกนายไวน์สตีนลวนลาม ทำให้นายไวน์สตีนถูกแบนจากวงการ ล่าสุดเมื่อ 10 ม.ค. 2561 เว็บไซต์ นสพ.The Telegraph ของอังกฤษ รายงานว่า นายไวน์สตีนถูกชายคนหนึ่งเดินเข้าไป “ตบหน้า” พร้อมกับบอกว่า “ไปให้พ้นซะ” ขณะที่เขากำลังรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ณ มลรัฐแอริโซนา
ขณะที่สำนักข่าว ABC News ของออสเตรเลีย รายงานเมื่อ 12 ม.ค. 2561 ว่า ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศอิตาลี ออกมาแสดงความชื่นชมกาทรีน เดอเนิฟว์ ที่กล้าออกมาทักท้วงกระแส MeToo ที่เริ่มจะกลายเป็นความสุดโต่งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นายแบร์ลุสโคนีเองก็เป็นผู้ที่เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาว กรณีซื้อบริการทางเพศหญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) ... ที่มา : https://www.thefamouspeople.com/profiles/silvio-berlusconi-4381.php
ทั้งหมดข้างต้นแม้จะเป็น “ดรามา” วิวาทะที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมฝรั่งตะวันตก แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ไกลตัวคนไทยแม้แต่น้อย เพราะในสังคมไทยเองก็มีคำกล่าวติดตลกว่า “ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ” และชายไทยไม่ว่าจะมีฐานะทางสังคมแบบไหน ก็มีข่าวให้ได้ยินอยู่เนืองๆ ถึงพฤติกรรม “บ้านเล็กบ้านน้อย” ยิ่งถ้ามีเงินมีทองพอสมควรก็นิยม “ทาบทาม” สาวงามไปเลี้ยงดูแบบลับๆ โดยหากไม่ถึงขั้น “ถ้าฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วยแล้วยังตามตื๊อจนน่ารำคาญ” ฝ่ายชายก็ยังไม่ถึงกับถูกก่นด่าประณามเป็นคนเลวคนร้ายอะไร
ทว่าเมื่อค่านิยมดั้งเดิมต้องมาปะทะกับกระแสต่อต้านการคุกคามทางเพศบวกกับทุกคนสามารถ “บอกเล่า-ระบาย” ผ่านสื่อออนไลน์ นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์หรือล่วงไปถึงขั้นตำหนิประณาม สังคมไทยอาจถึงเวลาต้อง “ทำให้ชัด” กันเสียทีว่าจะเอาอย่างไร? จะยึดนิยามเดิมตามบทบัญญัติกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งความผิดจะสมบูรณ์อย่างน้อยๆ ต้องถึงขั้นถูกเนื้อต้องตัว หรือจะเปลี่ยนไปตามกระแสที่รณรงค์อย่างหนักในต่างแดน ซึ่งนั้นหมายความว่าสิ่งชายไทยไม่ว่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เคยชินมาช้านานข้างต้น ก็จะต้องถึงคราวยุติลง
สังคมไทยจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bbc.com/thai/thailand-41669340
http://edition.cnn.com/2018/01/10/europe/catherine-deneuve-france-letter-metoo-intl/index.html
http://www.telegraph.co.uk/news/2018/01/10/harvey-weinstein-slapped-face-restaurant-arizona/
http://www.abc.net.au/news/2018-01-12/italy-berlusconi-hails-deneuve-words-on-harassment/9322856
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี