15 ม.ค.61 ที่ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ชาวบ้านแจ้งว่า ในป่าเล็กๆ กลางทุ่งนา มีพระพุทธรูปเก่าแก่องค์ใหญ่อายุหลายร้อยปีถูกทิ้งร้างอยู่ อยากให้กรมศิลปากรเข้าไปตรวจสอบดูว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใด และขึ้นทะเบียนไว้เพื่อป้องกันมิจฉาชีพทุบทำลาย ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในป่ากลางทุ่งนาโดยมีทางเดินคันนาเข้าไปจากริมถนนใหญ่ประมาณ 500 เมตร เมื่อไปถึงป่าเล็กๆ ในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่เต็มพื้นที่ บนเนินดินสูงขึ้นไป พบ"พระพุทธรูป"เนื้อก่ออิฐถือปูนองค์ใหญ่เก่าแก่ สูงประมาณ 3 เมตร ฐานกว้างราว 2 เมตรเศษ ลักษณะอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ มือซ้ายหงายวางบนตัก มือขวาวางคว่ำลงที่เข่า นิ้วมือชี้ลงที่พื้นธรณี หรือเรียกว่า 'พระปางมารวิชัย' ในส่วนของเศียรพระมีร่องรอยชำรุดแตกหัก
นายเชนทร์ คนชาน สมาชิกสภาเทศบาลทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี กล่าวว่า ตนทราบเรื่องของพระพุทธรูปองค์นี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว จากนิตยสารของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะนิเทศศาสตร์ ได้มาทำงานวิจัยว่าทำไมตำบลทับยา อ.อินทร์บุรีนี้ ถึงได้มีพระพุทธรูปสมัยอยุธยา เช่น 'พระฉาย' ซึ่งเป็นประติมากรรมปูนปั้นนูนสูงภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์โดยมีพระโมคลาและพระสารีบุตรยืนอยู่ทั้งสองข้าง ซึ่งกรมศิลปากรได้เข้าตรวจสอบแล้วพบว่า 'พระฉาย' นั้นสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางถึงปลาย และนักศึกษากลุ่มนี้ก็ได้ลงมาวิจัยทั้งตำบลทับยาเป็นเวลา 1 เดือน โดยพักที่วัดสุทธาวาส และได้ไปลงพื้นที่ตามที่ต่างๆ จนได้มาเจอพระพุทธรูปองค์นี้ในบริเวณนี้ และได้สอบถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนี้ว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีชื่อว่าอะไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร จึงได้ข้อสรุปคร่าวๆ ว่า ชาวบ้านแถวนี้เรียกว่า 'วัดโคกงู' เพราะตั้งอยู่บนเนิน หรือเรียกกันว่าบนโคก มีพระพุทธรูปเนื้อก่ออิฐถือปูน 'ปางมารวิชัย' ประดิษฐานอยู่กลางโคก ชาวบ้านเรียกว่า 'หลวงพ่อโคกงู' และบริเวณแถวนี้จะมีงูเห่าอยู่เยอะ จะเห็นคราบงูที่ลอกคราบไว้ตามพื้นดิน และเดิมพระองค์นี้จะมีหลังคาคลุมไว้ แต่กาลเวลาทำให้ผุพังลงไป ส่วนจะสร้างในสมัยใดนั้นยังไม่มีผู้มีความรู้ทางโบราณคดีมาชี้ชัด ดังนั้นคณะนักศึกษาที่มาวิจัยพื้นที่จึงทำได้เพียงถ่ายรูปและประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้คนสิงห์บุรีและคนใกล้เคียงได้รู้จักพระพุทธรูปองค์นี้ลงในนิตยสารของมหาวิทยาลัยหอกการค้าไทยเท่านั้น
นายเชนทร์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากนั้นหลวงพ่อโคกงู และวัดโคกงู ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและต่อมาไม่นานก็เงียบหายไป หรือแม้แต่คนใน ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรีนี้ ยังมีส่วนน้อยที่จะรู้ว่าบริเวณป่าเล็กๆ พื้นที่ไร่เศษๆ จะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เก่าแก่องค์นี้อยู่ จนต่อมาตนได้มาเป็นสมาชิกเทศบาลตำบลทับยา ได้รับผิดชอบในพื้นที่ตำบลทับยา จึงพยายามที่จะผลักดัน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักและมาท่องเที่ยวกราบพระขอพรจาก หลวงพ่อโคกงูนี้
"สำหรับอายุไม่แน่ใจว่าสร้างขึ้นในสมัยใด ได้แต่คาดเดากันว่า อาจสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางถึงตอนปลายก็เป็นได้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้บอกว่า น่าจะสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณซักเกือบ 200 ปี เนื่องจากบริเวณนี้เป็นทุ่งนา สมัยก่อนไม่มีถนน มีที่ตรงนี้เพียงจุดเดียวที่พักกันได้ จึงได้มีชาวนารวมกลุ่มกันสร้างพระเพื่อเอาไว้กราบไหว้ขอพรเวลาทำนา เมื่อความเชื่อแตกเป็นสองทางแบบนี้จึงอยากให้กรมศิลปากรมาช่วยสำรวจและชี้ชัดให้หน่อยว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในสมัยใดกันแน่ เมื่อทราบกันแล้วก็อยากให้สถานที่วัดร้างแห่งนี้เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปจะได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งในตำบลทับยา และเมื่อขึ้นทะเบียนแล้วจะได้ป้องกันไม่ให้คนมาทุบทำลาย เพราะโดยปกติจะมีแค่ชาวนาและคนในละแวกนี้ ที่มากราบไหว้กันเป็นประจำ หรือในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปีใหม่ สงกรานต์ ชาวบ้านในละแวกนี้ก็จะมาเปลี่ยนจีวรให้องค์พระ หรือว่ามาทำพิธีบวชต้นไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาตัดต้นไม้" นายเชนทร์ กล่าว
สำหรับวัดโคกงู ที่ชาวบ้านละแวกนี้เรียกกันนั้น สำนักพระพุทธศาสนาได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง คือ "วัดห้วยงู" สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นประมาณช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนกลางถึงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ปัจจุบันมีเนื้อที่รวม 1 ไร่ 2 งาน 71 ตารางวา องค์พระพุทธรูปมีร่องรอยการซ่อมแซมบูรณะเป็นระยะๆ ซึ่งน่าจะเป็นชาวบ้านที่ทำนาบริเวณรอบวัดห้วยงู แต่ด้วยตัววัดที่ตั้งอยู่กลางทุ่งและประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่เนืองๆ จึงทำให้วัดห้วยงูถูกปล่อยทิ้งร้างจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามก็มักมีผู้แสวงโชคเดินทางเข้าไปกราบและหาเลขเด็ดกันเกือบทุกงวด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี