เปิดชีวิต‘ครูวิบาก...วีระศักดิ์ ยั่งยืน’ จากอดีต รปภ.ผันตัวสู่การเป็นครูใหญ่โรงเรียนชายแดนไทย-กัมพูชา ลุยโคลนไปสอนนักเรียน
ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์ ได้เปิดเผยเรื่องราวของสุดยอด “พ่อพิมพ์ของชาติ” ผู้บากบั่นอุทิศตัวเพื่อการศึกษาของเด็กนักเรียน ซึ่งน่าเอาแบบอย่าง โดยเป็นเรื่องราวของ นายวีระศักดิ์ ยั่งยืน วัย 80 ปี อดีตครูใหญ่โรงเรียนบ้านตาวัง อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นโรงเรียนในพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์
เรื่องราวชีวิต “ครูวีระศักดิ์” นั้น กว่าจะได้เป็นครู ต้องดิ้นรน ปากกัด ตีนถีบ เพราะเกิดมาฐานะยากจน เป็นเพียงลูกชาวนา อาชีพครูเป็นอาชีพในฝัน ก่อนจะได้เป็นครูใหญ่นั้น เขาได้เข้าทำงานเป็น รปภ.ที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินศึกษาเล่าเรียนเอง และเมื่อสอบบรรจุครูได้ จึงเลือกลงโรงเรียนพื้นที่ชายแดน “ลุยโคลน” ไปสอนนักเรียน ยอมเสียสละเพื่ออนาคตของชาติ เป็นเรื่องราวชีวิตของ “ครูวิบาก วีระศักดิ์ ยั่งยืน” ตำนานครูผู้ทรนง
“ครูวีระศักดิ์” เล่าว่า ตนเป็นลูกชาวนา เกิดเมื่อวันที่19 พ.ค.2482 ที่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 7ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ในวัยเด็กเหมือนกับเด็กทั่วไป ทำไร่ทำนา เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ช่วยพ่อแม่ เรียนชั้นประถมศึกษาที่วัดบ้านดินเเดง ต.หนองบัวบาน ใน พ.ศ.2489 และจนจบ ป.4 ใน พ.ศ.2496 เเละเข้าเรียนต่อ มัธยมที่ ร.ร.รัตนบุรี จนจบ ม.6 ในสมัยนั้น เเละอยากเรียนต่อ คือ ตั้งใจอยากเป็นครูไปสอบสมัครเรียนที่สุรินทร์ คือ สอบเข้าเรียน ว.ค.อุบล
“ในสมัยนั้น มีนักเรียน ม.6 ที่เรียนจบ ม.6 ประมาณ 600 กว่าคน จังหวัดคัดเอา 70 คน ผมสอบได้ที่ 21 จังหวัดคัดเลือกในโควต้าเเค่ 18 คน เเต่ก็ต้องสละสิทธิ์เพราะฐานะยากจน ขาดเเคลนทุนทรัพย์ จึงไปรับจ้างในเมืองกรุงอยู่หลายปี มีอาชีพ เป็น รปภ. เพื่อเป็นทุนเรียนต่อ เพราะฝันอยากเป็นคุณครู”
ต่อมาได้กลับบ้านเกิด เห็นเพื่อนทำงาน เเละอยากเป็นคุณครู จึงสมัครเป็น “ครูช่วยสอน” ขณะเดียวกันก็สมัครสอบวิชาชุดครูไปด้วย จนสอบได้วิชาครู พ.ก.ศ. จึงได้สอบบรรจุครูกับเขา ได้บรรจุเป็นครูปลายปี 2514 บรรจุครั้งแรกอยู่ที่โรงเรียนบ้านจบก ต.สะเดา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ในสมัยนั้น
จากนั้นทาง ต.สะเดาได้เเยกเป็นตำบลใหม่ คือ ต.ตาวัง ตนจึงย้ายมาเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนบ้านตาวัง ในเดือน พ.ค.2519 มีครู 2 ท่านเท่านั้น จากอาคารเรียนหลังคามุงด้วยหญ้า ได้ยกระดับเป็นอาคารชั้นเดียว จนขยับขยายเป็น 2 ชั้น มีระดับครูน้อยมาช่วยสอนเกือบทุกภาคมาอาสาสอน
“ถือว่าสมัยนั้นลำบากพอสมควร จากทางเกวียนต้องลุยโคลนไปสอนนักเรียนหลายสิบปี จนเป็นลูกรัง จากลูกรังสู่ลาดยาง หาบน้ำคุอาบ เป็นต้น จนเกษียณอายุราชการ”
หลังเกษียณราชการ ได้อยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ ได้ดูเเลหลานตามประสาคนวัยเกษียณ ต่อมาภรรยาล้มป่วยด้วยโรงมะเร็งเเละเสียชีวิต สมาชิกในครอบครัวลูกๆที่ต่างถิ่นฐานทำงาน จึงให้ลูกชายคนเล็กที่ร่างกายพิการ ซึ่งทำงานเปิดร้านซ่อมทีวีทีชลบุรีอยู่เป็นเพื่อนพ่อ เป็นหูเป็นตาเเทนพี่ๆที่ทำงานอยู่ในเมืองใหญ่ รับซ่อมทั่วไปในทุกหมู่บ้าน อาหารการกินได้การดูเเลจากลูกชายเเละลูกสะใภ้
กิจวัตรประจำวันที่ทำอย่างเสมอคืออ่านหนังสือ เเละดูทีวีข่าวสารบ้านเมือง ช่วงเกษียณใหม่ๆก็ปลูกผักเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ตามอัตภาพ เเต่ตอนนี้อายุย่าง 80 ปีเเล้วหมดกำลังวังชาให้ลูกให้หลานสานต่อ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี