วันพฤหัสบดี ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
867กิโลเมตร‘ปั่นไปไม่ทิ้งกัน’  ‘สร้างอาชีพ’ยกระดับชีวิตผู้พิการ

867กิโลเมตร‘ปั่นไปไม่ทิ้งกัน’ ‘สร้างอาชีพ’ยกระดับชีวิตผู้พิการ

วันพฤหัสบดี ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag : ปั่นไปไม่ทิ้งกัน ผู้พิการ สร้างอาชีพ Like สาระ
  •  

“คนพิการทำอะไรได้บ้าง?” หากถามคำถามนี้ หลายคนคงจะนึกถึงอาชีพอย่าง“ขายลอตเตอรี่”, “ขอทาน”, “วณิพก” เพราะเป็นภาพที่เห็นกันจนชินตา แต่เชื่อหรือไม่ว่าคนพิการทำอะไรได้มากกว่านั้น? นำมาซึ่งแนวคิดการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 รวมถึงสิทธิของคนพิการในด้านการศึกษา ก็ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ

แต่ในทางปฏิบัติ ลำพังคนร่างกายปกติครบ 32 ก็ยังมีปัญหาการเข้าถึงบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ ดังจะเห็นโครงการระดมทุนจัดหาเครื่องมือแพทย์ไปประจำโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งคนพิการนั้นยิ่งลำบากกว่ามาก อาทิ ข้อมูลจาก กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการ ณ วันที่ 15 ก.ย. 2560 ระบุว่าประเทศไทยมีคนพิการทั้งสิ้น 1,808,524 คน ในจำนวนนี้เป็นวัยทำงาน (อายุ 15-60 ปี)มากถึง 819,550 คน ส่วนใหญ่เรียนจบเพียงระดับประถมศึกษาเท่านั้น


หากมองในแง่เศรษฐศาสตร์ นี่คือ “ความสูญเสีย” อย่างน่าเสียดาย อาทิ ผู้พิการในวัยแรงงาน พบว่าแม้จะตัดกลุ่มผู้พิการมากจนไม่สามารถทำงานได้จำนวน 217,295 คนออกไป แต่ก็ยังเหลือคนที่พิการไม่มากที่ไม่ได้ประกอบอาชีพอีก 330,339 คน คนกลุ่มนี้ขอเพียง “โอกาส” ในการพัฒนาศักยภาพเท่านั้นก็จะไม่เป็นภาระของคนรอบข้าง จึงเป็นที่มาของโครงการ “ปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ No one left Behind” ปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ ระยะทาง 867 กิโลเมตร เพื่อระดมทุนสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการณ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

28 ม.ค. 2561 ทีมงาน “แนวหน้าวาไรตี้” เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) สถานที่อันเป็น “จุดสตาร์ท” ของโครงการครั้งนี้ซึ่งมีความพิเศษตรงที่เป็นการ “ปั่นจักรยาน 2 ตอน” ด้านหน้าเป็น “จิตอาสานักปั่นตาดี” นำและบอกทาง ส่วนด้านหลังเป็น “นักปั่นผู้พิการทางสายตา” ที่ช่วยปั่นส่งแรงเสริม บรรยากาศแม้จะเป็นช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ แต่ก็มีผู้สนใจมาร่วมงานกันมากมาย

สมพงษ์ จ้อยสูงเนิน อายุ 58 ปีบ้านเกิดอยู่ “โคราช” นครราชสีมา แต่มายึดอาชีพช่างเครื่องเงินเครื่องทองในกรุงเทพฯ หลายสิบปีแล้ว เล่าว่า ปกติปั่นจักรยานเป็นงานอดิเรกอยู่แล้ว พอมีเพื่อนฝูงมาชวนก็ “ตอบรับโดยไม่ลังเล” เพราะเห็นเป็น “กิจกรรมการกุศล” โดยก่อนจะถึงวันจริงก็ได้ไป “เก็บตัว” ฝึกซ้อมกันหลายแห่ง รวมระยะเวลาเตรียมการนานกว่า 3 เดือน ซึ่งตนนั้นรู้สึกประทับใจที่เห็นผู้พิการทางสายตา “มุมานะ” ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างมาก

“ซ้อมครั้งแรกๆ เราเริ่มกันแถวพุทธมณฑลก่อน แล้วก็ไปที่นครปฐม แล้วก็ไปที่เขาใหญ่ แถววังน้ำเขียว แล้วก็ไปที่สวนผึ้งราชบุรี ไปฝึกปั่นขึ้นเนินเขา เพราะระยะทางบางช่วงมันต้องปั่นขึ้นเขา เช่น แถวๆ อุตรดิตถ์ ถ้าถามว่าต่างกันไหม? คือจักรยานปกติตอนเดียวมันทำความเร็วได้ดีกว่า จักรยาน 2 ตอนมันหนักกว่า ถ้าคนด้านหลังไม่ช่วยก็จะเหมือนเอาคนนั่งซ้อนเฉยๆ” สมพงษ์ เล่าถึงการฝึกซ้อม

เช่นเดียวกับ วิฑูรย์ ทองแถมแก้ว อาชีพหลักเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ แม้ปีนี้กำลังจะเข้าสู่วัย 60 ปี อย่างเป็นทางการ แต่ก็ขอมาเป็นนักปั่นจิตอาสาด้วยอีกแรง ซึ่งโดยส่วนตัวชอบปั่นจักรยานอยู่แล้วทั้งแบบเสือหมอบและเสือภูเขา แต่การมาปั่นจักรยาน 2 ตอนนั้นยอมรับว่าต้องใช้กำลังขาค่อนข้างมากเพราะหนักส่วนท้าย แต่เมื่อฝึกซ้อมแล้วพบว่าผู้พิการทางสายตาที่ปั่นไปด้วยกันนั้นช่วยปั่นส่งแรงให้เป็นอย่างดี

“คนตาบอดเขาสามารถปั่นจักรยานได้เขาอยากปั่น ก็อยากให้เขาประสบความสำเร็จในการปั่นจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ เรามีความสามารถเราก็เข้าไปช่วยเขา เพื่อให้เขาบรรลุเป้าหมาย เพราะเป็นการทำบุญทางอ้อมอย่างหนึ่ง อยากให้ทุกๆ จังหวัดออกมารณรงค์กัน ถึงแม้เขาจะเป็นคนพิการทางตาแต่มีใจที่สูงส่ง ต้องการช่วยเหลือสังคม” ผู้ใหญ่วิฑูรย์ กล่าว

ด้านผู้พิการทางสายตาที่ร่วมปั่นจักรยานในครั้งนี้ ธรรม จตุนาม กล่าวว่า คนตาบอดกับการปั่นจักรยานเอาจริงๆ แล้ว “ไม่ยาก” โดยตนนั้นปกติมีญาติบ้าง แม่บ้านบ้าง พาปั่นจักรยาน2 ตอน อยู่ในละแวกบ้านย่านพุทธมณฑลสาย 4-สาย 5 จ.นครปฐม อยู่แล้ว ทำให้ที่บ้านกลายเป็น “จุดรวมพล” ทั้งที่เก็บจักรยานและที่ประชุมเตรียมการฝึกซ้อมก่อนมาถึงวันปั่นจริงไปโดยปริยาย

“โครงการนี้มีวัตถุประสงค์คือต้องการให้คนพิการแสดงศักยภาพให้สังคมเห็น แล้วก็ระดมเงินบริจาคผ่านช่องทางต่างๆ นำไปสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนที่อำเภอเชียงดาว” ผู้พิการท่านนี้ ระบุ

เช่นเดียวกับเจ้าภาพงานครั้งนี้ ที่ชีวิตของท่านเป็นแรงบันดาลใจของใครหลายคน เพราะแม้จะประสบอุบัติเหตุจนตาบอดทั้ง 2 ข้างตั้งแต่อายุ 15 ปี แต่ไม่ย่อท้อตั้งใจเรียนจนจบปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์จาก ม.ธรรมศาสตร์ และปริญญาโทจาก ม.ฮาร์วาร์ด (Harvard University) สหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาทำงานเป็นอาจารย์ใน ม.ธรรมศาสตร์ จนเพิ่งจะเกษียณอายุราชการไปเมื่อเดือน ก.ย. 2560 ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการเปิดเผยว่า ปัจจุบันมีคนพิการเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มีงานทำเป็นกิจจะลักษณะ

ฉะนั้นสิ่งที่ต้องคิดกันต่อคือ “จะทำอย่างไรคนพิการที่เหลือจะมีโอกาสบ้าง?” นำมาสู่แนวคิดการจัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพราะประเทศไทยแม้จะมีกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ แต่ติดปัญหาคือนำมาใช้ได้เฉพาะเป็นค่าดำเนินการฝึกอบรมเท่านั้นไม่สามารถใช้สนับสนุนการตั้งศูนย์ฝึกอาชีพได้ จึงต้องจัดกิจกรรมระดมทุนขึ้น และที่เลือกการปั่นจักรยานเพราะต้องการสร้างความตระหนักตามคำขวัญ “No one left Behind” คนพิการไม่ควรถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ควรได้รับโอกาสให้ใช้ชีวิตได้อย่างคนทั่วไปในสังคม

“ถ้าจะให้เป็นรูปธรรม เราก็นึกถึงจักรยาน 2 ตอน ก็มีอาสาสมัครอยู่ด้านหน้า คนพิการอยู่ด้านหลัง ปั่นด้วยกันไม่ทิ้งกันก็เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ได้อีกอย่างก็เป็นการออกกำลังกายของคนตาบอดอยู่แล้ว แต่เมืองไทยอาจจะไม่เคยชิน” ศ.วิริยะ อธิบาย

ทั้งนี้โครงการ “ปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ No one left Behind” เริ่มออกเดินทางในเช้าวันที่ 28 ม.ค.2561ณ ม.ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) และจะไปสิ้นสุด ณ จุดซึ่งจะเป็นที่ตั้งศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ในช่วงเย็นวันที่ 5 ก.พ.2561 โดยจะมีการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live ที่แฟนเพจ “มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ” https://www.facebook.com/YimsooFoundation ตลอดเส้นทาง

ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคได้ อาทิ บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ 162-3-07772-2, ธนาคารกรุงไทย 196-6-00208-4ธนาคารไทยพาณิชย์ 264-3-001530 ธนาคารกสิกรไทย 758-1-01398-6 และธนาคารกรุงศรี 494-0-00140-9 ชื่อบัญชีมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ รวมถึงอีกหลายช่องทาง โดยเข้าไปติดตามรายละเอียดได้ที่แฟนเพจมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ หรือที่เว็บไซต์ www.yimsoo.org

(ซ้ายบน) ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์, (ซ้ายล่าง) ธรรม จตุนาม, (ขวาบน) สมพงษ์ จ้อยสูงเนิน, (ขวาล่าง) ผู้ใหญ่วิฑูรย์ ทองแถมแก้ว
(ซ้ายบน) ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์, (ซ้ายล่าง) ธรรม จตุนาม, (ขวาบน) สมพงษ์ จ้อยสูงเนิน, (ขวาล่าง) ผู้ใหญ่วิฑูรย์ ทองแถมแก้ว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘อบจ.ระนอง’ใช้งบกองทุนฟื้นฟูฯ  ดูแลคุณภาพชีวิต‘ผู้ป่วย-ผู้พิการ’ ‘อบจ.ระนอง’ใช้งบกองทุนฟื้นฟูฯ ดูแลคุณภาพชีวิต‘ผู้ป่วย-ผู้พิการ’
  •  

Breaking News

'ภูมิธรรม'รับฟัง ทหารชายแดนใต้ร้องเยียวยาเทียบเท่าเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา"

พิพิธภัณฑ์เด็กกทม.1 จตุจักร ชวนมาเป็นนักสำรวจตัวจิ๋ว สัปดาห์วิทยาศาสตร์ 12-17 ส.ค.นี้

‘ภูมิธรรม’มอบนโยบายมหาดไทย ลั่นไม่ได้ข่มขู่-อำนาจบาตรใหญ่ แต่มีแกะดำมาเป็นราชการ​

ไม่ใช่ความผิดรัฐบาล! ‘ธีรรัตน์’โยนบาปเป็นความผิดพลาดของ‘จ.อุบลราชธานี’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved