วันศุกร์ ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
มโนไปเอง! กิน'จู๋เสือดำ'ไม่ช่วยให้'ปึ๋งปั๋ง'

มโนไปเอง! กิน'จู๋เสือดำ'ไม่ช่วยให้'ปึ๋งปั๋ง'

วันอังคาร ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561, 20.00 น.
Tag : ล่าสัตว์ป่า เปรมชัย กรรณสูต ซากเสือดำ บิ๊กอิตาเลียน สมรรถภาพทางเพศ บำรุง สรรพคุณ จู่เสือดำ หางเสือดำ อุ้งตีนหมี ยาโด๊ป จับบิ๊กอิตาเลียนไทย ทุ่งใหญ่นเรศวร เสือดำ
  •  

ทุกวันนี้ยังคงมีคนอยู่ส่วนหนึ่งที่ยังมีความเชื่อว่า "อุ้งตีนหมี หางเสือดำ จู่เสือดำ เป็นยาโด๊ปมีสรรพคุณบำรุงสมรรถภาพทางเพศ" ความเชื่อนี้เกิดขึ้นภายหลังจากเจ้าหน้าที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี บุกเข้าจับกุมเจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คนที่เข้าไปตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ได้พร้อมของกลางซากสัตว์ ป่าเก้ง ไก่ฟ้าหลังเทา และซากเสือดำที่ถูกชำแหละแล้ว เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบมีการนำเอาชิ้นส่วนต่างๆ ของเสือดำที่ชำแหละแล้วมาปรุงอาหารเพื่อทำเป็นยาโด๊ปด้วย


สำหรับความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของคนจีน จากความเชื่อนี้เองที่ทำให้หลายคนนำมาใช้สำหรับกระตุ้นความเป็นชายโดยนิยมกินอวัยวะของสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะอวัยวะเพศของสัตว์ที่หายากเช่นหางเสือดำ ตัวเดียวอันเดียวเสือดำ หรือจู๋เสือดำ ที่กำลังตกเป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต ฆ่าเสือดำเพื่อนำมาตุ๋นยาจีนเป็นยาโด๊ป

วันนี้ (6 มี.ค.) นายไพบูลย์ เฉลิมชัยกิจ เจ้าของร้านขายยาจีน "เอี๊ยะแซ" ย่านเจริญกรุง-สัมพันธวงศ์ กทม.กล่าวกับทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ถึงความเชื่อดังกล่าวว่า อวัยวะของสัตว์ป่าหายากไม่ว่าจะเป็นตัวเดียวอันเดียวของเสือ อุ้งตีนหมี ดีงู ทั้งหมดเป็นเพียงความเชื่อกันไปเองของคนโบราณเท่านั้น ไม่ได้เป็นยาโด๊ปมีสรรพคุณบำรุงกำลังจริงๆ แต่อย่างใด

เจ้าของร้านยาจีนชี้กินจู๋เสือไม่"ปึ๋งปั๋ง

นายไพบูลย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีชิ้นส่วนสัตว์ป่าหายาก ที่ร้านไม่มีขาย และคงไม่ขายด้วย เพราะไม่มีผลในทางยา ขณะที่รังนก กระเพาะปลา รวมถึงสมุนไพรอย่างถั่งเช่า แม้มีสรรพคุณจริง แต่ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาที่แพงมาก หากมีคนมาขอซื้อก็จะขาย แต่หากถามว่า จะให้แนะนำไหมตนก็คงไม่แนะนำเพราะไม่คุ้ม ถ้าจะให้แนะนำคงแนะนำพวกพืชอย่างโสมเกาหลี โสมจีน เก๋ากี้ จะดีกว่า

"ฝากไว้นะครับ ของสัตว์ขอร้องอย่าไปใช้มัน เก็บไว้เป็นเพื่อนร่วมโลกของเรา" นายไพบูลย์ กล่าว

นายสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการ ยืนยันว่า การกินตัวเดียวอันเดียวของสัตว์ใดๆ ก็ตามไม่จำเป็นต้องเป็นสัตว์หายากก็จะให้โปรตีน สารอาหารอื่นๆ บำรุงร่างกาย เช่นเดียวกับการกินเนื้อหมู ปลา ไก่ ไข่ นมและถั่วเมล็ดแห้ง คนที่มีความเชื่อดังกล่าวมักจะเข้าไม่ถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และเป็นความรู้สึกนึกไปเองมากกว่า

ส่วนความเชื่อการกินเนื้อเสือจะทำให้มีอำนาจบารมี ปลุกพลังทางเพศนั้นเป็นทัศนะมีอยู่จริงในคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยเฉพาะคนร่ำรวย เป็นความเชื่อในกลุ่มคนจีน แต่โบราณมานานแล้ว ทำให้เป็นช่องทางของการทำธุรกิจขายของป่า ร้านอาหารป่า ที่มีนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน เป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญ

"การจะมีความรู้สึกทางเพศที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดปัจจัยเดียว แต่สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะด้านร่างกาย ถ้าเรากินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ออกกำลังกาย ไม่เครียด จะทำให้ร่างกายแข็งแรง สมรรถภาพทางเพศก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ซึ่งไม่จำเป็นต้องกินตัวเดียวอันเดียวของสัตว์หายาก" นายสง่า กล่าว

ชี้กินจู่เสือสะท้อนความเชื่อ"เปรมชัย"

นายสุวินัย ภรณวลัย นักวิชาการ และนักเขียนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ได้โพสต์ข้อความโดยมีเนื้อหาระบุว่า การที่นายเปรมชัย ได้พาพรานมืออาชีพมาล่าเสือดำในป่าถึงขนาดพอล่าเสือดำได้แล้วรีบทำการชำแหละหนังกับทำซุปหางเสือทานกันตรงนั้นเลยนั้น ลึกๆ มันสะท้อนความเชื่อผิดๆ ของเจ้าสัวเปรมชัย หรือเปล่าว่า ถ้าได้ทานเนื้อเสือที่ตัวเองล่าได้มันจะเป็นยาโป้ว หรือยาอายุวัฒนะ

นายเปรมชัย อายุ 63 ปีแล้ว ดูจากภาพเขาเป็นชายสูงวัยที่น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ไม่น่าจะมีสุขภาพแข็งแรงนักแม้จะร่ำรวยล้นฟ้าจากธุรกิจที่ผู้เป็นพ่อสร้างมาให้ก็ตาม คนที่รวยล้นฟ้า อายุสูงวัยแล้ว สุขภาพไม่ได้แข็งแรงนัก มิหนำซ้ำความตายไม่ได้เป็นเรื่องห่างไกลตัวเขา การที่เขามาป่าล่าเสือครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อสองปีก่อนเขาก็เคยเข้าป่าล่าสัตว์มาก่อน เห็นได้ชัดเจนว่า จุดประสงค์ในการล่าเสือดำที่เป็นสัตว์หายากของเขาก็เพื่อแสวงหายาโป้วนั่นเอง

ความปรารถนานี้รุนแรงนัก เขาจึงกล้าทำสิ่งที่เย้ยกฏหมายแบบนี้ เพราะต่อให้เขามีเงินมากแค่ไหน ก็ไม่อาจใช้เงินของเขามาล่าเสือดำอย่างถูกกฏหมายเพื่อทานเนื้อเสือดำเป็นยาโป้วในประเทศนี้ ที่จำนวนเสือดำ-เสือดาวรวมกันมีเพียง 80 ตัวเท่านั้นได้

นักโภชนาการเตือนเสี่ยงติดเชื้อโรค

นางเสาวณีย์ กุลสมบูรณ์ ผอ.กองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า เป็นเพียงความเชื่อเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจากการรวบรวมภูมิปัญญาไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่นรวมถึงศาสตร์จีนก็ยังไม่พบว่ามีการใช้อวัยวะเพศของเสือดำหรือสัตว์ป่าอื่นๆ มารับประทานเพื่อเพิ่มพลังเลย มีเพียงการนำกลุ่มกระดูก เขาสัตว์ มาเป็นยาชนิดฝนประกอบตำรับการรักษาโรคตามภูมิปัญญานั้นๆ

"แต่หลายๆ ยกเลิกไปเพราะผิดอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) เพราะฉะนั้นเรื่องอวัยวะเพศของเสียตัวผู้นั้นคิดว่าน่าจะเป็นเพียงความเชื่อ เป็นมายาคติ"

ด้านนางสุจิตต์ สาลีพันธ์ อดีตนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านโภชนาการ) อธิบายว่า เมนูซุปหางเสือดำ เป็นสารอาหารประเภทโปรตีน ไม่มีสรรพคุณบำรุงสมรรถภาพทางเพศแต่อย่างใด แต่ที่เห็นหลายคนนิยมและต้องการรับประทานอาหารชนิดนี้ก็อาจจะเป็นความเชื่อในส่วนบุคคลเท่านั้น

ทั้งอุ้งตีนหมี ซุปหางเสือ หรือจู๋เสือ มีค่าโภชนาการไม่ได้แตกต่างจากการรับประทานเนื้อสัตว์ทั่วไป เพราะมีสารอาหารประเภทโปรตีนเหมือนกัน ที่สำคัญเนื้อสัตว์ป่าจำพวกนี้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลายชนิด เช่นพยาธิที่อาจปะปนมากับเนื้อสัตว์หากปรุงไม่สุกเท่าที่ควร เพราะเนื้อสัตว์ป่าไม่มีการควบคุมด้านความสะอาด ไม่เหมือนกับเนื้อสัตว์ที่มีขายทั่วไปจะมีการควบคุมดูแล และขอแนะนำว่าประเทศไทยมีอาหารให้รับประทานหลายชนิดไม่จำเป็นต้องไปรับประทานอาหารจำพวกสัตว์ป่าหายาก

หมอนัทชี้หาง-จู่เสือดำ ไม่ใช่ยาโด๊ป

ด้าน หมอชนาณัติ แสงอรุณ หรือหมอนัท กรรมการวิชาชีพแพทย์ฯ-ผู้ทรงคุณวุฒิฯ ที่กระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความถึง "ซุปต้มยำหางเสือ" หรือที่เรียกกันว่า "ยาโป๊ว" ลงในเฟซบุ๊ก "ชนาณัติ แสงอรุณ" เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 19.59 น.โดยอธิบายถึงเรื่องนี้ว่า... สมัยนี้เขาไม่ใช้เสือทำยากันแล้ว และยังมีเครื่องยาสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มีสรรพคุณดีใช้แทนเสือได้ เช่น นกกระจอก มีสรรพคุณยา บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงความกำหนัด และต้นกำลังเสือโคร่ง มีสรรพคุณ บำรุงธาตุ บำรุงเส้นเอ็น เจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นต้น

ยาจากสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในตำราแพทย์แผนโบราณทางเภสัชกรรม สัตว์บกที่นำมาใช้ทำยานั้นไม่ใช่ เสือด แต่เป็นเสือโคร่ง มีสรรพคุณยา คือ (ตำราพระโอสถพระนารายณ์) น้ำมันเสือ มีรสเผ็ด ใช้ต้มผสมกับเหล้า กินแก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ผมหงอกก่อนวัย เขี้ยวเสือ มีรสเย็น มีสรรพคุณดับไข้พิษ ไข้กาฬ แก้พิษร้อน พิษอักเสบ พิษตานซาง กระดูกเสือ มีรสเผ็ดคาว เป็นยาบำรุงกระดูก บำรุงไขข้อและเนื้อหนัง แก้ปวดบวมตามข้อ แก้โรคปวดข้อ เป็นยาระงับประสาท แก้โรคลมบ้าหมู แก้ปวดตามข้อ เข่า กระดูก บำรุงกระเพาะอาหาร

หนังเสือ มีรสเย็นเบื่อ เผาไฟผสมยาแก้หืด แก้เสมหะ น้ำนมเสือ มีรสมันร้อน มีสรรพคุณบำรุงกำลัง แก้หืด ดับพิษร้อน ดีเสือ มีรสขม แก้ชัก แก้ช้ำใน เอ็น (อวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้) เสือ มีรสเผ็ด แก้โรคปวดตามข้อและกระดูก ตาเสือ มีรสเย็น ปรุงเป็นยาบำรุงสายตา ไตเสือ มีรสคาวมัน แก้อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เนื้อเสือ มีรสหวานอมเปรี้ยว เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร บำรุงกำลัง แก้คลื่นไส้อาเจียน

"จู๋เสือ"ไม่ได้มีอะไรที่น่าเอามาโด๊ป

นายแพทย์กัมปนาท พรยศไกร ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช แอดมินเพจ Sarikahappymen ได้โพสต์ข้อความระบุว่า จู๋เสือ เจ๋งจริงอะ หนุ่มๆ หลายคนคงเคยได้ยินว่าสมัยก่อนนู้น (พันปีเลย) เวลาเขาจะโด๊ปให้คึกเนี่ย เขาไม่มีไวอากร้า เขาก็จะไปสรรหาอะไรที่พิสดารมากิน ยิ่งตำราการแพทย์จีนที่เชื่อกินอะไรรักษาสิ่งนั้น เช่น กินไตบำรุงไต กินตับบำรุงตับ ดังนั้นถ้าจะโด๊ปจู๋ให้แข็งแรง หนึ่งในนั้นก็ต้องกินจู๋สินะ แล้วทีนี้จะเอาจู๋มาโด๊ป มันก็ต้องเลือกสปีชี่นิดหน่อย คงไม่มีใครเอา จู๋จิ้งจก ตุ๊กแก ชิวาวามากิน จะบำรุงทั้งทีมันต้องระดับเจ้าป่า ซึ่งก็คือไปล่าเอาจู๋เสือมาทำซุป !!

ทั้งนี้ ด้วยสาเหตุนี้เลยทำให้ประชากรเสือถูกล่ามากๆ คือส่วนนึงล่าเอาหนัง อีกส่วนก็ล่าเอาจู๋ เพื่อไปขายให้ผู้ชายไร้สมรรถภาพและเพ้อว่าจู๋เสือจะช่วยได้ สมัยก่อนก็ทำไปเหอะ ไม่รู้ก็ไม่ผิด แต่สมัยนี้ทางการแพทย์มันก้าวหน้า เค้าพบแล้วว่ามันไม่ได้มีประโยชน์ใดๆ เลยกับร่างกาย แถมทำให้เสี่ยงต่อการได้โรคร้ายที่มาจากสัตว์สายพันธุ์อื่นอีก แล้วพวกที่ยังเชื่อละ เขากินเพื่ออะไร

1. กินแล้วจู๋ใหญ่เหมือนเสือ ปกติจู๋เสือเมื่อโตเต็มที่จะยาวประมาณ 7-10 นิ้ว ฟังดูอู้หูไหม ฉะนั้นเลยกินกันใหญ่อยากได้ใหญ่อย่างเสือ แต่ๆ อย่าลืมว่าเสือปกติหนัก 300 กิโลกรัม ดังนั้น เมื่อเทียบขนาดกับน้ำหนักตัวนี่ถือว่าเล็กมากเลย ในทางกลับกันมนุษย์เองต่างหากหนัก 60-70 กิโลกรัม จู๋ก็ 4-5 นิ้วขึ้นแล้ว ดังนั้นมนุษย์แทบจะเป็นสัตว์ที่มีจู๋ยาวสุดในสัตว์โลกแล้ว

2. กินแล้วปลายบานทรงสวยน่าเกรงขามเหมือนเสือ อันนี้ก็เป็นแค่ความเชื่อครับ จู๋เสือจริงๆ รูปร่างมันปลายเรียวแหลมเล็ก มีหนามรอบตัวเหมือนดอกกระเจียวที่ให้ดูนั่นแหละ

3. กินแล้วอึดเหมือนเสือ อันนี้ก็สายมโนเช่นกัน คิดว่าเจ้าป่าแล้วจะอึดซัดกันเป็นชั่วโมง เลยเอามาโด๊ป จริงๆ แล้วธรรมชาติของเสือใช้เวลาผสมพันธุ์แต่ละครั้ง ครึ่ง-1 นาทีเองนะครับ จากนั้นก็จะหยุดพักไปอีกประมาณ 30 นาทีและจะเริ่มคลอเคลียร่วมเพศอีก และจะวนเวียนไปแบบนี้ 30-50 ครั้งในวันหนึ่ง แล้วพักไปเป็นปี อยากได้แบบมันหรือ โดนถีบตกเตียงแน่นอน

4. กินแล้วคึกทุกวันเหมือนเสือ นี่ก็เพ้อเจ้อเช่นกัน เสือเป็นสัตว์ที่ผสมพันธุ์ปีละครั้ง ไม่ได้ตะพึดตะพือเหมือนคนที่เล่น beetalk ครับ ปีนึงเสือใช้เวลาจิ้มไม่กี่วัน ที่เหลือเสือเค้าก็ทำมาหากินล่าสัตว์ล่าเหยื่อครับ

"ฟังคุณสมบัติทุกอย่างแล้ว จู๋เสือไม่ได้มีอะไรที่น่าเอามาโด๊ปเลยเนาะ ปล่อยมันอยู่ตามธรรมชาติแหละดีแล้ว จู๋คนต่างหากที่พลังเยอะสุด หื่นสุดแล้ว อย่าไปยุ่งจู๋เสือเลยนะครับ"

บทสรุปสิ่งน่าเชื่อคือเจ้าสัวอาจรอดคุก

การนำเอาอวัยวะส่วนต่างๆ ของสัตว์ป่าหายากมาปรุงเป็นอาหาร ตุ๋นยาจีน ไม่ว่าจะเป็นหางเสือ ตัวเดียวอันเดียวของเสือ อุ้งตีนหมี ดีงู หรืออะไรก็ตามว่าเป็นยาโด๊ปนั้น มันเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น แต่สิ่งที่ควรเชื่อในตอนนี้ก็คือเจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต อาจจะรอดคุกจากคดีเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรก็เป็นได้ ซึ่งสิ่งนี้น่าจะเป็นความเชื่อได้มากกว่าการกิน จู๋เสือดำ เป็นยาโด๊ปเสียอีก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

จับพระนอกรีตหนีคดีเสพยา-เล่นพนันออนไลน์

‘อิ๊งค์’รวย! ‘ภูมิธรรม’ชี้‘นายกฯ’ทรัพย์สินมหาศาล ไม่ต้องเบียดบัง‘งบหลวง’เที่ยวต่างประเทศ

จับหนึ่งในบัญชีม้าแก๊งคอลฯตุ๋น พล.ต.สูญ3.6ล้าน

‘วันนอร์’ชี้ควรร้อง‘ประธานวุฒิสภา’ ชงศาลรธน.สั่ง‘สว.’หยุดปฏิบัติหน้าที่

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved