เคยไปดูปลาพลวง (ปลาชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำและตาบอด) ที่วนอุทยานถ้ำปลา จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่นั่นปลาแหวกว่ายในบ่อหน้าถ้ำ ส่วนคนเล่นน้ำในลำธารข้างๆ กัน วันนี้มาจังหวัดเชียงราย ไกด์ท้องถิ่นบอกว่าที่จังหวัดเชียงรายก็มีคือที่วัดถ้ำปลา ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ว่าแล้วก็พามาดูให้เห็นกับตา ที่นี่บ่อใหญ่กว่าที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปลานานาพันธุ์แหวกว่ายอยู่ในสระขนาดใหญ่ที่มีต้นน้ำไหลออกมาจากถ้ำ ส่วนข้างสระ รวมถึงเหนือขึ้นไปต้นไม้บริเวณโดยรอบ คราคร่ำไปด้วยทหารพระราม น้อยใหญ่สายพันธุ์ "ไอ้เนี๊ยะ" บ้างวิ่งไล่กันเป็นที่สนุกสนาน บ้างแย่งอาหารเม็ดที่นักท่องเที่ยวโยนให้ปลาเอามากิน บ้างก็ไปคุ้ยขยะหาเศษอาหารเหลือทิ้งเอามากินกันอย่างเอร็ดอร่อย
เสียดายมีรูปน้อยไปหน่อยเพราะต้องคอยระแวดระวังภัยกลัวเจ้าจ๋อจอมซนจะมาแย่งโทรศัพท์จากมือไปโทร.จีบสาวบนยอดเขา
วันนี้เดินชมแต่เพียงด้านล่าง ไม่ได้ขึ้นบันไดนาคขนาดใหญ่ไปด้านบน เพราะมีป้ายเตือนจากทางวัดว่าลิงบนเขาดุมาก ไม่คุ้นชินกับคนและทางวัดไม่รับรองความปลอดภัยอจึงขอหยุดการชมวัดแต่เพียงด้านล่าง
วัดถ้ำปลา หรือ วัดพุทธสถานถ้ำปลา ตั้งอยู่ในตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดย ถ้ำปลา มีลักษณะเป็นลำธารเล็ก ๆ ไหลออกจากใต้ภูเขาหินปูน ไหลทะลุผ่านภูเขาหลายเส้นทางโดยไหลออกทางหน้าปากถ้ำด้านทิศตะวันออกสายน้ำ เหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจาก น้ำตกห้วยเนี้ย ถ้ำนี้วัดความกว้างได้ประมาณ 2.50 เมตร ความสูงวัดจากฝั่งน้ำขึ้นไป สูงประมาณ 1.50 เมตร น้ำลึกประมาณ 0.50 เมตร และภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศิลปะพม่า สร้างขึ้นโดยพระภิกษุชาวพม่า ประชาชนทั่วไปเรียกว่า "พระทรงเครื่อง" เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนในแถบนี้เป็นอย่างมาก
สำหรับวัดแห่งนี้ ในอดีตถ้ำนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าไปในถ้ำได้ลึกประมาณ 10 เมตร และมักจะพบเศษกระเบื้องดินเผา (ดินขอ) สมัยโบราณไหลมาตามน้ำ นอกจากนี้ บริเวณปากน้ำยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ 3 ก้อน และลำธารที่น้ำไหลออกมานี้มีความลึก ประมาณ 3 เมตร มี "ปลาพวงเงิน" และ "ปลาไม้หีบ" แหวกว่ายไปมา สามารถมองเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะในตอนเช้าตรู่ พระ สามเณร และเด็กวัดมักจะให้ข้าวเป็นอาหาร ต่อมาประมาณปี พ.ศ 2526 พระสงฆ์ที่จำพรรษา ชื่อ พระสาม ซึ่งตาบอดทั้ง 2 ข้าง ได้ปรับปรุงและบูรณะปฎิสังขรณ์ โดยขุดลอกขยายบริเวณปากถ้ำและปรับก้อนหินให้เป็นบันไดทางเข้าถ้ำ บริเวณที่ต่อเนื่องกับเปลวปล่องฟ้าซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้
ทั้งนี้ "ถ้ำปลา" มีลักษณะเป็นโพรงหินกว้างใหญ่ลึกเข้าไปในภูเขา อยู่ระดับต่ำกว่าพื้นดิน มีน้ำใสเย็นไหลออกมาตลอดปี ในอดีตมีปลาชุกชุมตามธรรมชาติเวียนว่ายอยู่ในแอ่งบริเวณปากถ้ำ เรียกว่า "ปลาพวงหิน" ลักษณะรูปร่างกลมยาว มีเกล็ดตามลำตัวคล้ายปลาช่อน แต่สีออกน้ำเงินเข้ม มีแถบสีน้ำเงินพาดสีข้าง ลำตัวยาวร่วมคืบ และยังมีปลาสวยงามอีกหลายชนิด ซึ่งปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปแทบไม่เหลือให้เห็น แต่ปัจจุบันมีผู้นำปลาสวยงามมาปล่อยเป็นจำนวนมาก เช่น ปลาดุก ปลาคาร์ฟ ปลาไหล ปลาทับทิม ปลาเงินปลาทอง ปลาไน และ เต่า ฯลฯ
ในอาณาบริเวณวัดถ้ำปลา มีลิงป่าฝูงใหญ่อาศัยอยู่บนยอดเขาเหนือปากถ้ำ คนท้องถิ่นจึงเรียกชื่อวัดด้วยอารมณ์ขันว่า "วัดถ้ำลิง" ที่มักจะลงมาหาอาหารจากนักท่องเที่ยว ซึ่งลิงป่าเป็นพันธุ์ "ไอ้เนี๊ยะ" สายพันธุ์เดียวกับลิงที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีเพียงสองแห่งในประเทศไทยและปัจจุบันลิง "ไอ้เนี๊ยะ" ได้กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่วัด จนชาวต่างชาติรู้จักวัดนี้กันในชื่อ "Monkey Cave" แทนชือ "วัดถ้ำปลา" ไปซะแล้ว
ข้อมูลภาพ#เนวี่พีอาร์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี