วันนี้ (24 มี.ค.) พล.อ.อัครเดช ศศิประภา หรือ "เสธ.แอ๊ว" อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและประธานกรรมการบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) ได้เสียชีวิตแล้ว ที่โรงพยาบาลกรุเทพฯ ด้วยโรคชราภาพ สิริอายุได้ 77 ปี
สำหรับ พล.อ.อัครเดช ศศิประภา เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2484 มีชื่อเล่นว่า แอ๊ว เป็นบุตรของ พล.ท.อรรถ ศศิประภา อดีตแม่ทัพกองทัพภาคที่ 1 กับ นางจำรูญ ศศิประภา และเป็นน้องชายของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
พล.อ.อัครเดช รับราชการในตำแหน่งสูงสุดเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และยังเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท นวนครฯ และกลุ่มทุนอีกหลายกลุ่ม ทำให้มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ในช่วงวัยหนุ่ม ก่อนปี พ.ศ.2507 ร.ท.อัครเดช (ยศในขณะนั้น) เคยคบหากับ อาภัสรา หงสกุล ตั้งแต่ก่อนได้เป็นนางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทย และเมื่อ อาภัสรา ได้แต่งงานกับ ม.ร.ว.เกียรติคุณ กิติยากร ทำให้คนไทยทั้งประเทศถึงกับช็อก
ในภายหลัง ร.ท.อัครเดช ได้แต่งงานกับนางพนารัตน์ พิสุทธิศักดิ์ รองนางสาวไทยอันดับ 1 ปี พ.ศ. 2512 มีบุตรด้วยกัน 2 คน คนแรกเกิดปี พ.ศ. 2514 คือ นรบดี ศศิประภา หรือ ก้อง อดีตสามีของ “หมิว” ลลิตา ปัญโญภาส ดาราชื่อดัง หลังแยกทางกับนางพนารัตน์ ต่อมาได้แต้งงานกับ พ.อ.หญิง กรรณิกา ศศิประภา มีบุตรด้วยกัน 3 คนบทบาทที่สำคัญของ เสธ.แอ๊ว ในช่วงรับราชการถือได้ว่าได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในกองทัพในช่วงบ้านเมืองเกิดเหตุการณ์วุ่นวายจากการตั้งกลุ่มนักเลง แก๊งกวนเมือง ก่อเหตุรุนแรงขึ้น ช่วงที่ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในขณะนั้นได้มีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจ 123 (สายตรวจร่วมปฏิบัติการพิเศษทหาร ตำรวจ 123) ที่เป็นกำลังพลของกองพันทหารสารวัตรที่ 1 คัดกำลังพลที่มีความเข้มแข็ง จริงจัง สุภาพ อ่อนน้อม มีความซื่อสัตย์ เพื่อไว้ปราบนักเลง กลุ่มกวนเมือง
โดยหน่วยดังกล่าวมีอำนาจการปราบปรามอย่างเด็ดขาด รวมไปถึงกองกำลังขนาดเล็กติดอาวุธ มีอำนาจสั่งการได้โดยตรง ทำให้ "เสธ.แอ๊ว" ได้รับแต่งตั้งให้นายทหารผู้นี้เป็นหัวหน้าชุด จนตัวเขาถูกจับตามองจากเจ้าพ่อ นายบ่อน มิจฉาชีพ ที่ส่วนใหญ่ต้องการเข้ามาผูกสัมพันให้เกิดความใกล้ชิด และลดความหวาดระแวงอันจะนำไปสู่การปราบปรามได้
ต่อมาได้ริเริ่มตัดกำลังเข้ารับการฝึกอบรมสายตรวจร่วมปฏิบัติการพิเศษ ทหาร ตำรวจ (สายตรวจ 123) โดยทำการฝึกการใช้รถจักรยานยนต์ การใช้อาวุธประจำการในขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ ใช้เวลาฝึก 3 สัปดาห์ หลังจากจบการฝึกอบรมก็เริ่มออกปฏิบัติการตามภารกิจ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง มิจฉาชีพลดลงอย่างทันตาเห็น ประชาชนก็ต่างอบอุ่นใจทำมาหากินอย่างมีความสุขและปลอดภัย (หนังสือเกษียณอายุราชการ 36 พล.อ.อัครเดช ศศิประภา, น.36)
จากนั้นได้มีการริเริ่มจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษ กองพันทหารสารวัตรที่ 1 ขึ้น โดยคัดเลือกทหารที่มีร่างกายแข็งแรง ลักษณะทหารที่ดี มีปฏิภาณไหวพริบ เข้ารับการอบรมการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญตามหลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (A.T.) ใช้เวลาฝึก 6 สัปดาห์ จัดเป็นกำลังพิเศษเพื่อปฏิบัติภารกิจในการอารักขาบุคคลสำคัญ ทำให้ “เสธ.แอ๊ว” กลายเป็นทหารผู้กว้างขวางที่ถูกจับตามองมากที่สุดในยุคนั้น
ด้วยความที่เขาเป็นทหารในราชการที่มีตำแหน่ง หน้าที่ อำนาจ และมีเครื่องมือพิเศษในการปฏิบัติราชการ อีกทั้งมีความก้าวหน้าในชีวิตรับราชการตามลำดับ เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 9 และรับราชการอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีถึง 6 ปี จึงมีความใกล้ชิดกับอดีตกำนัน และเจ้าพ่อท้องถิ่น และมีนักการเมืองเข้ามาเชื่อมความสัมพันธ์ในทุกสาย
หลังจาก "เสธ.แอ๊ว" เกษียณอายุราชการ ในปี 2544 บารมีในแวดวงกองทัพก็ลดน้อยถอยลงไปตามลำดับ อีกทั้งช่วงหลังก็ยังมีอาการป่วยไปตามอายุขัย และตามสภาพร่างกายที่ใช้มาอย่างโชกโชนในวัยหนุ่ม ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ชอบดื่มไวน์ สูบบุหรี่ แต่ก็ยังคงมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท นวนครฯ และกลุ่มทุนอีกหลายกลุ่ม
สำหรับ พล.อ.อัครเดช ศศิประภา หรือ "เสธ.แอ๊ว" หลังจากเสียชีวิตแล้ว ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดโสมนัสวรมหาวิหาร ศาลา 9 โดยกำหนดพระราชทานน้ำหลวงอาบศพวันที่ 28 มีนาคม 2561 หลังจากนั้นสวดพระอธิธรรมศพ 7 วัน พระราชทานเพลิงศพวันที่ 3 เมษายน 2561
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี