วันพุธ ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ

แท๊กซี่จิตอาสา! 'สุวรรณฉัตร' ช่วยเหลือคนป่วย-พิการจนได้แต่งงานกับ'แพทย์หญิง' (ชมคลิป)

วันศุกร์ ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2561, 07.10 น.
Tag : สุวรรณฉัตร แพทย์หญิง คนป่วย พิการ แท๊กซี่จิตอาสา
  •  

ความเอื้ออาทรในสังคมทุกวันนี้มองหาได้ยากมาก หากใครที่เราไม่รู้จักหรือคุ้นเคยแล้วก็จะแล้งน้ำใจให้กัน แต่ตรงกันข้ามสำหรับ "สุวรรณฉัตร พรหมชาติ" แท็กซี่น้ำใจงามวัย 41 ปีขับรถทำงานจิตอาสา โดยไม่หวังผลประโยชน์หรือเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถือเป็นผู้ปิดทองหลังพระอีกคนหนึ่งที่น่าชื่นชม และเป็นซูเปอร์ฮีโรสำหรับผู้ป่วย ผู้ป่วยติดเตียง และคนพิการ

"สุวรรณฉัตร พรหมชาติ" เปิดเผยกับทางทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ ถึงจุดเริ่มต้นการมาทำงานจิตอาสาว่า ตนขับรถแท็กซี่มา 23 ปี แต่ก่อนจะมาทำงานจิตอาสาได้ทำงานอื่นมาแล้วหลายอย่าง แรกๆ ก็ขับรถหาเงินเลี้ยงชีพ แต่พอทำมาเรื่อยๆ ก็มีพระสงฆ์ สามเณร แม่ชี เรียกรถให้ไปส่งตามสถานที่ต่างๆ ตนก็ไปส่งโดยไม่ได้คิดเงิน


แต่พอทำนานๆ เข้าก็เริ่มเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จากนั้นตนก็เร่มมาช่วยเหลือคนที่ป่วย อัมพาต นอนติดเตียงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือต้องอุ้ม ตนก็จะเข้าไปช่วยเหลือด้วยการให้นั่งรถฟรีไปส่งจนถึงโรงพยาบาลและรับกลับส่งที่บ้านทำเช่นนี้เรื่อยๆ มาจนกลายเป็นชีวิตประจำวัน ซึ่งที่ผ่านมาตนช่วยคนป่วยเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มีหลายรายที่ตนรับส่งจนตายจากกันไป ซึ่งทุกอย่างที่ตนทำล้วนเกิดมาจากจิตใจของตนที่มองบุคคลอื่นเป็นเสมือนญาติของตนเอง

เปิดชีวิต"สวรรณฉัตร"ก่อนเป็นแท๊กซี่อาสา

"สุวรรณฉัตร พรหมชาติ" ได้เล่าประสบการณ์ชีวิตก่อนที่จะมาทำงานเป็นจิตอาสาให้ฟังกับทีมข่าวฟังว่า ตนเกิดในครอบครัวที่ยากจน พ่อ-แม่ แยกทางกันตั้งแต่ตนยังอยู่ในครรภ์ ทำให้ตนไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาตั้งแต่เกิด และด้วยความอยากรู้จักพ่อ อยากเจอหน้าพ่อมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้ตนตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แล้วไปบวชเณร จากนั้นได้ออกเดินทางตามหาพ่อ โดยได้ข่าวว่าพ่อมีครอบครัวใหม่อยู่ที่หาดใหญ่ จ.สงจลา จุดเริ่มต้นเดินทาง คือ วัดมะนาวหวาน ใน จ.นครศรีธรรมราช โดยระหว่างเดินทางได้พบกับคุณลุงขับรถตู้ใจดีคนหนึ่งได้พาไปส่งโดยไม่คิดค่ารถแถมยังถวายปัจจัยให้อีก 100 บาท จนตนไปพบพ่อ

พอมาอายุได้ 15 ปีตนจึงได้สึกจากเณรแล้วเริ่มออกหางานทำ โดยตั้งใจจะเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ จึงตัดสินใจนั่งรถไฟจากนครศรีธรรมราช เข้ากรุงเทพฯ แต่โชคไม่เข้าข้างตอนนั้นตนถูกนายหน้าค้าแรงงานหลอกให้ลงจากรถไฟที่ชุมพรแล้วพาตนไปทำงานในเรือประมง พอลงเรือวันแรกตนก็โชคร้ายโดยระหว่างที่ตนนั่งห้อยขามองดูทะเลโดยไม่ได้ทันได้ระวังอยู่นั้น ปรากฏมีเรืออีกลำหนึ่งได้เข้ามาเทียบเรือจุดที่ตนนั่งอยู่ทำให้กระแทกเข้าที่ขาจองตนอย่างจักจนเกิดเป็นแผลขนาดใหญ่บริเวณเข่าจนเห็นกระดูก แต่ตนก็ถูกบังคับให้ลงเรือประมงออกไปทำงาน เพราะเขาจ่ายค่าหัวคิวไปแล้ว 8 วันที่ทำงานบนเรือกับขา 

ส่วนขาที่เป็นแผลก็ไม่มีการรักษา ไม่มีแม้กระทั้งยากิน ยาทา เหมือนอยู่ในนรก ตนถูกบังคับให้ทำงานหนักแผลก็อักเสบมีไข้ แต่ก็ทนทำงานจนกระทั่งเรือกลับเข้าฝั่ง เมื่อเรือกลับเข้าฝั่ง ตนฉวยโอกาสตอนเข้าห้องน้ำหนีออกมา และมาเจอรถสองแถวใจดีให้นั่งรถฟรีไปส่งที่สถานีรถไฟชุมพร ระหว่างอยู่สถานีรถไฟชุมพร ตนนอนให้แมลงวันตอมแผลจนเน่าโดยไม่มีใครสนใจท่ามกลางสายของผู้คนที่เดินผ่านไปมาตลอดเวลา 

"จนกระทั่งถึงเย็นมีกลุ่มแรงงานอีสานเข้ามาเห็นสภาพของผมตอนนั้น เขาคงสงสารผมจึงไปซื้อข้าวมาให้ผมกิน แล้วก็ถามไถ่ความเป็นมาของผม ซึ่งผมก็ได้เล่าให้เขาฟัง พวกเขาเกิดความสงสารเมตตาผม จึงซื้อตั๋วรถไฟให้ผมได้กลับบ้าน แถมยังเรี่ยไรเงินจากเพื่อนๆ รวมกันเป็นเงินประมาณ 300 บาทให้ผมติดตัวกลับบ้านด้วย ซึ่งเป็นความซาบซึ้งในน้ำใจของผู้มาช่วยเหลือแม้ไม่ใช่ญาติกันก็ตาม แต่ก็เหมือนเทวดามาโปรดผม ซึ่งเป็นความประทับใจมาจนถึงทุกวันนี้" สุวรรณฉัตร เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ

ทำงานไม่ได้รับเงินแถมยังถูกเจ้านายซ้อม

"สุวรรณฉัตร พรหมชาติ" เล่าต่อว่า หลังเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ก็เจอแต่คนที่เอารัดเอาเปรียบ ถูกโกงค่าแรง ทำงานก็ไม่ได้เงิน ทำให้ตนมีความลำบากมาก แต่ตนก็สู้และดิ้นรนต่อ จากทำงานเป็นคนงานในโรงกระดาษรับค่าแรงวันละ 70 บาทได้เงินบ้างไม่ได้บ้างตนจึงพยายามมองหางานใหม่ที่มีรายได้ดีกว่าจนไปพบประกาศรับสมัครพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ค่าแรงวันละ 200 บาท ตนจึงเข้าไปสมัครแต่ก็ถูกเอารัดเอาเปรียบเหมือนเดิมทั้งโดนหักเงินค่าหัวคิว เงินเดือนไม่ได้รับ 

ที่เลวร้ายไปกว่านั้นเมื่อตนไปหาเจ้านายที่บ้าน เพื่อที่จะขอเงินเดือนในส่วนของตน เมื่อไปถึงเจอผู้ชายคนหนึ่งกำลังกวาดใบไม้อยู่ลักษณะเป็นทิดสึกใหม่ ซึ่งก็คือเจ้าของบ้าน และเป็นเจ้าของบริษัทยามที่ตนทำงานอยู่ พอทราบว่าตนเข้ามาทวงถามค่าแรงก็ถูกจับใส่กุญแจมือไขว้หลัง พร้อมกับถูกทำร้ายร่างกาย และถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นโจร

"สิ่งที่ผมได้รับ คือ ถูกรังแก โดนทำร้ายร่างกายจนน่วม ผมหันไปเห็นสายตาลูกน้องของเขาที่มองมา ผมรู้สึกได้ว่าเขาสงสารผมแต่ไม่สามารถช่วยเหลือผมได้ ซึ่งต่างกับเจ้านายคนที่ผมทำงานให้ หากมองดูหน้าตาเขาเหมือนคนมีเมตตา แต่กลับไม่ใช่ โดยขณะที่เข้ารับโทรศัพท์คุยอยู่กับพระที่เขาเรียกว่าหลวงพ่อ แต่มือข้างหนึ่งของเขายังต่อยผมอยู่เลย พอเขาต่อยผมหนำใจก็ปล่อยออกมา ผมคิดอะไรไม่ออกตอนนั้น เพียงต้องออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด เดินออกมาผมเห็นแคมป์คนงานก่อสร้าง และตัดสินใจเข้าไปสมัครงาน จนได้วิชาติดตัวออกมา คือ การเชื่อมเหล็ก ประตู หน้าต่าง ฯลฯ ทำมาเรื่อยๆ 2-3 ปี จนคิดว่าหากวันหนึ่งตกหลังคาอาจจะตายได้ผมจึงตัดสินใจลาออก" สุวรรณฉัตร เล่าด้วยเสียงสั่นเครือ

โชคดีที่ได้เจอ "เฮียหมง" เจ้าของอู่แท๊กซี่ 

"สุวรรณฉัตร พรหมชาติ" เล่าต่อว่า หลังออกจากการเป็นยามตอนนั้นอายุ 18 ปี จึงหันมาขับแท็กซี่ทั้งๆ ที่ตัวเองยังขับรถไม่เป็นแต่ก็คือว่าโชคดีเมื่อไปเจอ "เฮียหมง" เจ้าของอู่แท็กซี่ใจดีย่านมไหศวรรย์ ที่ให้ได้เรียนรู้อาชีพการขับแท็กซี่ แรกๆ มือใหม่หัดขับก็มีชนเล็ก ชนน้อย แต่เฮียกมง เจ้าของอู่ก็ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ยังให้ตนขับต่อไป แม้ว่าในช่วงแรกการขับแท็กซี่จะไม่มีรายได้มากพอ เนื่องจากยังไม่รู้เส้นทางต้องให้ผู้โดยสารเป็นผู้บอกทางเป็นส่วนใหญ่ จนเวลาผ่านไปความเชี่ยวชาญในเส้นทางมากขึ้น รู้แหล่งหาผู้โดยสาร ก็ทำให้สามารถดึงรถแท็กซี่ไปขับมือเดียว มีรายได้เพียงพอแถมยังมีเงินเหลือส่งให้แม่ใช้ด้วย

"เริ่มขับแท็กซี่แรกๆ ได้ค่าเช่าในแต่ละวันผมก็ดีใจแล้ว ที่สำคัญผมไม่เคยเลือกผู้โดยสารใกล้ ไกลรับหมด และไม่รับเหมา ชาวต่างชาติคิดตามมิตเตอร์อย่างเดียว เจอบางคนเห็นเราไม่โกงเขา มิตเตอร์ขึ้นไม่ถึง 100 บาทเขาให้เงินเพิ่มอีก 100 ดอลล่า พร้อมกับตบไหล 3 ครั้งเป็นการให้กำลังใจ เพราะเขาอาจจะเห็นว่าแท็กซี่ส่วนใหญ่เอาเปรียบคิดเงินเกินราคา เรายึดคติที่ว่า ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน และเอาความสบายใจของผู้โดยสารเป็นหลัก"

ส่วนการเริ่มรับผู้ป่วยและหันมาทำงานด้านจิตอาสานั้น สุวรรณฉัตร พรหมชาติ เล่าว่า เกิดจากวันหนึ่งตนรับลุงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้พิการนั่งรถเข็น พอรับขึ้นรถแกก็บ่นว่าอยากฆ่าตัวตาย พูดซ้ำหลายรอบ แกคงลำบากเวลาไปไหน แท็กซี่ก็คงไม่จอดรับแกง่ายๆ เพราะมีรถเข็นด้วย เมื่อตนได้ยินแกพูดอย่างนั้นก็นึกถึงตอนที่ตัวเองนอนหมดหวังอยู่ที่สถานีรถไฟชุมพร ความรู้สึกอยากจะช่วยคนสิ้นหวังจึงเกิดขึ้นมาในตอนนั้นและนับแต่นั้นมาจึงทำให้ตนเข้ามาทำงานเป็นจิตอาสาจนถึงทุกวันนี้และจะทำต่อไปตราบเท่าที่ยังมีแรงและลมหายใจอยู่

ขับแท๊กซี้จิตอาสาจนได้ "ภรรยาเป็นหมอ"

การทำงานเป็นจิตอาสาด้วยใจที่เป็นกุศลของ "สุวรรณฉัตร พรหมชาติ" ต่อมาทำให้เขาได้พบรักกับ "พญ.จำเนียร สุวรรณชาติ" ปัจจุบันเป็นแพทย์ประจำ โรงพยาบาลพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา 

"สุวรรณฉัตร พรหมชาติ" เล่าให้ฟังว่า ที่ตนรู้จักับ พญ.จำเนียร เนื่องจาก พญ.จำเนียร เป็นผู้หนึ่งที่มีน้ำใจโอนเงินมาสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายให้กับตนในการปฏิบัติการจิตอาสามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเป็นความเข้าใจและมีความผูกพันกันจนนำมาซึ่งการอยู่ร่วมกันเป็นคู่ชีวิต โดยชีวิตประจำวันปกติ พญ.จำเนียร ทำงานในเวลาราชการปกติ 5 วัน ส่วนวันหยุดราชการจะมาช่วยผู้ป่วยในเรื่องการเตรียมเอกสารสำหรับผู้ที่จะไปยื่นขอบัตรประจำตัวคนพิการเพื่อให้เกิดความรวดเร้วยิ่งขึ้น

"วันจันทร์ ถึงศุกร์ คุณหมอ จะตรวจคนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ คุณหมอถึงจะมาช่วย นอกจากนี้คุณหมอ ยังได้ไปช่วยผมในการทำงานจิตอาสาที่ศูนย์ฝึกงานไม้ศิษย์เอกศาลายา พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อทำโต๊ะเก้าอี้แจกให้กับโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนโต๊ะเก้าอี้ให้กับเด็กได้นั่รเรียนหนังสือ โดยผมจะทำหน้าที่ช่างเชื่อม ซึ่งคุณหมอก็จะไปช่วยผมตรงนั้นด้วย เนื่องจากตอนนี้เราจะต้องทำโต๊ะนักเรียนให้กับโรงเรียนถิ่นทุรกันดารโครงการภาคเหนือครั้งต่อไปอีกจำนวน 100 ชุด"

เตือนเพื่อนแท๊กซี่"อย่าเอาเปรียผู้โดยสาร"

"สุวรรณฉัตร พรหมชาติ" กล่าวว่า ที่ตนมาทำงานจิตอาสาเพื่อแบ่งปันน้ำใจให้ต่อกัน ไม่ว่าอาชีพไหนก็สามารถทำความดีได้ โดยไม่ต้องรอให้รวยก่อน เวลาทำก็เกิดความสุขขึ้นมาทำให้ชีวิตมีค่าต่อสังคม และแผ่นดิน ตนทำอาชีพขับรถแท็กซี่ก็จะต้องมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ คือ ไม่เอาเปรียบผู้โดยสาร ช่วยรายงานการจราจร ช่วยเหลือสังคมร่วมกับสถานีจราจรเพื่อสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการราชดำริเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนะคติของคนขับรถแท็กซี่ ตนถือว่าเป็นจิตที่ช่วยเหลือสังคมและทำมาโดยตลอด ทำแล้วเลิกไม่ได้ เพราะผู้ป่วยบางคนพูดไม่ได้ เห็นน้ำตาเขาไหล มองแล้วเห็นได้ว่าเขาขอบคุณ และมีความหวัง

"เมื่อก่อนผมขับรถแท็กซี่เพื่อทำมาหากินและช่วยเหลือคนอื่นบ้างบางโอกาส แต่พอมีคนป่วยมากขึ้น ตอนนั้นใจเรามาทางนี้แล้ว จึงไม่สนใจว่าขาดทุนหรือกำไร มันมองข้ามไปหมดเลย กลัวเพียงแต่เขาไม่มีกินและไม่พอใช้ แต่ถ้าคนที่เราไปช่วย แล้วมีฐานะมีจิตใจอยากจะช่วยเผื่อแผ่ให้คนอื่น เราก็รับมาของในส่วนนั้นมาเพื่อไปต่อบุญให้คนอื่นต่อ"

นายสุวรรณฉัตร เปิดเผยต่ออีกว่า ขณะนี้ตนไม่ได้ทำเพียงแค่ รับ-ส่ง ผู้ป่วยเท่านั้น แต่ทำมากกว่าการ รับ-ส่งแล้ว มองว่าผู้ป่วยที่ทำประกันสังคม พิการ นอนติดเตียง มาหลายปี บางรายลูกชายนอนติดเตียงมาหลายปี แม่อายุกว่า 80 ปี ต้องคอยพาลูกไปหาหมอ และยังต้องจ่ายประกันสังคม แทนที่ประกันสังคมต้องมาดูแลเขาตลอดชีวิต  ส่วนอีกคนที่ตนพบคือ เขาเคยจ่ายประกันสังคมเดือนละ 700 บาท ทุกเดือน เมื่อนอนเตียงเขาก็ได้เงินเดือนละ 7,500 บาท ทั้งนี้ คนที่ทำประกันสังคมไม่รู้ตรงนี้ รู้เพียงแต่ว่าเวลาเจ็บป่วยเท่านั้น ที่ประกันสังคมช่วยจ่าย แต่พอมาป่วยนอนติดเตียงสิทธิ์ที่พึงจะได้หรือถูกคุ้มครองตามกฎหมายกลับหายไป แต่กลับมีคำถามออกมาว่า ขึ้นอยู่กับญาติอยากได้หรือไม่ ทำไมไม่เข้ามาช่วยเหลือพวกเขาเลย

เตือนทุกคนเป็นคนดี "ขรก.ก็อย่าทุจริต"

"เหมือนกฎหมายบังคับว่าให้เขาต้องทำประกันสังคม แต่เวลานอนติดเตียงก็ไม่ได้เข้ามาดูแลตรงนี้ กลายเป็นว่าบางคนส่งเงินค่าประกันสังคมมาตามอายุการทำงานมา 10-20 ปี พอผมไปกระตือรือร้นให้ลูกหลานเขาให้รู้ถึงสิทธิ์ต่างๆตอนนี้ผมช่วยเรื่อง รับ-ส่ง ไปโรงพยาบาล แต่ตอนหลังมามี ภรรยาเป็นแพทย์ก็จะมาช่วยรับรองความพิการของผู้ป่วย เพื่อที่จะยื่นขอเบี้ยเลี้ยงชีพ หรือสามารถทำบัตรทองผู้พิการรักษาฟรีทั่วประเทศ บางรายเงินติดอยู่ในบัญชีเงินฝาก 1-2 หมื่นบาท หรือมากกว่านั้น ไม่สามารถที่จะนำออกมาใช้ได้ เพราะคนป่วยมีแต่สมุดบัญชี หากไม่ใช้เจ้าตัวไปดำเนินการเองก็ไม่สามารถถอนเงินได้ ต้องใช้อำนาจศาลเท่านั้น ผมจึงนำคนป่วยที่นอนติดเตียงขึ้นธนาคารให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือ และให้เขารู้ว่าเขากำลังป่วยอยู่ ต้องให้เขาถอนเงินได้ เพื่อให้เขา และครอบครัว ได้กินได้ใช้" 

"ผมอยากเห็นคนทำความดี เพราะความดีสามารถทำได้ตามสายอาชีพของตนเอง โดยไม่ต้องรอให้รวยก่อน อาทิ เป็นนักเรียนก็ตั้งใจเรียน ข้าราชการก็อย่าทุจริต คอร์รัปชัน เบียดบังเงินภาษี บริการเหมือนญาติคนหนึ่ง ขับวินมอเตอร์ไซค์ก็ขับอย่างระวัง ผู้โดยสารจะได้ปลอดภัย ส่วนแม่ค้าขายของกินต้องล้างผัก เนื้อสดให้สะอาดก่อนนำมาทำอาหาร ไม่ใช่ทำค้างคืนไว้ทำคนกินเข้าไปท้องเสียได้ เพราะฉะนั้นทุกคนสามารถทำความดีได้ ไม่ได้ไกลเกินกว่าที่จะต้องไขว่คว้าในการทำความดี แต่เราดำเนินชีวิตประจำวันของเราไปด้วย ทำความดีไปด้วยได้" สุวรรณฉัตร พรหมชาติ กล่าวทิ้งท้าย

อนึ่ง สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะร่วมทำบุญในการช่วยเหลือค่าน้ำมันหรือช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้ป่วยที่ต้องการใช้บริการก็สามารถโทร.สอบถาม สุวรรณฉัตร พรหมชาติ แท๊กซี่จิตอาสาได้ที่เบอร์โทรศัพท์  08 7331 5421  หมายเลขทะเบียนรถ 1 มก. 9977 หรือหากต้องการโอนเงินเข้าบัญชีก็สามารถโอนได้ ชื่อบัญชี นายสุวรรณฉัตร พรหมชาติ เลขบุญชี 264-247883-1 ธนาคารไทยพาณิชย์ เงินฝากออมทรัพย์ สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า 2 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ดีเดย์! 30 พ.ค.นี้ สว.พิจารณาวาระเห็นชอบ กรรมการ ป.ป.ช.

พ่ายเจ้าถิ่น!'บาส-สกาย'พลิกร่วงรอบแรกขนไก่มาเลฯ

'แสน นากา'เผย'แม่ยังไม่รู้เรื่อง' เตรียมรวมญาติแจ้งข่าว'เสก'จำคุก กลัวแม่ช็อค!

เปิด 3 ปรากฏการณ์คดี‘ฮั้วสว.’ ลาก‘ภูมิใจไทย’เป็นหมู่บ้านกระสุนตก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved