ท่ามกลางกระแสข่าว พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) มือปราบเงินทอนวัด ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษคดีทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 ในพื้นที่กรุงเทพฯจำนวน 3 วัด และอีก 7 วัดในพื้นที่ต่างจังหวัดต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยพบว่ามีพระเถระชั้นผู้ใหญ่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดด้วยทั้งหมด 5 รูปด้วยกัน ซึ่งในจำนวนพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปนี้เป็นถึง "กรรมการมหาเถรสมาคม" 3 รูปด้วยกัน
เมื่อมี "ข่าวเสื่อมเสียในวงการสงฆ์" เกิดขึ้น "ข่าวดีในวงการสงฆ์" ก็มีเกิดขึ้นเช่นกัน แต่สมณศักดิ์ของท่านเป็นเพียงแค่ "พระครูโพธารามพิทักษ์" เท่านั้น ซึ่งท่านเป็นพระนักพัฒนา จนเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงและทั่วไป แม้ขณะนี้ท่านจะอยู่ในวัย 80 ปีแล้วก็ตาม
พระพัฒนารูปนี้คือ "พระครูโพธารามพิทักษ์" หรือ "หลวงพ่อเขียน สิริมังคโล" อายุ 80 ปี เจ้าคณะอำเภอโพธาราม และเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2559 พระครูโพธารามพิทักษ์ หรือ หลวงพ่อเขียน สิริมังคโล ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์ให้เป็นพระมงคลชัยสิทธิ์ ในฐานะที่ท่านได้ทำคุณประโยชน์แก่ชาติและพระพุทธศาสนามาโดยตลอดอย่างถ่องแท้
หลวงพ่อเขียน เป็นผู้มีความรู้แตกฉานด้านพระธรรมวินัย มีวัตรปฏิบัติที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เป็นผู้นำชุมชน มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น เป็นผู้นำชุมชนในการรังสรรค์ศาลาการเปรียญวัดโบสถ์ให้เป็นที่รวบรวมหนังสือต่างๆ รวมไปถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น ก่อนจะพัฒนาเป็น "หอวัฒนธรรมลาวเวียง" แหล่งเรียนรู้ชุมชน ทำให้เป็นห้องสมุดมีชีวิตเพื่อให้บริการแก่เยาวชนและชาวบ้านในพื้นที่และชุมชนใกล้เคียง
"หอวัฒนธรรมลาวเวียง" เกิดจากแนวคิดของ "หลวงพ่อเขียน" ท่านเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ และศิลปวัตถุที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวลาวเวียงในชุมชนวัดโบสถ์
นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้มีความรู้แตกฉานด้านพระธรรมวินัย มีวัตรปฏิบัติที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป และเป็นผู้นำและมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น และชุมชนอย่างต่อเนื่องท่านเป็นศิษย์เอกผู้สืบทอดพุทธาคม ตำรับน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของพระครูประสาทสังวรกิจ หลวงปู่อินทร์ อินทโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ โดยในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนทั่วไป นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในด้านแพทย์แผนโบราณ มีความสามารถในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
แต่ละวันมีลูกศิษย์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางไปกราบไหว้ ขอพร รดน้ำมนต์ รวมทั้งดูดวงอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำท้องถิ่น ท่านได้ให้การสนับสนุนการจัดทำนโยบายเรื่องการฝึกอบรมอาสาสมัครพระสงฆ์ที่ทุกวัดต้องปฏิบัติตาม ด้วยเล็งเห็นว่า หากพระสงฆ์มีความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคก็จะดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท ไม่ต้องเจ็บป่วยจนกลายเป็นภาระของสังคม โดยท่านมีแนวคิดว่า "พระสงฆ์เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของสังคมไทย ในการเป็นเครื่องยืดเหนี่ยวจิตใจ หากพระเจ็บป่วยแล้วใครจะเป็นที่พึ่งของญาติโยม ดังนั้น พระจะต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง ทั้งการเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาและการเป็นผู้ชี้นำเรื่องสุขภาพอีกด้วย"
หลวงพ่อเขียน ในวัย 80 ปี ท่านยังมีสุขภาพที่แข็งแรง ได้เล่าขานถึงความเป็นมาของชาวไทยลาวเวียง หรือกลุ่มชนชาวลาวตี้ ที่อยู่ในเขตพื้นที่ตำบลนางแก้ว วัดบ้านฆ้อง และตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีว่า... "ชนชาติลาวกลุ่มหนึ่งที่มีเชื้อสายลาวจากเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งถูกกวาดต้อนเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 200 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้คนลาวเวียงส่วนใหญ่ไม่ค่อยที่จะพูดภาษาของตนเอง เพราะรู้สึกอายในภาษาและสำเนียง"
หลวงพ่อเขียน เล่าให้ฟังอีกว่า ลาวที่อพยพมาจากนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว ประมาณ พ.ศ.2322 ได้นำเอาบุญประเพณีที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและความเชื่อก็ติดมาด้วย แต่ด้วยระยะกว่า 200 ปีทำให้วัฒนธรรมสูญไปตามกาลเวลาเกือบทั้งหมด บุญประเพณีแข่งกลอง บุญบั้งไฟ ที่เคยมีก็หายไป ส่วนเรื่องภาษานั้นจะพูดกันในหมู่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ก็ยังมีวัดบางแห่งที่สวดให้พรญาติโยมเป็นภาษาบาลีสำเนียงลาวอยู่
ส่วนประเพณีที่น่าสนใจและเป็นแบบอย่างในเรื่องความรัก ความสามัคคีของหมู่คณะ ความกตัญญูกตเวที ต่อบรรพบุรุษ ได้แก่ประเพณีสารทลาวเวียง ประเพณีนี้อยู่คู่กับชุมชนลาวเวียงมาตั้งแต่ก่อตั้งชุมชนได้เลยทีเดียว และยังนำมาปฏิบัติจนกระทั่งทุกวันนี้ นอกจากนี้ ยังมีอีกพิธีกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมทั้งคนในท้องถิ่นและคนต่างถิ่นอย่างมาก คือ "พิธีแต่งแก้" หรือ "พิธีแก้เคราะห์กรรม"
สำหรับการสะเดาะเคราะห์ที่นี้เรียกว่า "แต่งแก้-แก้ร้ายกลายเป็นดี" หรือ "พิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา" เป็นพิธีกรรมที่หลวงปู่อินทร์ อดีตเจ้าอาวาสทำมากว่า 40 ปี ขณะที่หลวงพ่อเขียน ก็ทำมากกว่า 30 ปี โดยผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะต้องแจ้งชื่อวันเดือนปีเกิดเพื่อจะได้ดูดวงชะตาต้องแก้ด้วยอะไรบ้าง ด้วยคติความเชื่อที่ว่า "หายเจ็บ หายไข้"
"พิธีแต่งแก้" เป็นความเชื่อของคนลาวเวียง หรือกลุ่มชนชาวลาวตี้ มาตั้งแต่โบราณ ซึ่งในอดีตนั้นจะเป็นความเชื่อของคนลาวในท้องถิ่นเท่านั้น โดยพิธีนี้จะทำขึ้นเมื่อขวัญเสีย เรียกขวัญ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก รวมทั้งเมื่อยามเจ็บไข้ได้ป่วย ด้วยความเชื่อที่ว่า เมื่อใครได้ทำพิธีนี้แล้วเกิดสิริมงคลแก่ชีวิต จึงมีคนนอกพื้นที่เข้ามาร่วมพิธีจำนวนมาก โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ"
สำหรับ "วัดโบสถ์" เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของเมืองโอ่ง ชาวบ้านเรียกขานวัดโบสถ์ข้าวโพดแปดแถว ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 28 ไร่ ในหมู่หมู่บ้านที่ 1 ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เป็นวัดเก่าแก่อายุเกือบ 200 ปี เริ่มตั้งแต่สมัยพระอธิการบุตตา ได้สร้างกุฏิและวางรากฐานอุโบสถตั้งแต่ปี พ.ศ.2370 มีประชาชนร่วม 3 หมู่บ้าน ร่วมกันทำบุญกุศลอยู่ที่วัด และวัดที่เสนาสนะต่างๆ เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ ศาลาเอนกประสงค์ ศาลาฌาปนสถาน ตลอดจนถาวรวัตถุภายในวัด
"วัดโบสถ์" เดิมคือ "วัดบ้านเลือกเหนือ" คู่กับ วัดบ้านเลือกใต้ (วัดบ้านเลือก) ต่อมา หลวงปู่อินทร์ (พระครูประสาทสังวรกิจ) ได้สร้างอุโบสถขึ้นมาใหม่เพื่อทำสังฆกรรมของพระภิกษุสงฆ์ ผู้คนเห็นต่างเล่าลือบอกต่อๆ ว่า วัดนี้โบสถ์งามต่อมาคนเรียกว่า วัดโบสถ์งาม และขานมาเป็นวัดโบสถ์ จนถึงปัจจุบันนี้
ที่สำคัญวัดโบสถ์มีน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสืบทอดเป็นตำนานมานับศตวรรษแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ในทุกๆ วันก็จะมีคนจำนวนมากมาทำพิธีสะเดาะเคราะห์กัน
จนในบริเวณวัดก็จะมีตลาดเล็กๆ เกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นชาวบ้านแถวนั้นนำผักพื้นบ้านที่ปลูกขึ้นเองมาวางขาย ผักสดสดราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็นมะกรูด ตำลึง กระถิน ขนุน หัวปลี และมีหน่อไม้ และน้ำพริกตาแดงที่เด่นอีกอย่างหนึ่งในวัดโบสถ์
แต่ก็มีอีกอย่างที่เด่นกว่า คือ "ข้าวโพดแปดแถว" ที่พ่อค้า แม่ค้าที่อยู่แถวนั้นปลูกเองแล้วนำมาขายที่วัดโบสถ์ ร้านข้าวโพดแปดแถวที่ไม่ว่าจะตั้งเป็นแผงร้านข้าวโพดที่ว่าจะตั้งเป็นแผงขายอยู่ในวัดโบสถ์
"ข้าวโพด" ที่ขายกันก็จะเป็นข้าวโพดข้าวเหนียวแต่ละฝักจะมี 8 แถว จึงเรียกว่า "ข้าวโพด 8 แถว" ที่นี่เขาจะหักข้าวโพดแล้วเอามาต้มทันที ข้าวโพดจะนุ่มและหวาน ไม่เหมือนข้าวโพดต้มในกรุงเทพฯ ที่หักมาหลายวันแล้วจึงเอามาต้ม กินเท่าไรก็ไม่มีความหวาน ต้องเอาจุ่มในน้ำเกลือผสมน้ำตาลจึงจะมีรสหวาน กินแล้วเหนียวมือชะมัด ไม่เหมือนข้าวโพดที่นี่ไม่ต้องจุ่มอะไรเลย ทั้งนุ่มทั้งหวาน สด ใหม่ ต้มใหม่วันต่อวัน สามารถซื้อไปทานได้เลย ขายเป็นถุง ถุงละ 20 ดอก ราคา 100 บาท
วัดโบสถ์ ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นวัดหนึ่งที่มีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจมากมาย เหมาะที่จะมาเยือนเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตและเข้ามาปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงพระธรรมด้วยความสงบด้วยมีประวัติที่น่าสนใจซ่อนอยู่ในเรื่องราว ของวิถีดั้งเดิมอีกแห่งหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี