ท่ามกลางกระแสข่าวด้านลบในแวดวงพระสงฆ์ไทย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุมดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน ทุจริตเงินทอนวัด เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งล้วนแต่เป็นพระเถระชั้นใหญ่ในวงการสงฆ์ มีตำแหน่งถึงขั้นเป็น "กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)" นอกจากนี้ ยังมีกระแสด้านลบตามมาอีกเกี่ยวกับพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกจับกุมและหนีคดีอยู่ในขณะนี้อีก 2 รูป คือการเข้าไปพัวพันกับโยมสีกาและการซื่อขายตำแหน่งเพื่อเลื่อนสมณศักดิ์
แต่กระแสข่าวดังกล่าวก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อชาวพุทธเลยแม้แต่น้อย สังเกตุเห็นได้ฃัดเจนว่าวันนี้ (29 พ.ค.) ซึ่งเป็น "วันวิสาขบูฃา" เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธสำหรับพุทธศาสนิกชนทุกนิกายทั่วโลกและวันสำคัญในระดับนานาชาติตามข้อมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในศาสนาพุทธ 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ยังเป็นการเตือนใจถึงคติธรรม คือ หลักไตรลักษณ์ อันประกอบด้วย "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" อีกด้วย
โดยพบว่าวันนี้ ได้มีพุทธศาสนิกชนทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่อันตราย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาทำบุญ ตักบาตร ถือศีลอุโบสถ และเวียนเทียนกันอยากคึกคัก แม้บางพื้นที่จะมีฝนตกลงมาก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมีชาวพุทธอีกกลุ่มหนึ่งในนาม "สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980" นำโดยพระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล, พระธรรมวรนายก ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา, พระเมธีวรญาณ หรือท่านเจ้าคุณสายเพชร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤฏ์ (ท่าพระจันทร์ กทม.) นายชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานสถาบันโพธิคยาฯ นายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานสถาบันโพธิคยาฯ นายสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาฯ นายเกษม มูลจันทร์ รองเลขาธิการสถาบันฯ เป็นต้น
ได้มีการจัดกิจกรรม "ธรรมยาตราสักการะพระธาตุภาคเหนือ" ขึ้นระหว่างวันที่ 19-24 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสำรวจเส้นทางในการจัดกรรมด้านศาสนา"ธรรมยาทตรา 6 แผ่นดินในปี 2562" หลังจากที่เคยจัดกิจกรรม "ธรรมยาทตรา 5 แผ่นดิน" ประสบผลสำเร็จมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับศรัทธาจากสาธุชนในแต่ละแผ่นดินอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า "พุทธศาสนา" นั้นมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมากไม่ใช่แค่เฉพาะในแผ่นดินไทยเท่านั้น แผ่นดินในประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศก็เช่นเดียวกัน
ส่วนใครที่มองว่า "พุทธศาสนา" เสื่อมแล้วเนื่องจากพระสงฆ์ในยุคนี้ไม่ค่อยปฎิบัติดีปฏิบัติชอบ หย่อนยานในพระธรรมวินัย แม้กระทั่งพระผู้ใหญ่ในระดับมหาเถรสมาคมยังตกเป็นข่าวอื่อฉาวทั้งมั่วสีกา เป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน ทุจริตเงินทอนวัด ฯลฯ แต่นั่นมันเป็นแค่ "ความเสื่อมในตัวบุคคล" เท่านั้น พูดง่ายๆ คือ "คนเสื่อม แต่พุทธศาสนาไม่เสื่อม"
สำหรับ "วัด" และ "พระธาตุศักดิ์สิทธิ์" ที่สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 หรือ "ฃมรมโพธิคยาวิชชาลัย 980" จัดกิจกรรม "ธรรมยาตราสักการะพระธาตุภาคเหนือ" ในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.วัดพระพุทธบาทสระบุรี จังหวัดสระบุรี 2.วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระพุทธชินราช) จังหวัดพิษณุโลก 3.วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ 4.วัดพระธาตุเขาน้อย จังหวัดน่าน 5.วัดพระบรมธาตุแข่แห้ง จังหวัดน่าน 6.วัดพญาวัด จังหวัดน่าน 7.วัดพระธาตุพญาภู จังหวัดน่าน 8.วัดสวนตาล จังหวัดน่าน 9.วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน 10.วัดจองคำ จังหวัดลำปาง
11.วัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง 12.วัดพระศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา 13.วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย 14.วัดพระธาตุจอมกิตติ จังหวัดเชียงราย 15.วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงราย 16.วัดพระธาตุผาเงา จังหวัดเชียงราย 17.วัดพระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย 18.พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (องค์จำลอง) จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และ 19.วัดพระธาตุสายเมือง จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
นอกจากวัดแล้วพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวแล้วยังมีสถานที่อื่นอีก คือ 1.เข้าฃมหออัตลักษณ์นครน่าน 2.สักการะพระเจ้าฝนแสนห่า จังหวัดน่าน 3.สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย 4.เยี่ยมฃมสามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย 5.ฃมไร่ภูภิรมย์ (ไร่บุญรอด เบียร์สิงห์) จังหวัดเชียงราย และ 6.เยี่ยมชมกิจกรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
ตลอดระยะเวลา 6 วันในการจัดกิจกรรมของสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 จะมีพิธีสวดมนต์ก่อนการเดินทางทุกครั้งในช่วงเช้า และมีพิธีสวดมนต์พร้อมกับแผ่เมตตาทุกครั้งที่คณะได้เข้าไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละวัด นอกจากนี้ยังมีการให้ความรู้ด้านพุทธศาสนากับคณะที่ร่วมเดินทางไปตลอดเส้นทางในการเดินทางด้วย โดยการนำของพระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ), พระธรรมวรนายก และพระเมธีวรญาณ หรือท่านเจ้าคุณสายเพชร ฯลฯ
แต่ละจุดที่ไปคณะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของพื้นที่ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนศรัทธาในแต่ละพื้นที่ได้ออกมาให้กันต้อนรับเป็นอย่างดี
ขณะที่สมาฃิกทุกคนที่เดินทางไปในครั้งนี้ต่างบอกว่า มีความประทับใจและอิ่มใจที่ได้เดินทางไปสักการะพระธาตุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือการได้เรียนรู้ว่า แผ่นดินสุวรรณภูมิภาคเหนือของไทยเรานี้เคยเป็นจุดเริ่มต้นการเผยแพร่พระพุทธศาสนามาก่อนจนมีความเจริญรุ่งเรื่องมาถึงในปัจจุบัน
นายสุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิฃฃาลัย 980 เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้ชื่อว่า กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อสักการะพระธาตุและวัดสำคัญในจังหวัดภาคเหนือ และกิจกรรมนี้ก็จัดขึ้นต่อเนื่องจากการจัดกิจกรรมธรรมยาตรา 5 แผ่นดินฯ เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อต่อเนื่องไปถึงการจัดกิจกรรม "ธรรมยาตรา 6 แผ่นดิน" ปีถัดไปคือ 2562 ซึ่งเราจะใช้อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ล้านนา ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการธรรมยาตรา 6 แผ่นดินฯ เพื่อเข้าไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่โครงการนี้เรายังไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างละเอียดว่าจะไปในแผ่นดินไหนบ้าง
"เบื้องต้นเรามีการวางแผนกันไว้ว่าอาจจะเริ่มต้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ล้านนา แล้วข้ามไปยังเมียนมา ในเขตเชียงตุง จากนั้นก็เดินทางไปที่ประเทศจีน ที่สิบสองปันนา ต่อไปที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และมุ่งหน้าเข้าสู่ภาคเหนือของประเทศเวียดนาม จากนั้นเดินลงมาที่เวียงจันทร์ ประเทศลาวอีกครั้ง และกลับเข้ามาประเทศไทย เพื่อเลาะแม่น้ำโขง จากนั้นข้ามไปที่เขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ และไปปิดโครงการที่ปราสาทพระนคร เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา" นายสุภฃัย กล่าว
นายสุภฃัย กล่าวย้ำว่า เส้นทางธรรมยาตรา 6 แผ่นดินที่เราว่างไว้ในเบื้องต้นดังกล่าวยังเป็นแค่แผนเท่านั้น แต่เรายังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งเราจะต้องมีการประสานงานกับประเทศต่างๆ ก่อน ซึ่งเราจะไม่ทำโดยพละการโดยเด็ดขาด
เลขาธิการสถาบันโพธิคยาฯ กล่าวอีกว่า เราหวังที่จะได้รับความร่วมมือกันบริเวณลุ่มน้ำโขง ซึ่งเราเป็นพี่น้องกันยาวนานกว่า 300 ปี ที่สำคัญดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนไทย เมียนมา ลาว เวียดนาม กัมพูชา และจีน ดังนั้น เราจึงฝันว่าเราจะเปิดธรรมยาตราที่ยิ่งใหญ่ในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาต่อไป เพราะเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ไปจบที่ปราสาทพระนคร ประเทศเมียนมา เพราะทั้ง 2 เมืองถือเป็นเมืองพี่น้องกัน เนื่องจากมีการเผยแพร่พระพุทธศาสนามาเมื่อ 700-800 ปีก่อน รวมถึงเราจะทำอย่างไรที่จะเชื่อมโยงทำให้คนในดินแดนนี้เป็นพี่น้องกันทางสายเลือดโดย DNA เพราะเรามีพ่อคนเดียวกัน คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
"ผมเชื่อว่าพระพุทธศาสนาสามารถที่จะยึดโยง และดึงความเชื่อด้านศาสนาวัฒนธรรมออกมา เพื่อที่จะสร้างจิตสำนึกให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลานได้" เลขาธิการสถาบันโพธิคยาฯ กล่าว
นายสุภชัย กล่าวถึงกิจกรรม "ธรรมยาตราสักการะพระธาตุภาคเหนือ" ระหว่างวันที่ 19-24 พ.ค.ที่ผ่านมาด้วยว่า เส้นทางที่เราเดินทางมาครั้งนี้ คือ ออกเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เข้าสู่พระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพราะพระพุทธบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของการก้าวย่างของโครงการธรรมยาตรา เพื่อเป็นสิริมงคลเข้าสู่จังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีพระพุทธชินราช ที่ได้รับความยอมรับจากคนไทยว่าสวยงามที่สุดในภาคกลาง จากนั้นเดินทางต่อไปที่จังหวัดแพร่ น่าน ลำปาง พะเยา เชียงราย และเชื่อมต่อไปสู่ประเทศเมียนมา
"นอกจากนี้เราฝันว่าอยากจะเชื่อมต่อไปที่สิบสองปันนา ประเทศจีน หลังจากนั้นก็จะใช้เส้นทางทะลุมาประเทศลาว และไปประเทศเวียดนามต่อ นี่คือเส้นทางของโครงการเราในปีต่อไป แค่ตอนนี้ยังเป็นความฝันอยู่นะครับ" นายสุภชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี