เปิดใจ! คนดังในโลกโซเชียล "มาร์ค พิทบูล" ลงสนามการเมือง พรรค "ไทยศรีวิไลย์" เพื่อชำระล้างระบบน้ำเน่าเก่า ชูนโยบายเน้น "ปราบโกง-ปฏิรูประบบราชการ-สร้างงานสร้างอาชีพ" พร้อมประกาศชัดเจนไม่หนุน "ลุงตู่" เป็นนายกฯ เพราะเมื่อลงเล่นการเมืองแล้วก็ต้องเลือกตัวเองเป็นนายกฯ ถึงจะถูก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนดังในโลกโซเชียลอย่าง "นายณัชพล สุพัฒนะ" หรือที่หลายคนรู้จักในนาม "มาร์ค พิทบูล" หันมาเล่นการเมืองในนามของพรรค "ไทยศรีวิไลย์" และได้รับตำแหน่งเป็นว่าที่รองหัวหน้าพรรคฯ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" จึงยกหูโทรศัพท์ไปขอคำตอบจาก "มาร์ค พิทบูล" ถึงเหตุผลว่าทำไมถึงได้ผันตัวเองลงสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว
นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ "มาร์ค พิทบูล" เปิดเผยกับ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ โดยเล่าถึงความเป็นมาก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไทยศรีวิไลย์ว่า ถือว่าเป็นโอกาสทองของคนรุ่นใหม่ที่จะได้ล้างน้ำเน่า เพราะว่าการเมืองไทยไม่ได้พัฒนามายาวนานแล้ว มีแต่เดิมๆ ซ้ำๆ พรรคการเมืองเดิมๆ ส.ส.เดิมๆ หน้าเก่าๆ รวมถึงนโยบายเดิมๆ ด้วย จริงๆ ตนก็ไม่อยากมาเล่นการเมืองและไม่ได้คาดหวังมากมาย แต่ขอให้ได้ริเริ่มเพื่อจุดประกายไฟให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อพวกเขาจะได้กล้าและก้าวเข้ามาในสนามการเมือง และขอให้ช่วยกันชะล้างระบบการเมืองน้ำเน่า สิ่งที่ตนอยากพัฒนามี 3 อย่างคือ
*เผยนโยบายพรรคมุ่งปราบทุจริตคอร์รัปชั่น*
1.การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเป้าหมายแรกที่อยากจะทำมาก เพราะบ้านเมืองเราเข้าขั้นวิกฤติมีการโกงกันทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่หมู่บ้าน ตำบล วงการพระ วงการศึกษา โกงเงินคนจน โกงเงินคนแก่ ถ้าทุกวันนี้ภาคธุรกิจของบ้านเราไม่เก่ง บ้านเราคงล้มละลายไปแล้ว เพราะเราไม่เคยมีผู้นำที่เก่ง มีแต่ผู้นำที่โง่ๆ มากว่า 10 ปี ไม่เคยมีผู้นำที่เข้ามาทำเพื่อประเทศชาติ มีแต่ผู้นำที่เป็นนายทุนเข้ามา ไม่มีนโยบายไหนที่แตะต้องคนรวย ส่วนใหญ่ก็จะแตะต้องแต่คนจน เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน พูดกันมาไม่รู้กี่ชาติแล้ว คนรวยไม่กี่คนเป็นเจ้าของที่ดินเกินครึ่ง แต่บางคนไม่มีที่ดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว กฎหมายตัวนี้ไม่เคยมีใครคิดที่จะแก้ไขมัน นายทุนก็ผูกขาดอยู่ดี แล้วจะมาขึ้นภาษีวัด คนรวยก็ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว แต่คนจนนี้สิ 5 เปอร์เซ็นต์เขาก็เดือดร้อนแล้ว
"ทำไมไม่มีใครคิดที่จะมาแก้ไขคนจน ยิ่งเห็นกฎหมายที่ออกมาเกี่ยวกับห้ามนั่งท้ายรถกระบะ ห้ามใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ถามว่ามันไร้สาระมาก เพราะพวกคนรวยมีคนขับรถ แต่ขณะที่คนทำมาหากินในขณะที่รถติดถ้าไม่ให้เขาโทรศัพท์แล้วจะให้เขาทำอะไร พวกเขาคิดอะไรที่ทำแต่เพื่อคนรวย ซึ่งจุดประสงของผมจะทำเพื่อคนจน คนจนทุกวันนี้ก็ลำบากอยู่แล้ว ยังมาโดนรังแกอีก ซึ่งมันไม่ยุติธรรมสำหรับคนจนเลย" มาร์ค พิทบูล กล่าว
*ปฏิรูประบบราชการที่เป็น"ตัวถ่วงประเทศ"*
2.การปฏิรูประบบราชการ เพราะประเทศเรานั้น หน่วยงานที่เป็นตัวถ่วงประเทศ คือ หน่วยงานราชการ ไม่เคยเลยที่หน่วยงานราชการจะไปข้างหน้า มีแต่เพียงเดินไปอย่างกับเต่าวิ่งตามหลัง ไม่ทันโลก และที่แย่ไปกว่านั้น ข้าราชการชอบคิดว่าพวกเขาเป็นนายประชาชน สังเกตดูว่าการติดต่อหน่วยงานราชการยุ่งยาก วุ่นวาย เงื่อนไขมาก เอกสารมาก ขั้นตอนมาก ไม่เคยทันกิน ซึ่งต่างกับระบบเอกชนทุกอย่างจะรวดเร็วไปหมด แต่ของราชการอะไรก็ยากไปหมด หน่วยงานราชการเป็นหน่วยงานที่ไร้ประสิทธิภาพมากที่สุดแล้ว
"คนทำงานราชการมีจำนวนมาก แต่ไม่ทำอะไร เพราะรับมาแต่ลูกท่านหลานเธอทั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็จะมีเส้นมีสายกัน ส่วนข้าราชการดีๆ ก็มี แต่ไม่ค่อยเจริญก้าวหน้า ต่างกับข้าราชการโกงกินที่เจริญก้าวหน้า เพราะทำงานเอาใจนาย นักการเมืองที่โกงกินบ้านเมืองเจริญก้าวหน้าทุกคน ระบบก็เลยบิดเบี้ย คนทำผิดก็ไม่มีการไล่ออก โอกาสตกงานแทบจะเป็นศูนย์สำหรับข้าราชการ ต่อให้ทำงานโง่ และงี่เง่าขนาดไหนก็ไม่ตกงานแน่นอน ยกเว้นคนทุจริตคอร์รัปชั่น" นายณัชพล กล่าว
*มุ่งสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้*
และ 3.การสร้างงานสร้างอาชีพกระจายรายได้ เพราะในประเทศเรานักการเมืองที่ผ่านมาสอนให้ประชาชนทำอะไรไม่ได้ ไม่พยายามสร้างงานสร้างอาชีพ สนับสนุนให้คนไทยไปเป็นคนใช้แรงงาน เรียนจบมาก็ไปรับจ้างเขาแทนที่จะส่งเสริมธุรกิจรายย่อยกับครัวเรือนมาแปลงเป็นทรัพย์สินเป็นทุน นำภูมิปัญญาชาวบ้านมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม เพื่อขายในท้องถิ่นของตนเอง ดูทุกวันนี้เกษตกรที่ปลูกข้าวยากจน แต่พ่อค้าคนกลางที่มาซื้อข้าวกลับร่ำรวย เพราะเรามีรัฐบาลที่ขายของไม่เป็น ทั้งที่เราผลิตข้าว ยางพารา ได้จำนวนมาก แทนที่จะไปชี้นำราคาตลาด ผลิตขึ้นมาแล้วนำไปขาย เพราะทั้งโลกมีตั้งหลายประเทศที่ต้องการ เราต้องเป็นคนกำหนดราคาตลาด ดูอย่างประเทศที่ผลิตน้ำมันยังกำหนดราคาตลาดได้เลย
ทำไมประเทศอื่นผลิตน้ำมันได้จำนวนมาก แต่ราคาน้ำมันไม่ตก ทั้งที่ข้าวทุกคนต้องกิน รถยนต์ทั่วโลกต้องใช้ยาง ถ้าหากยางพาราราคาถูกก็ผลิตขึ้นมาเองเลย จะทำให้ประชาชนได้ใช้ยางในราคาถูกด้วย มันต้องคิดหลักแบบนักธุรกิจ ไม่ใช่คิดแบบราชการ ไม่ใช่คิดแบบนักการเมืองที่คิดว่าจะได้อะไร เพราะฉะนั้นที่ประเทศไม่เจริญเพราะอะไร มีแต่คนคิดว่าทำแล้วจะได้อะไร ทำโครงการขึ้นมาแล้วจะได้อะไรตอบแทนบ้าง ทุกคนมองหาแต่เงินทอน ประเทศเรามีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ แต่รัฐบาลไม่เคยทำให้ประชาชนแข็งแรง ทำแต่เพียงเอาเงินไปแจกประชาชนจึงทำให้ประชาชนอ่อนแอ
*ชี้เมืองไทยอยู่ในกำมือนายทหาร-นายทุน*
"รัฐบาลแจกแต่ปลาให้กับประชาชน แต่ไม่เคยสอนทำคันเบ็ด และไม่เคยแม้กระทั้งแจกเบ็ด แจกปลาอย่างเดียวเลย ซึ่งมันไม่ใช่ เราจะต้องสอนเขาทำคันเบ็ดเป็น และทำอุปกรณ์จับปลาขึ้นมาเองเลยดีกว่า" มาร์ค พิทบูล กล่าว
นายณัชพล สุพัฒนะ เปิดเผยกับ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" อีกว่า สิ่งที่ตนเข้ามาเล่นการเมืองนั้นแค่ต้องการอยากให้คนรุ่นใหม่ๆ เข้ามา ไม่ใช่การเมืองเป็นเรื่องของพวกไดโนเสาร์เต่าล้านปี เพราะเท่าที่ดูการเมืองไทยอยู่ในกำมือนายทหารมานาน และนายทุนไม่กี่กลุ่ม และก็พรรคการเมืองเดิมๆ ที่อนุรักษ์นิยมซ้ำซาก ก็ได้วนเวียนกันมา บางคนก็มีการย้ายพรรคตลอดเวลา บางคนหาเสียงไว้แต่กลับไปรับใช้นายทุนพรรค ประชาชนโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ผมอยากทำพรรคการเมืองที่เป็นพรรคของประชาชนจริงๆ เพราะพรรคเราไม่มีเงินเลย ใช้วิธีลงขัน เพราะเราไม่ใช่เศรษฐีที่จะหันมาเล่นการเมือง เราต้องการขายไอเดียเพื่อที่จะให้คนมาซื้อ และระดมสมอง และลงพื้นที่หาเสียงให้ได้ ส.ส.ในพื้นที่จริงๆ มาพัฒนาท้องถิ่นของตัวเอง เพราะในแต่ละพื้นที่ปัญหาไม่เหมือนกัน ส่ง ส.ส.จากส่วนกลางไปคงไม่รู้เรื่องเท่าคนพื้นที่" นายณัชพล กล่าว
*ยันลงพื้นที่จริง "ไม่ใช่แค่ไปกินก๋วยเตี๋ยว"*
นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ "มาร์ค พิทบูล" เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ในแต่ละจังหวัดตามภาคต่างๆ ทั้งภาคอีสานและภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมาว่า การลงพื้นที่ในแต่ละจังหวัด เมื่อเราเห็นว่าจังหวัดไหนมีปัญหาตนก็จะลงพื้นที่ในจังหวัดนั้นๆ และการลงพื้นที่แต่ละครั้งเราได้ลงไปเพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่ลงไปแล้วไม่ทำอะไรเลยแต่กลับเป็นข่าวและมีคนสนใจมากมาย อย่างตอนที่ตนลงไปที่จังหวัดมุกดาหาร ได้ไปช่วยเหลือเกษตรกรชาวอ้อย เนื่องจากราคาต่ำ ไม่กี่วันเราไปกดดันรัฐบาลจนราคาอ้อยสูงขึ้น ซึ่งตนต่อสู่กับการปราบปรามการทุจริตมาตั้งนานแล้ว
ส่วนพรรคอื่นที่ลงไปที่เพิ่งเปิดตัวเขาลงไปทำอะไร แต่กลับมีคนสนใจมากมายเป็นเพราะอะไร เมื่อนักการเมืองลงพื้นที่ทุกคนพูดดีกับชาวบ้านหมด แต่ตนเชื่อที่การกระทำมากกว่าคำพูด เพราะจะพูดนโยบายขายฝันอย่างไรก็ได้ เราลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนแต่กลับไม่เป็นข่าว บางพรรคลงพื้นที่ไปกินก๋วยเตี๋ยวก็เป็นข่าวแล้ว แค่นี้ก็รู้แล้วประเทศเราไม่มีวันเจริญ ถ้าหากพรรคนั้นไม่รวยจะมีคนไปสนใจไหม ตนก็เป็นคนสมัยใหม่ มองเป็นคนสมัยเก่าตรงไหน
*ท้าชนพรรคคนรุ่นใหม่นโยบายใครเจ๋งกว่า*
"ผมอยากให้สื่อเอานโยบายของพรรคผมและพรรคของคนรุ่นใหม่ที่กำลังเปิดตัวมาเปรียบเทียมกันเลยว่าใครมีมุมมองแบบไหน ใครมีจุดแข็งจุดอ่อน ใครมีความจริงใจมากกว่ากัน ผมทำงานแบบนี้มากว่า 18 ปีแล้ว ผมลุยและต่อสู้กับระบบอยุติธรรมมาตลอด ผมลงการเมืองสมัยนี้แค่สมัยเดียว ถ้าประชาชนไม่เลือกก็เลิก ผมไม่ขอโอกาสอีกครั้งเหมือนพรรคอื่นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะลงไปเล่นการเมืองอีกทำไมในเมื่อลงไปแล้วประชาชนไม่เลือก แต่ถ้าประชาชนเรียกร้องอยากให้ลงอีกอาจจะมา และหัวหน้าพรรคบางพรรคก็มีคดีอยู่ อย่างนั้นไม่ต้องเสนอตัวมาเลยดีกว่า อย่าดีแต่พูด ผมท้าเลยให้ไปรื้อประวัติผมว่ามีคดีเสื่อมเสียหรือไม่ ผมนี้แหละคนสมัยใหม่ของจริง" นายณัฐพล กล่าว
พร้อมกับกล่าวต่อว่า "4 ปี ที่รัฐประหาร นักการเมืองหายไปไหนหมด ทำไมไม่ออกมาช่วยเหลือประชาชน ทำไมต้องรอตอนที่ได้เป็น ส.ส. ทำไมไม่ทำตอนนี้เลย ที่ผมลงพื้นที่ก็อยากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.ก็สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ เพราะฉะนั้น ส.ส.ในพื้นที่อย่ามาอ้างว่า คสช.ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง เพราะมันไม่ใช่กิจกรรมทางการเมือง เราไปช่วยประชาชน เพราะประชาชนเดือดร้อน"
*ลั่นจะเป็นนายกฯเอง ไปหนุน"ลุงตู่"ทำไม*
นายณัชพล สุพัฒนะ กล่าวต่ออีกว่า จากการลงพื้นที่ปัญหาที่พบอย่างชัดเจน คือ โครงการประชารัฐ เพราะเอาเงินหลวงไปเปิดมินิมาร์ทเป็นร้านค้าประชารัฐ โดยการเอาเงินไปเปิดร้านค้าประชารัฐ แล้วสินค้าก็เป็นสินค้าของนายทุน ไม่มีสินค้าของชุมชนเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นสินค้าที่หาซื้อทั่วไปได้อยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องไปเปิดร้านค้าประชารัฐ มันก็คือการเอาเงินของรัฐบาลไปซื้อเงินของนายทุน ตามหมู่บ้านงบประมาณมากกว่า 7-8 แสนบาท ไปเช็คมาเหลือเงินอยู่ 300 บาทในบัญชี ไปดูในโกดังก็ไม่มีสินค้าเลย ในบางพื้นที่ร้านค้าปกติ ยอดขายวันละพันกว่าบาท ค่าแรงพนักงานวันละ 200 กว่าบาทแล้ว แล้วจะไปเปิดทำไมให้เปลืองเงินปิดไปเลยไม่ดีกว่าหรือ
ร้านค้าประชารัฐเป็นโครงการที่ล้มเหลวมาก เพราะชาวบ้านเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง หากเปิดร้านค้าแล้วขายสินค้าของชุมชน แต่สินค้าที่นำมาขายมีทั้งเหล้า บุหรี่ ขนมขบเคี้ยว ของพวกนี้หาซื้อที่ไหนก็ได้ การเปิดร้านเช่นนี้เท่ากับการเอาเงินของหลวงมาเปิดร้านค้าให้กับเอกชน สุดท้ายเงินก็ไหลไปที่นายทุนโดยที่นายทุนไม่ต้องลงทุนเลยและบัตรคนจนที่สามารถรูดบัตรซื้อของได้สุดท้ายเงินก็เข้านายทุนอยู่ดี การเอาเงินงบประมาณผ่านคนจนและเข้ากระเป๋านายทุน เท่ากับเป็นการซื้อเสียงทางอ้อม
"ขณะนี้มีหลายพรรคออกตัวว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จริงๆ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ถ้าถามว่าผมจะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปอีกหรือไม่นั้น ผมตอบเลยว่า ไม่เลือก เพราะหากผมลงเล่นการเมืองเป็นสมาชิกของพรรคไทยศริวิไลย์แล้ว จะไปสนับสนุนคนอื่นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกทำไม เมื่อเราลงแล้วเราก็ต้องเลือกตัวเองเป็นนายกฯถึงจะถูก" นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี