กลายเป็นวาทกรรมอันลือลั่นขึ้นมาทันที สำหรับกรณี นายจอม เพชรประดับ อดีตผู้ประกาศข่าว ที่ออกมาเปิดเผยบทสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกมาเปิดปากเป็นครั้งแรกถึงเบื้องหลังการหลบหนีคดีรับจำนำข้าวไปอยู่ต่างประเทศ โดยเธอยืนยันไม่เคยคิดจะหลบหนีและพร้อมจะเดินเข้าคุก แต่ นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย ซึ่งหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศเช่นเดียวกัน ได้ประกาศ “ผมจะไม่ยอมให้น้องสาวผมติดคุกแม้แต่วันเดียว หรือแม้แต่วินาทีเดียว” ทำให้สุดท้ายเหตุการณ์จึงต้องลงเอยด้วยการหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดังผลที่ออกมาตามที่สุดคนทราบกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากไล่ย้อนกลับไปในช่วงระหว่างปี 2544-2549 ที่ นายทักษิณ เรืองอำนาจอยู่บนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กระทั่งมาสิ้นสุดในยุคที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องหมดสิ้นอำนาจในปี 2557 กลับปรากฏรายชื่อบุคคล “ใกล้ตัว” ของบุคคลทั้งสอง โดยเฉพาะในฝั่งของ นายทักษิณ ที่ถูกลากเข้าสู่เรือนจำจากคดีความผิดต่างๆ ที่เขาถูกตั้งข้อกล่าวหา หรือมีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมาก
ทั้งนี้จากรายงานพิเศษเรื่อง “พลิกปูมคนใกล้ชิด‘ทักษิณ’ถูกศาลสั่งคุก! ลุ้น‘ยิ่งลักษณ์-สมชาย-ก๊วนระบายข้าว’?” และ “เปิดกรุ 12 นักการเมือง ถูกศาลสั่งคุกจริง ‘สุรพงษ์’รายล่าสุด?” ซึ่งสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไว้ โดยมีการแยกเป็นกรณีต่างๆ สรุปได้ดังนี้
1.กรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานครโดยทุจริต
ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย และ นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ถูกสั่งจำคุก 18 ปี ขณะที่อดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย และบริษัทในเครือกฤษดามหานคร ซึ่งเป็นจำเลยที่ 4-27 ถูกพิพากษาจำคุกคนละ 12-18 ปี และให้เครือกฤษดามหานครชดใช้กว่าหมื่นล้านบาท
ส่วนตัวของ นายทักษิณ จำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพิ่งออกหมายจับ และเตรียมไต่สวนคดีลับหลังตามบทบัญญัติของกฎหมายใหม่
นอกจากนี้ปัจจุบัน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังได้ตั้งข้อกล่าวหา นายทองแท้ ชินวัตร พร้อมด้วย นายมานพ ทิวารี บิดา น.ต.ศิธา ธิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัว คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร และ นายวันชัย หงษ์เหิน สามีนางกาญจนาภา ฐานฟอกเงินจากกรณดังกล่าวด้วย
2.กรณียักยอกข้าวรัฐ สมัยรัฐบาลทักษิณ
นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ถูกสั่งจำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา กรณียักยอกข้าวของรัฐที่จะส่งออกไปขายต่างประเทศมาเป็นของตัวเองและนำไปจำหน่าย
นอกจากจะติดคุกคดีดังกล่าวแล้ว ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และคดีระบายข้าวถุงในสต็อกของรัฐ ในสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” โดยเฉพาะคดีระบายข้าวจีทูจี ร่วมกับ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ที่จะได้กล่าวถึงต่อไป
3.กรณีแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมลดสัดส่วนการถือหุ้นคนไทยของบริษัท ชิน คอร์ปฯ ในบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ จำกัด (มหาชน) จาก 51% เหลือ 40%
กรณีนี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี หรือ “หมอเลี๊ยบ” อดีต รมว.ไอซีที ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาและถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมดังกล่าว เอื้อประโยชน์ให้กับ บริษัท ชินคอร์ปฯ และบริษัท ชิน แซทเทิลไลท์ฯ รวมถึงกรอนุมัติแก้ไขโดยมิชอบ เนื่องจากไม่นำเสนอเรื่องผ่านมติคณะรัฐมนตรี
แม้จะมีการส่งเรื่องเข้าสู่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ตาม แต่ ‘บวรศักดิ์ อุวรรณโณ’ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ได้แย้งว่า นายทักษิณ เป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท ชิน คอร์ปฯ (ขณะนั้น) ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับภาครัฐในสัมปทานดาวเทียม หากนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม จะเป็นการทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนได้ จึงไม่อนุมัติ และตอบกลับไปว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์
ดังนั้นข้อเท็จจริงคดีนี้ คือ การที่ นพ.สุรพงษ์ อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมเองก็ ‘ผิด’ เพราะไม่มีอำนาจ-เอื้อประโยชน์ให้เครือ ‘ชิน’ แต่ถ้าส่งเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ ‘ผิดอีก’ เพราจะเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนขึ้นได้ เรียกว่าผิด ‘ทั้งขึ้นทั้งล่อง’ เลยทีเดียว !
ขณะที่อดีตปลัดไอซีทียุค ‘ทักษิณ’ และอดีต ผอ.สำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ ต่างก็ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 1 ปี เช่นกัน แต่รอลงอาญา 5 ปี เนื่องจากเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ‘หมอเลี๊ยบ’ และไม่มีอำนาจในการอนุมัติแก้ไขสัญญาดังกล่าว
และนี่ก็ยังไม่นับรวมคดีที่ นพ.สุรพงษ์ ถูกพิพากษาจำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา 1 ปี กรณีแทรกแซงการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (บอร์ด) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.คลัง ยุครัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 อีกด้วย
4.กรณีทุจริตจัดปุ๋ยสมัยรัฐบาลทักษิณ
การทุจริตดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปี 2545 โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้จำคุก นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย และ นายวิทยา เทียนทอง อดีตเลขานุการ รมว.เกษตรฯ อดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย คนละ 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา
5.กรณีโครงการรับจำนำข้าวและทุจริตระบายข้าวจีทูจีสมัย “ยิ่งลักษณ์”
วันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาจำคุก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นเวลา 42 ปี และ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ อีก 36 ปี จากคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบจีทูจี คดีนี้นับเป็นกรณี ‘คลาสสิค’ กรณีหนึ่งในเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย โดยนอกเหนือจาก นายบุญทรง และ นายภูมิ แล้ว ยังมีอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และเอกชนเครือข่าย “เสี่ยเปี๋ยง” พาเหรดติดคุกด้วยรวม 21 ราย
ทั้งนี้ข้อมูลจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. และในชั้นศาลฎีกาทำให้เห็นว่า ต้นตอที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ เกิดขึ้นเพราะการคิดค้นนโยบายรับจำนำข้าว เมื่อชาวนานำข้าวมาจำนำแล้ว ข้าวถูกเก็บสต็อกในโกดัง ทำให้ต้องคิดนโยบายระบายข้าวออกมา โดยการระบายข้าวแบบจีทูจีคือหนึ่งในวิธีนั้น แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่า ไม่ได้มีการทำจีทูจีกับประเทศจีนจริง แต่กลับนำรัฐวิสาหกิจจีนที่ไม่มีอำนาจทำจีทูจีมาดำเนินการ และมีการกระจายข้าวให้กับกลุ่ม ‘เสี่ยเปี๋ยง’ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และเครือข่าย โดยมี นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ หรือ “หมอโด่ง” อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เป็นคีย์แมนหรือตัว ‘ดีล’ ส่งผลให้ข้าวไม่ไปไหน และยังวนเวียนขายอยู่ภายในประเทศในราคาสูง ส่งผลให้ชาติเสียหายหลายหมื่นล้านบาท โดยปัจจุบัน “หมอโด่ง” อยู่ระหว่างหลบหนีคดี คาดว่าได้ออกนอกประเทศไปยังกัมพูชา
นอกจากนี้ยังมีกรณีเกี่ยวเนื่องกัน คือ กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวสุดรักของ นายทักษิณ ตกเป็นจำเลย อันเป็นมูลเหตุของการหลบหนีออกนอกประเทศ ก่อนมีคำพิพากษาจำคุก 5 ปีเพียงไม่กี่วัน และเป็นที่มาของวาทกรรม “ผมจะไม่ยอมให้น้องสาวผมติดคุกแม้แต่วันเดียว หรือแม้แต่วินาทีเดียว”
6.กรณีคืนพาสปอร์ดทักษิณ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล หรือ “เสี่ยปึ้ง” อดีต รมว.ต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือเป็นนักการเมืองรายล่าสุดที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งจำคุก เป็นเวลา 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา สืบเนื่องจากการคืนหนังสือเดินทางให้กับ นายทักษิณ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีโดยมิชอบ อย่างไรก็ดี นายสุรพงษ์ ได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์คำพิพากษา และยื่นประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 5 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีหากนับคดีอื่นๆ ในชั้นศาลอาญาปกติ ที่มีนักการเมืองพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงออกมาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันให้กับ นายทักษิณ และครอบครัว จนต้องพลอยติดคุกกันไปเป็นแถว อาทิ
1.นายจตุพร พรหมพันธ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งถูกจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญาในคดีหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งฆ่าประชาชน และยังไม่รวมกับคดีอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการสืบสวน สอบสวน และพิจารณาความในชั้นศาลอีกหลายคดี
2.นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแกนนำ นปช. ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 คดี ใน 2 ศาล คดีแรก จำคุก 1 ปี กรณีหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ และคดีที่ 2 ถูกจำคุก 4 ปี กรณีขัดขวางการประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียนซัมมิท) ที่พัทยา เมื่อปี 2552 แต่คดีนี้อยู่ระหว่างฎีกา โดยศาลให้ประกันตัว นายอริสมันต์ ด้วยวงเงิน 2.2 ล้านบาท
นอกจากนี้ในส่วนของคดีล้มการประชุมอาเซียน ยังมีผู้ที่ถูกคำพิพากษาจำคุกพร้อม นายอริสมันต์ และอยู่ระหว่างการสู้คดีอีก 12 ราย ประกอบด้วย นายนิสิต สินธุไพร , นายพายัพ ปั้นเกตุ , นายวรชัย เหมะ , นายวันชนะ เกิดดี , นายพิเชฐ สุขจินดาทอง , นายศักดิ์ดา นพสิทธิ์ , พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภารัตน์ , นายนพพร นามเชียงใต้ , นายสำเริง ประจำเรือ , นายสมยศ พรหมมา , นพ.วัลลภ ยังตรง และ นายสิงทอง บัวชุม
3.จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ถูกจำคุกคดีหมิ่นเบื้องสูงเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน จากการขึ้นปราศัยบนเวทีชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง โดยปัจจุบันพ้นโทษแล้ว
4.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เจ้าของฉายา “เสด็จพี่” และ นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ถูกจำคุก 1 ปี ฐานหมิ่นประมาท นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ว่ามีการเปิดห้องให้นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เข้าพบ ก่อนหน้าตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยปัจจุบันทั้ง 2 ได้พ้นโทษออกมาแล้ว
5.นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย คนสนิท “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถูกจำคุกและยึดทรัพย์รวมกว่า 180 ล้านบาท ในคดีร่ำรวยผิดปกติ และจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ
นี่ยังไม่นับรวมกับกลุ่มที่ยังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาล และอีกหลายรายที่หลบหนีคดีไปต่างประเทศ อาทิ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จากกรณีทุจริตโครงการสร้างบ้านเอื้ออาทรในสมัยรัฐบาล นายทักษิณ, นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย ที่ปัจจุบันหลบหนีคดีทุจริตการจัดซื้อรถ-เรือ-อุปกรณ์ดับเพลิงไปอยู่ต่างประเทศ รวมทั้งกลุ่มแกนนำเสื้อแดง เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ที่ยังต้องสู้คดีอื่นๆ อีกหลายคดี โดยเฉพาะคดีหมิ่นประมาทและก่อการร้าย
ทั้งหมดนี้ คือ ชะตาชีวิตที่เกิดกับคนใกล้ตัวของ นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังจากที่ทั้ง 2 คน หลบหนีออกไปต่างประเทศ โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วินาทีเดียว
ส่วนอนาคตใครจะเป็นอย่างไร ก็ต้องติดตามกันต่อไป!!
เรียบเรียงเนื้อหาและข้อมูลจาก "สำนักข่าวอิศรา" www.isranews.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี