13 ก.ค.61 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานว่า ได้พบกับ นายประสาน แซ่เต็ง อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 212 บ้านน้ำเขียว ม.6 ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ประธานกลุ่มกระเป๋าทำมือบ้านน้ำเขียว ในฐานะผู้ริเริ่มจากแนวคิด การจัดตั้งกลุ่มทำกระเป๋าหนังแท้ ซึ่งแต่เดิมทำงานอยู่ที่โรงงานทำกระเป๋าหนังในกรุงเทพ และได้กลับมาบ้านหรือภูมิลำเนาเดิม จึงเกิดแนวคิดว่าน่าจะกลับมาอยู่บ้าน และทำงานอยู่กับบ้านโดยไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งถ้าทำได้จะเป็นอาชีพที่อิสระ จนประสบผลสำเร็จ จำหน่ายขายปลีก-ส่ง ในประทศ ราคาเริ่มต้น ตั้งแต่ 50 บาท แพงสุดกว่า 1,500 บาท และ โกอินเตอร์ OTOP กระเป๋าหนังแท้ทำมือ ส่งออกไปยังประเทศ ญี่ปุ่น อเมริกา และทวีปยุโรป ผลิตแทบไม่ทันขาย สร้างรายได้สู่ชุมชน มีเงินหมุนเวียนปีละหลายล้านบาท
จึงได้กลับมาอยู่กับครอบครัวเป็นธุรกิจภายในครอบครัว จึงได้บอกต่อกับชาวบ้านน้ำเขียวที่มีคนสนใจที่จะเข้ามาเรียนรู้ ขยายวิชาชีพทำกระเป๋าหนังแท้สู่ชุมชน ซึ่งก็มีบุคคลที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ รวมถึงเยาวชนในหมู่บ้านบางส่วนก็ให้ความสนใจ และทำให้เกิดในรูปแบบกลุ่มจนถึงปัจจุบัน คนในชุมชนได้มีงานทำ มีโอกาสได้ร่วมกลุ่มกัน มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้ไม่เกิดการว่างงาน ชุมชนเกิดความรัก ความสามัคคี
นายประสาน แซ่เต็ง ประธานกลุ่มกระเป๋าทำมือบ้านน้ำเขียว กล่าวว่า แรงบันดาลใจแต่ก่อน ตนเคยเหมาเศษหนังมาขาย มีทั้ง ชิ้นใหญ่มั้ง ชิ้นเล็กมั้ง ชิ้นใหญ่ไปส่ง ร้านค้าแถววงเวียนใหญ่ เหลือชิ้นเล็ก ก็ไม่รู้จะเอาไปไหน ก็เลยนำมาฝึกชาวบ้านทำ ทำให้เศษหนังทุกชนิดที่ได้มากลายมาเป็น ของมีคุณค่าทุกชิ้น ไม่ว่าชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ หลังมีการรวมกลุ่มกระเป๋าทำมือบ้านน้ำเขียว ฝึกให้ชาวบ้านทำเป็น โดยมีค่าแรงใบละ 100 บาท บางที่ก็จับกลุ่มช่วยกันทำ พอขายได้ค่อยมาแบ่งเงินกันใช้ ตอนนี้ทางกลุ่มมีสมาชิก 21 คน ทำมั้งไม่ทำมั้ง เพราะงานของตนเป็นงานอิสระ กระเป๋าถูกสุด 50 บาท กระเป๋าหนังใส่เหรียญ ซองใส่โทรศัพท์มือถือ ปัญหาคือ คนทำมั้ง ไม่ทำมั้ง เลยตัดสินใจ จ่ายค่าแรง การเย็บกระเป๋าหนังทำมือใบใหญ่ 100 บาท ใบเล็ก 50 บาท คนทำได้มากก็จะได้เงินมาก
ออร์เดอร์มีตลอดโดยเฉพาะงานกระเป๋าหนังทำมือใบใหญ่ ส่งญีปุ่นทุกๆเดือน ที่สวนจตุจักรมีการบีบราคา ตนจึงเปิดบูธลงตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อเปิดช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น ขายทางอินเตอร์เน็ต ไลน์ หลังทำส่งมานานกว่า 10 ปี ยังให้ราคาเก่าเหมือนเดิม ต้องปรับเปลี่ยนมาขาย ในราคาที่พออยู่ได้ เพราะหนังก็ขึ้นราคา วัตถุดิบต่างๆก็ขึ้นราคาแทบทุกอย่าง ทางกลุ่มจึงปรับตัวมาขายตามหน่วยงาน พัฒนาชุมชน อุตสาหกรรม กองทุนหมู่บ้าน พาณิชย์ และ ธกส.
ตอนนี้งานที่กรุงเทพฯเริ่มอยู่ยาก ชาวบ้านต้องพยายามจับกลุ่มกันไว้ ตอนนี้รัฐบาลกำลังช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการ กู้ SMEs ก็ช่วยเหลือเศรษฐ์กิจฐานรากสู่ประชาชน ตนก็ได้รับการสนับสนุน นิดๆหน่อย ถ้าทุกคนทำจริงได้แน่นอน เงินสนับสนุนช่วยเหลือจากรัฐบาลขอให้ทำจริงๆ ตนต้องขอขอบคุณ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ที่สนับสนุน กลุ่ม OTOPกลุ่มแม่บ้าน และทุกๆกลุ่ม ที่หน่วยงานราชการต่างๆได้ช่วยเหลือในการเพิ่มช่องทางการตลาดให้ชาวบ้าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มองเห็นและให้ความสำคัญกับเศรษฐ์กิจฐานราก ประชาชนจะได้ลืมตาอ้าปากได้อย่างเท่าเทียม หลังช่วยแต่ระดับบนมานาน ตอนนี้รัฐบาลมองเห็นการแก้ปัญหาแล้วว่าจะต้องแก้จากข้างล่างขึ้นบน สามารถติดต่อสอบถาม และสั่งซื้อได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 091-0762123
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี