โครงการกลไกชุมชนสู่การพัฒนาเยาวชนจังหวัดสตูล(Satun Active Citizen) ดำเนินการโดยมูลนิธิสยามกัมมาจล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมนำเสนอโครงการเยาวชนระยะที่ 2 ณ ชมรมประมงพื้นบ้าน อ.ละงู จ.สตูล เพื่อนำเสนอผลการเก็บข้อมูลและแนวทางการดำเนินงาน จำนวน 15 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยกลุ่มเยาวชน 15 กลุ่มในพื้นที่ จ.สตูล
นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวว่า Satun Active Citizen เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการดำเนินงานในชุมชนหลังจากเกิดภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ โดยเกิดการรวมตัวของคนในชุมชน ร่วมกันสร้างผู้นำรุ่นใหม่คือเด็กและเยาวชน เพื่อให้เกิดการส่งไม้ต่อไปยังคนรุ่นต่อไปได้อีกทั้ง จังหวัดสตูลเป็นพื้นที่ปฏิบัติการของหลายหน่วยงาน ทำให้ประชาคมคนสตูลมีความเข้มแข็ง
ซึ่งคนสตูลรู้จักเรื่องราวของชุมชน อยากดูแลชุมชนของตนเอง โดยหัวใจสำคัญของเยาวชนที่เป็น Active Citizen คือ 1.รู้ต้นทุนชุมชน 2.มีศักยภาพและมีความภูมิใจในตนเอง รู้ว่าตนเองเก่ง ไม่เก่งอะไร ใฝ่เรียนรู้สามารถดึงศักยภาพตนเองให้สูงขึ้น เพราะการมีโอกาสได้เห็นปัญหาของชุมชนและรู้จักตนเอง ทั้งนี้ พลเมืองไทยควรใช้กระบวนการ Active Citizen เป็นกระบวนการพัฒนาคน ซึ่งการพัฒนาคนในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลามีโจทย์ใหม่ๆ เข้ามา จึงต้องเรียนรู้จากโจทย์ของจริง
ดังนั้นชุมชนทุกที่ควรเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนของตนเองได้เข้ามามีส่วนร่วมกับผู้ใหญ่ในการรับรู้ปัญหาและหาวิธีการแก้ปัญหา เพราะเด็กมีศักยภาพในการทำงานกับคนวัยเดียวกัน “ผู้ใหญ่เก่งหลายเรื่อง เข้าใจชุมชนหลายด้าน ทำงานเก่งแก้ปัญหาเก่ง แต่
การเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีใหม่ๆ นั้น คนรุ่นใหม่เก่งกว่า” การนำประสบการณ์ของคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่ามาผสมผสานกันก็จะเกิดแนวทางในการทำงานใหม่
“ตัวอย่างเรื่องการเรียนรู้จากโจทย์สถานการณ์แล้วเกิดความรู้ใหม่สร้างคนได้เยอะ คือกรณีทีมหมูป่าและโค้ชรวม 13 คนติดถ้ำหลวงเชียงราย มีคนเก่งๆ มีองค์ความรู้จากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาผนึกกำลัง นี่คือสถานการณ์จริงจากชีวิตจริงที่เกิดขึ้น อยากให้นำเรื่องนี้ไปจำลองโดยกลับไปที่โจทย์ทุกเรื่องของชุมชนต่างๆ ซึ่งการใช้ความรู้เดิมในการแก้ปัญหาก็ดี การรวมตัวผนึกกำลังก็ดี แต่การเชื่อมโยงกับเด็กรุ่นใหม่ที่เขาสามารถเชื่อมต่อกับความรู้ใหม่ มีวิธีการใหม่ ก็จะดึงความเข้าใจของคนทั้งในและนอกชุมชนผสานเข้าด้วยกันได้ดียิ่งกว่า” นางปิยาภรณ์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.ณัฐยา บุญภักดีผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. กล่าวว่า โครงการนี้มีความสำคัญใน 2 ส่วน“ส่วนแรก : กระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง” ถือเป็นหัวใจสำคัญของงานเยาวชน โดยกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองของเยาวชนที่ได้ผลจะต้องเกิดจากการที่เด็กได้คิด ทดลองทำและค้นหาคำตอบด้วยตัวเขาเอง ซึ่งตรงนี้เป็นธรรมชาติการเรียนรู้ของวัยรุ่น ถ้าเด็กสามารถผ่านกระบวนการเรียนรู้ ได้เห็นผลงานที่ทำก็จะเกิดความภูมิใจ มองเห็นศักยภาพและคุณค่าของตนเอง อีกทั้งยังช่วยให้สมองพัฒนาสมบูรณ์มากขึ้น
“พัฒนาการทางสมองนั้นจะถูกสร้างขึ้นประมาณ 70-80% ในช่วงปฐมวัย และจะพัฒนาสมบูรณ์เต็มที่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ สสส. ต้องการสนับสนุนกิจกรรมในแนวทางนี้ขณะเดียวกันเด็กจะได้เรียนรู้ว่าเขาสนใจอะไร มีเป้าหมายชัดเจน เช่น เด็กได้ค้นคว้าเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรู้สึกชอบมาก จนทำให้รู้สึกอยากเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเมื่อโตขึ้น เขาก็จะใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ดูแลตนเองไม่ให้หลุดออกนอกทาง เพราะอยากไปให้ถึงเป้าหมาย เป็นต้น” น.ส.ณัฐยา กล่าว
ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. กล่าวอีกว่า “ส่วนที่สอง เนื่องจากโครงการนี้ดำเนินการเป็นระยะที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้คำตอบว่าทีมพี่เลี้ยงในระดับชุมชนควรจะเป็นใครบ้าง” ต้องมีวิธีคิดและวิธีการทำงานอย่างไรถึงจะสามารถสร้างพื้นที่เรียนรู้แนวบวกให้แก่เยาวชนได้ ซึ่งการที่เยาวชนในหมู่บ้านหรือชุมชนต่างๆจะเกิดกระบวนการเรียนรู้พัฒนาตนเองได้นั้น “พี่เลี้ยง”จึงเป็นกลไกสำคัญมาก
เนื่องจากเยาวชนยังอยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้เพื่อเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวจึงต้องการคนพาเดิน“ยิ่งถ้าพี่เลี้ยงเป็นคนในชุมชนหรือเป็นเจ้าหน้าที่พัฒนาเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นก็ยิ่งดีเพราะมีความไว้วางใจ” และถ้ามีการร่วมกับผู้ใหญ่ในชุมชนที่ชอบสนับสนุนเด็กและเยาวชน จนเกิดการทำงานเป็นทีมจะยิ่งทำให้เกิดเป็นพลังบวก เนื่องจากลำพังจะอาศัยเพียงเจ้าหน้าที่นั้น
ไม่เพียงพอในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับน้องๆ ในชุมชน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี