น.ส.นพเก้า อยู่ภักดี หรือ "อ้อม" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสวงพัฒน์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 96/1 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านกอก อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ผู้ผลิตมะขามเปียกจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยกับ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ถึงธุรกิจมะขามเปียกภายใต้แบรน "มอลคาม" ว่า ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมะขามกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในโซนยุโรป และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะมะขามเปียก เนื่องจากสามารถเก็บไว้ได้นานและนำไปทำประโยชน์ได้หลายอย่าง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะนำไปปรุงอาหารให้เกิดรสเปรี้ยวเท่านั้น นอกจากนี้ มะขามยังมีสรรพคุณด้านสมุนไพรต่างๆ อีกมากมาย
น.ส.นพเก้า กล่าวว่า สำหรับธุรกิจมะขามเปียกนี้ ตนทำมาหลายปีแล้ว โดยเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ที่มาจากธุรกิจในครัวเรือนก่อน เพราะพ่อกับแม่ทำส่งตลาดทั่วไป ต่อมาตลาดมะขามเปียกเริ่มเติบโตและมีความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ตนจึงเริ่มขยายกิจการโดยเริ่มต้นจากการจัดซื้อมะขามจากชาวบ้านทั่วไปที่แกะมาขายก่อน จากนั้นได้นำมาคัดสรรแยกเป็นเกรด A เกรด B เพื่อนำไปแปรรูป ซึ่งมีทั้งมะขามเนื้อล้วน และมะขามเนื้อมีเม็ด แล้วแบ่งเป็นก้อนขนาด 400 กรัม แพ็คใสซองสุญญกาศที่ได้มาตรฐานออกวางขาย และส่งให้ลูกค้าที่สั่งเข้ามา หรือส่งขายตามห้าง ร้านค้า และขยายตลาดไปยังต่างประเทศตามออเอตร์ที่สั่งเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโซนยุโรป 80 เปอร์เซ็นต์ เช่น อังกฤษ แคนนาดา เป็นต้น
น.ส.นพเก้า กล่าวต่อว่า เมื่อกิจการโตขึ้น มีลูกค้าสั่งของเข้ามามากขึ้น เราก็ได้มีการขยับขยายกิจการจากปกติที่เคยรับซื้อมะขามจากชาวบ้านที่เป็นขาประจำมาขายให้ก็ไปรับจากเกษตรกรโดยตรงจากทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคอีสาน เช่น จังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร เป็นต้น เนื่องจากถ้ารับซื้อจากชาวบ้านเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้สินค้าของเราไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ส่วนที่ซื้อจากเกษตรกรเราก็จะซื้อจากเจ้าใหญ่ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งเพียงแค่รายเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันราคากันในกลุ่มของพ่อค้าแม่ค้า และเพื่อให้ได้มะขามเปียกที่มีคุณภาพ ไม่เน่า ไม่เสีย ฟักสวย ส่วนราคาก็จะแตกต่างกันไปหากปีไหนมะขามออกมากราคาก็จะถูกลง แต่ถ้าปีไหนมะขามให้ผลน้อยราคาก็จะแพง
"เมื่อซื้อมะขามมาแล้วเราก็จะนำไปปลอกเปลือกออกแล้วนำเข้าห้องเย็นทันที เพราะจะได้รักษาคุณภาพของมะขามไว้ เราจะไม่เก็บมะขามไว้ทั้งฝัก เพราะว่าจะทำให้เกิดเชื้อรา ฉะนั้นเราต้องรีบกำจัดสิ่งที่จะทำให้สินค้าเราเสีย อีกทั้งยังเป็นการถนอมสินค้าได้นานด้วย ส่วนการบรรจุเราจะนำมะขามที่คัดสรรแล้วมาบรรจุลงซองสุญญากาศ เพื่อเก็บรักษาความสดและคุณภาพของมะขามเปียกไว้ให้มากที่สุด เมื่อลูกค้าต้องการมีออเตอร์สั่งเข้ามาเราก็จะนำออกมาส่งให้กับลูกค้า" น.ส.นพเก้า กล่าว
ส่วนวิธีคัดเลือกมะขามจากเกษตรกรนั้น น.ส.นพเก้า บอกว่า เราจะเลือกมะขามที่มีรสชาติที่เปรี้ยวมากๆ แต่หากมะขามที่มาจากจังหวัดเพชรบูรณ์จะเป็นมะขามหวานอมเปรียว เราจะไม่รับ เพราะส่วนมากลูกค้าเราซื้อมะขามปียกที่มีรสชาติเปรี้ยวเพื่อนำไปปรุงอาหาร ดังนั้น เราจึงเน้นไปที่มะขามที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งมะขามเปรี้ยวทั่วไปนั้นจะเป็นมะขามเปรี้ยวยักษ์ มีลักษณะเป็นฝักใหญ่ๆ แต่หากเป็นมะขามที่ตลาดต้องการมากจริงๆ คือ มะขามขี้แมว ซึ่งจะมีลักษณะเป็นฝักเล็กๆ เพราะว่ามะขามขี้แมวจะเปรี้ยวแบบธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น รสชาติของมะขามขี้แมวจะมีความเปรี้ยวที่กินแล้วอร่อยไม่ใช่เปรี้ยวอย่างเดียว ยิ่งนำไปทำกับข้าวยิ่งเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น
"สำหรับมะขามเปียกเราสามารถหาซื้อได้ในช่วงต้นเดือน ก.พ.-เม.ย.ของทุกปี เนื่องจากช่วงนี้มะขามสดส่วนใหญ่จะถูกเก็บขายไปหมดแล้ว จึงเหลือแต่มะขามแก่ที่ทางชาวบ้านและเกษตรกรจะเก็บมาลอกเปลือกทำเป็นมะขามเปียก โดยช่วง ก.พ.-เม.ย.ของทุกปีจะอยู่ที่อีกราคาหนึ่ง แต่หลังจากเดือน เม.ย.ไปจนถึงสิ้นปีก็จะอยู่อีกราคาหนึ่ง ซึ่งแต่ละช่วงราคาจะแตกต่างกันไป แต่ช่วงนี้ราคามะขามปอกเปลือกและเอาเม็ดออกแล้วที่เราเรียกว่า มะขามเนื้อล้วน อยู่ที่ 55 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากยังมีเม็ดอยู่ราคาอยู่ที่ 25 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนในเดือนต่อๆ ไปราคาก็อาจจะมีการปรับตัวอีกได้" น.ส.นพเก้า กล่าว
ส่วนเม็ดมะขามนั้น น.ส.นพเก้า บอกว่า ก็สามารถขายได้เช่นกันโดยจะขายในราคาที่ 4-6 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนใหญ่ทางเกาหลีและญี่ปุ่นจะซื้อเพื่อนำไปแปรรูปเป็นแป้ง อย่างไรก้ตาม สำหรับผู้่ที่สนใจมะขามเปียกสามารถเข้าไปหาข้อมูลได้ในเพจ "มะขามเปียก มอลคาม" ซึ่งตนได้โพสต์รายละเอียดเกี่ยวกับประโยชน์ของมะขามเปียกไว้ในเพจแล้ว
อนึ่ง สำหรับ "มะขาม" หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทาน "มะขาม" ที่เรารู้จักกันมีอยู่ 2 อย่าง คือ "มะขามเปรี้ยว" กับ "มะขามหวาน" สำหรับ "มะขามหวาน" ถือเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั่วไปเนื่องจากมีรสหวานนำเปรียวนิดหน่อย ซึ่งมีปลูกันมากในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรณ์
ต่างกับ "มะขามเปรี้ยว"ที่ไม่นิยมกินกันมากนักเนื่องจากมีรสเปรี้ยวนำ หวานเล็กน้อย หรือบางสายพันธุ์จะเปรี้ยวโดดไปเลย ที่สำคัญมะขามพันธุ์ดั้งเดิมนั้นเป็นมะขามเปรี้ยวมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา ต่อมาค่อยแพร่เข้าในในประเทศอินเดีย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนที่จะมานิยมปลูกในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมะขามเปรี้ยวที่นิยมปลูกกันมาก เช่น พันธุ์ที่เรียกในปัจจุบัน คือ "มะขามเปรี้ยวยักษ์"
นอกจากนี้ มะขามเปรี้ยว ยังสามารถนำมาแปรรูปเป็น "มะขามเปียก" ซึ่งได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถนำรสเปรี้ยวของมะขามแทนมะนาวได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งเครื่องปรุงที่มักใช้กับอาหารได้หลายชนิด และให้รสชาติที่ดีเลยทีเดียว ส่วนใหญ่นิยมนำมาใส่ต้ม แกง หรือทำน้ำจิ้ม ทำให้อาหารอร่อยแบบธรรมชาติ
สมัยก่อนคนโบราณเก็บฝักมะขามเปรี้ยวสุกมา ก็จะนำมาแกะเอาแต่เนื้อด้านในปั้นเป็นก้อน แล้วนำไปรมควันบนเตาไฟ เพื่อป้องกันมอดกินเม็ดมะขาม ทำให้มะขามเก็บได้นาน แต่ปัจจุบันใช้วิธีแกะเอาแต่เนื้อแล้วเก็บเข้าตู้เย็น ช่วยให้เก็บมะขามเปียกได้นานขึ้น โดยมะขามเปียกยังคงสีสวย หากเก็บนอกตู้เย็น สีของมะขามเปียกจะคล้ำ หากนำไปปรุงอาหารทำให้อาหารมีสีคล้ำไปด้วย
ปัจจุบันมะขามเปรี้ยวโดยเฉพาะมะขามเปลียก ได้กลายเป็นมะขามเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และถูกนำมาแปรรูปออกวางจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ อีกทั้งยังเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศด้วย
สำหรับสรรพคุณของมะขาม คือ ช่วยแก้อาการท้องผูกถ่ายไม่ออก, แก้อาการท้องเดินกองทัพ, แก้ไอขับเสมหะเสลดติดคอ, แก้อากาศร้อน, แก้อาการเมาค้าง, ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกายด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ, ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสด้วยวิตามินซี, ช่วยในการชะลอวัยและการเกิดริ้วรอยแห่งวัย, มะขามมีธาตุเหล็ก ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด,ใช้ในการทำทรีตเม้นต์ด้วยการนำมาขัดตามซอกขาหนีบ รักแร้ ข้อพับ ซึ่งจะช่วยลดรอยคล้ำลงได้ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี