หลายคนที่ไปเที่ยวจังหวัดเชียงราย จะต้องรู้จักวัดพระธาตุดอยตุง อ.แม่จัน จ.เชียงราย สถานที่ประดิษฐานพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย หรือกระดูกไหปลาร้า ซึ่งนำมาจากประเทศอินเดีย ดังมีตำนานกล่าวไว้ว่า เมื่อ 1,000 กว่าปีล่วงมาแล้ว ประมาณ พ.ศ. 1454 พระมหากัสสปะเถระพร้อมด้วยพระเข้าอชุตราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนาคพันธ์ ร่วมกับข้าราชบริพารได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสถิตไว้ ณ ดอยแห่งนี้ และได้ปักตุงหรือธงบูชาพระบรมสารีริกธาตุ เป็นตุงตะขาบมีความยาวถึงพันวาปักไว้บนยอดดอยปล่อยชายตุงปลิวสะบัดถึงที่ใดให้หมายเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ดอยนี้จึงได้ชื่อว่าดอยตุงมาจนถึงปัจจุบันนี้ พระธาตุดอยตุงเป็นปฐมเจดีย์แห่งล้านนา ตุง คือศรีเมือง ขวัญเมือง และเป็นเอกลักษณ์ของล้านนา สถิตคู่พระธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ตลอดมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้บูรณะองค์พระธาตุขึ้นใหม่ ตามศิลปะแบบล้านนาดั้งเดิมและได้สร้างพระธาตุองค์ใหม่ครอบองค์เดิมไว้
โดยในวันที่ 25 ก.ค.นี้ นักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สาย จะเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดพระธาตุดอยตุง แห่งนี้ หลังจากทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่พวกเขาเข้าไปติดอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้นานถึง 17 วัน 17 คืนเพื่อบวชอุทิศส่วนบุญกุศลให้กับเจ้าแม่นางนอน เจ้ากรรมนายเวร แทนคุณพ่อแม่ และ น.ต.สมาน กุนัน หรือ "จ่าแซม วีรบุรรุษถ้ำหลวง" อดีตหน่วยซีลที่เสียสละเพื่อนเด็กๆ โดยมีพระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ หรือ "หลวงพ่อดอยตุง" เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยตุง เจ้าคณะอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากเสร็จพิธีอุปสมบทแล้วพระและเณรหมูป่าก็จำวัดอยู่ที่วัดพระธาตุดอยตุง 1 วัน จากนั้นเดินทางมาจำวัดศึกษาพระธรรมที่วัดพระธาตุดอยเวา อ.แม่สาย จ.เชียงราย และลาสิกขาในวันที่ 4 ส.ค.นี้เพื่อให้เด็กไปเรียนหนังสือต่อ
สำหรับประวัติความเป็นมาของวัดพระธาตุดอยตุง มีดังนี้ "วัดพระมหาชินธาตุเจ้า (ดอยตุง)" หรือเรียกโดยทั่วไปว่า วัดพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บริเวณส่วนที่เรียกว่าหน้าอกของดอยนางนอน ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเขา ซึ่งดอยตุงมีระยะทางจากอำเภอเมืองเชียงรายประมาณ 46 กิโลเมตรและมีพระธาตุดอยตุงประดิษฐานอยู่บนยอดดอย มองเห็นได้ในระยะไกล เนื่องจากะรธาตุดอยตุงตั้งอยู่สูงกว่าระดับน่ำทะเลประมาณสองพันเมตร
ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุดอยตุงสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอชุตราช กษัตริย์ผู้ครองนครโยนกพันธุ์ (ปัจจุบันคืออำเภอแม่จัน) พระมหากัสสปะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) แล้วมอบให้แก่ พระเจ้าอชุตราช ได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นไว้บนดอยแห่งนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ แล้วจึงได้ให้ทำตุง (ธง) มีความยาว 1,000 วา ปักไว้บนยอดเขา หากตุงปลิวไปถึงที่ใด ก็กำหนดมห้เป็นฐานของพระเจดีย์
ทั้งนี้ พระองค์ได้พระราชทานทองคำให้พวกลาวจกเป็นค่าที่ดิน และให้พวกปีลักยู 500 ครอบครัว ดูแลรักษาพระธาตุ ต่อมาในสมัยพญามังรายแห่งราชวงศ์มังราย พระมหาวชิรโพธฺเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวาย 50 องค์ พญามังรายจึงให้สร้างพระเจดีย์อีกองค์ใกล้กับเจดีย์องค์เดิม นับจากนั้นเป็นต้นมา พระธาตุดอยตุงจึงได้มีเจดีย์สององค์มาจนถึงทุกวันนี้
รูปแบบสถาปัตยกรรม พระธาตุดอยตุงแต่เดิมมีองค์เดียว รูปแบบกสนก่อเป็นศิลปะเชียงแสนย่อมุมไม้สืบสอง คล้ายกับพระธาตุดอยสุเทพ เมืองเชียงรายสมัยก่อนเป็นเมืองร้างอยู่หลายครา พระธาตุดอยตุงจึงขาดการบูรณะปฏิสังขรณ์ ตัวพระธาตุทรุดโทรมและพังทลายลงนับตั้งแต่พญามังรายได้สร้างเจดีน์อีกองค์ใกล้กัน อีกองค์หนี่งจึงทำให้พระธาตุดอยตุงมีสององค์ ปัจจุบันพระธาตุเป็นสีกองขนาดเล็กสององค์สูงประมาณ 5 เมตร บนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุม มีซุ้มจระนำสี่ทิศ อยู่บนดอยสูงแวดล้อมด้วยป่ารกคลื้ม เรียกว่า สวนเทพารักษ์ เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของเทพารักษ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2470 องค์พระธาตุทรุดโทรมมาก ครูบาเจ้าศรีวิชัย กับประชาชนเมื่องเชียงรายได้บูรณะขึ้นใหม่ โดยสร้างเป็นเจดีย์องค์ระฆังขนาดเล็กสององค์บนฐานแปดเหลื่ยม ตามศิลปะแบบล้านนา การบูรณะครั้งหลังสุด มีขั้นเมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยกระทรวงมหาดไทย ได้สร้างพระธาตุองค์ใหม่ขึ้นครอบพระเจดีย์เดิมไว้
ภาพจากวัดพระธาตุดอยตุง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี