ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวถึงบทเรียนจากเขื่อน สปป. ลาวแตกเมื่อเร็วๆนี้ ในมุมของวิศวกร ว่า มี 4 ลักษณะการวิบัติโดยทั่วไปของเขื่อน ที่อาจเป็นสิ่งบอกเหตุได้ที่ต้องระมัดระวัง โดยที่บุคคลทั่วไปและประชาชนทั่วไปสามารถช่วยสังเกต ร่วมกันแจ้งเตือน และช่วยกันเฝ้าติดตามดูถึงความผิดปกติของสภาพเขื่อนทั่วไปในเบื้องต้นได้ ได้แก่
1. มีน้ำมากจนน้ำล้นข้ามสันเขื่อน
2. มีปัญหากัดเซาะหรือชะล้างออกไปจนมีลักษณะเป็นรูโพรง
3. ส่วนการวิบัติที่มาจากโครงสร้างของตัวเขื่อน
4. ความบกพร่องของฐานราก
ส่วนการตรวจสอบว่าเป็นการวิบัติ ของโครงสร้างตัวเขื่อน และความบกพร่องของฐานรากหรือไม่ ส่วนนี้จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญและชำนาญการมาเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบให้
สำหรับการวิบัติจาก “น้ำล้นสันเขื่อน” เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการวิบัติในอันดับต้นๆ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สรุปได้ดังนี้ คือ การคาดการณ์ทางอุทกวิทยาไม่เหมาะสม การเปิดปิดบานระบายน้ำล้นไม่ถูก ต้อง มีการถล่มของดินลงในอ่างทำให้เกิดคลื่นใหญ่ การออกแบบให้ระดับผิวน้ำและสันบนเขื่อน ( Freeboard ) ไม่เหมาะสม การชำรุดของบานระบาย การปิดกั้นบานระบายน้ำอันเนื่อง จากเศษวัสดุ
การป้องกันน้ำไหลล้นข้ามสันเขื่อน จะต้องพิจารณาคำนวณออกแบบอาคารระบายน้ำล้นให้มีขนาดและประสิทธิภาพในการระบายน้ำอย่างเพียงพอ ความสามารถในการระบายน้ำ จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะกำหนดขอบเขตหรือประสิทธิภาพในการควบคุมปริมาณของน้ำในอ่างเก็บน้ำ ที่ควรจะต้องมีการศึกษาและทบทวน การออกแบบน้ำล้น (Spillway Design Flood) เพื่อทบทวนและกำหนดกฎเกณฑ์ในการ เปิด-ปิดทางระบายน้ำล้นและท่อระ บายน้ำให้เหมาะสม
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดการวิบัติของเขื่อนในการ “รั่วซึม” ของฐานรากและตัวเชื่อมนั้น จะเกิดจากการกัดเซาะที่เกิดขึ้น จากภายในตัวเขื่อนดังกล่าว จะไม่สามารถตรวจสอบได้โดยง่าย ซึ่งอาจจะเกิดการกัดเซาะต่อเนื่องจนเป็นสาเหตุให้เขื่อนพังได้ในที่สุด
หากเป็นการทรุดตัวต่างกันของพื้นที่บนสันเขื่อน จนทำให้เกิดรอยแยกในตัวเขื่อน มีข้อสังเกตได้ว่า ถ้าการทรุดตัวเกิดขึ้นสม่ำเสมอกันจะไม่ค่อยมีอันตราย แต่ถ้าเกิดขึ้นต่างกันก็มักจะมี ผลทำให้เกิดรอยแตกแยกขึ้นได้ทั้งผิวนอกของตัวเขื่อน ซึ่งสามารถเห็นได้ หรือถ้าเป็นภายในตัวเขื่อน ก็จะยากต่อการตรวจพบ แล้วยังอาจเป็นสาเหตุสืบเนื่องก่อให้เกิดการรั่วซึมของตัวเขื่อนได้
เลขาสภาวิศวกร เปิดเผยอีกว่า ในด้านการเคลื่อนพังของลาดเขื่อนและฐานรากนั้น การวิบัติลักษณะนี้มักจะเกิดขึ้นอย่าง “ฉับพลัน” โดยมีการบอกเหตุล่วงหน้าน้อยมาก และมักเกิดร่วมกับการเปลี่ยนแปลงความดันน้ำภายในตัวเขื่อนหรือฐานราก
ช่วงวิกฤตที่อาจเกิดการวิบัติ คือ ระหว่างหรือหลังการก่อสร้าง ระหว่างเก็บกักน้ำ ระหว่างการลดระดับน้ำในอ่างอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การวิบัติของเขื่อนยังอาจเกิดขึ้นจากการกัดเซาะของ “คลื่น” ที่พัดเข้ากระทบลาดเขื่อนเหนือน้ำ ส่วนการัดเซาะจากน้ำฝน ปกติจะป้องกันได้จากการปลูกหญ้า หรือทำหินเรียงคลุมไว้ แต่ถ้าดินมีลักษณะการกระจายตัวในน้ำได้ง่าย (Dispersive Clay) จะเกิดการกัดเซาะบนลาดเขื่อนได้มาก จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายได้
อีกเหตุหนึ่ง คือ การวิบัติหรือเสียหายเนื่องจาก “แผ่นดินไหว” ( Earthquake) แผ่นดินไหวจะส่งผลต่อความมั่นคง ของเขื่อน เนื่องจากสามารถก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ ทำให้เกิดแรงกระทำเพิ่มขึ้นในวัสดุตัวเขื่อน เป็นพฤติกรรมความเสียหายที่อาจนำ ไปสู่การวิบัติของเขื่อนได้
“สำหรับการสังเกตด้วยตาเปล่า สัญญาณแรกที่เราสังเกตได้ด้วยสายตาได้ เช่น การเกิดรอยร้าวที่สันเขื่อน ปกติถ้ามีความสมบูรณ์ที่มองเห็นได้ คือ จะไม่มีรอยร้าว หรือไม่มีการรั่วซึม แต่ถ้าเราสังเกตได้ด้วยตาเปล่า แล้วเห็นรอยร้าวที่เกิดขึ้น ซึ่งจะแบ่งออกเป็นรอยร้าวตั้งฉากกับสันเขื่อน กับรอยร้าวตามแนวสันเขื่อน อันนี้เป็นสัญญาณแรกเลยว่าการที่เกิดรอยร้าว แสดงว่าตรงที่ฐานราก อาจจะมีการทรุดตัวหรืออาจมีการสั่นอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้น อันนี้จะต้องส่งสัญญาณเลยว่า alert ควรจะต้องรีบแจ้งเข้ามาทันที”
ทั้งนี้ เข้าใจได้ว่าแต่ละเขื่อนจะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นกรมชลประทาน การไฟฟ้าฯ ซึ่งแต่ละแห่งจะมีคู่มือ หรือขั้นตอนในการตรวจสอบที่ดีอยู่ แล้ว จึงขอฝากไปที่ผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ขอให้ใช้วิธีต่างๆให้เคร่งครัด อย่างสม่ำเสมอ และเน้นเรื่องติดตั้งดูแลอุปกรณ์ เครื่องมือในการควบคุม instrumentation ที่ตัวเขื่อนเป็นหลัก เนื่องจากบางครั้งกว่าที่สายตาจะสังเกตเห็น “สิ่งบอกเหตุ” ก็กินเวลาไปแล้ว ถ้าใช้ตรวจด้วยเครื่องมือระบบอิเล็กโทรนิกส์ จะตรวจได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง คิดว่าถ้าทำอย่างนี้ได้ก็จะทำให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนและคน ไทย
ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากจะได้ความช่วยเหลือจากสภาวิศวกร ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่มีวิศวกร อยู่จำนวนมาก สภาวิศวกรยินดีจะให้ความช่วยเหลือ เพราะ...
ไม่อยากจะให้ “บทเรียน” ที่เกิดขึ้นใน สปป.ลาว มาเกิดขึ้นในประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี