หลังจากเกิดเหตุที่มีชายคนหนึ่งโดนจับกดลงกับพื้นโดยตำรวจหลายราย กลางโรงเรียน ท่ามกลางสายตาเด็กๆ ในโรงเรียน เป็นเหตุการณ์ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากพอสมควรถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ ทั้งนี้ ทราบว่าเหตุทั้งหมดเกิดจากภรรยาของชายคนดังกล่าวร้องเรียนเพื่อเรียกร้องสิทธิในการเลี้ยงดูลูก
โดยในโลกโซเชียลได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงให้กลังใจกับชายคนดังกล่าว และบางคนได้แสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิถึงการเข้าจับกุม เช่น ทำอะไรต้องรอบคอบไม่งั้น ม.157 จะตามมานะครับ เจ้าหน้าที่ทั้งหลาย, เป็นผมจะเชิญไปคุยกันที่สน.หรือไม่ก็ ห้องพักครู ขอดูหลักฐานทั้งสองฝ่ายให้ชัดเจนก่อน, แบบนี้ต้องฟ้องตั้งแต่หัวแถวยันชุดจับกุม (เดี๋ยวมันก็อ้างยุทธวิธีอีก)ให้ออกไปเลี้ยง...เถอะ ประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน, ดูในคลิปตร.นี้ทำรุนแรงเกิ้นผลักกะแทกข้างหลังกระบะเด็กๆก็ยืนดูอยู่ไม่คิดบ้างหรอเด็กๆจะคิดไงกูเห็นพวกฆ่าคนตายไม่ทำงี้เลยนี้แค่เรื่องเด็กกก. #เด็กเหมือนจะร้องหาพ่อด้วยแปลว่าพ่อคงดูแลดีเด็กถึงได้ติดได้ร้องตาม, สงสารตรงที่พ่อเด็กบอกว่าถอดกุญแจมือก่อนผมเจ็บไม่ไว้แล้ว
ผมสลดใจตรงที่ลูกๆร้องหาพ่อครับ ลูกผู้ชายอย่างผมน้ำตาซึมเลย แสดงว่าพ่อดูแลลูกเป็นอย่างดี ผมขอเอาใจช่วยพ่อของเด็กครับ, ไม่ต้องคิดไรมากฝ่ายพ่อได้เปรียบนะครับแบบนี้ยังไงท่าเรื่องราวเป็นแบบนี้จริงฝ่ายพ่อฟ้องให้นักคือทำไงก็ได้ให้...แม่ติดคุก แล้วลูกจะตกอยู่ในการดูแลของพ่ออย่างอัตโนมัติ เพราะแม่กระทำความผิดคดีอาญาและโดนลงโทษทำให้ไม่สามารถเลี้ยงบุตรได้โอ้ยวินๆ,ถ้าหากพ่อของเด็กพกปืนกับค้ายาบ้านจริงๆ บ่งบอกว่าตำรวจไม่มีการวางแผนเลย เข้าไปจับเขาทันที ทั้งๆที่เป็นในโรงเรียน เกิดพ่อเด็กจับเด็กแถวนั้นเป็นตัวประกัน จะทำยังไง เห็นมีซ้อมแผนการจับกุม แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ด้นสด รุมผู้ต้องสงสัย เหอะๆ หมดความน่านับถือ, ตามหน้าที่ทหารจะไม่เข้าจับกุมนะแค่ไปดูแลเฉยๆ จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจเว้นแต่เหตุรุนแรงตำรวจเอาไม่อยู่ ทหารถึงจะไปช่วย เคสนี้ก็งงๆ เป็นต้น
ต่อมา นายธารา เวลาแจ้ง ผู้ถูกจับในคลิปดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนและภรรยาฟ้องร้องสิทธิปกครองลูก ตอนนี้อยู่ขั้นตอนของศาลฎีกา แต่ฝ่ายภรรยา ได้ร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมว่า ตนมีพฤติกรรมค้ายาเสพติด และมีอาวุธปืน พร้อมต่อสู้หลบหนี โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นช่วงพักกินข้าว ตนจะไปทานข้าวกับลูกทุกวัน เพราะเหตุกาณ์แบบนี้ เกิดมาหลายครั้งแล้ว
ด้าน ทนายแก้วเกิด ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "เกิดผล แก้วเกิด" ระบุว่า เป็นผม ผมจะดำเนินคดีตำรวจ ที่ร่วมจับกุมทั้งหมด เพราะคดีนี้เป็นการจับกุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีหมายจับของศาล ไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า เพราะไม่มีสิ่งผิดกฎหมายตามที่ภรรยาแจ้งความเท็จ เมื่อการจับกุมไม่ชอบ ผลที่ตามมา คือ มาตรา 157 , 295 , 309 ,310 + 83 ตามมาอย่างแน่นอน ที่ผู้กำกับให้สัมภาษณ์ ว่า ต้องควบคุมตัวเพราะเจ้าตัวโวยวาย ผมไม่เห็นด้วยแน่นอน เพราะ ถ้าการจับกุมไม่ชอบเสียแล้ว อย่าว่าแต่โวยวายเลยครับ แม้ต่อสู่ขัดขวาง และทำร้ายตำรวจ ยังไม่เป็นความผิด เพราะ เขามีสิทธิตามกฎหมายครับ ท่าน ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8722/2555
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า บริเวณที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสุทธาวาสไม่ใช่หลังซอยโรงถ่านตามที่สิบตำรวจโท ก. และสิบตำรวจตรี พ. อ้างว่ามีอาชญากรรมเกิดขึ้นประจำแต่อย่างใด และจำเลยไม่มีท่าทางเป็นพิรุธคงเพียงแต่นั่งโทรศัพท์อยู่เท่านั้น การที่สิบตำรวจโท ก. และสิบตำรวจตรี พ. อ้างว่าเกิดความสงสัยในตัวจำเลยจึงขอตรวจค้น โดยไม่มีเหตุผลสนับสนุนว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดความสงสัยในตัวจำเลย จึงเป็นข้อสงสัยที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ถือไม่ได้ว่ามีเหตุอันควรสงสัยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 93 ที่จะทำการตรวจค้นได้ การตรวจค้นตัวจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปล.ถ้าต้องการคำแนะนำ ให้เจ้าตัวติดต่อผมมาได้เลยครับ #จำเลยซึ่งถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงมีสิทธิโต้แย้งและตอบโต้เพื่อป้องกันสิทธิของตน ตลอดจนเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใด ๆ อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติที่ไม่ชอบดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
ส่วน พ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม รอง ผกก.ป. สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงเรื่องดังกล่าวว่า “กรณีตำรวจทหารจับตัวชายเพื่อแย่งเอาลูกไปให้แม่นั้น ผมดูเหตุการณ์แล้ว ลูกยื่นมือหาพ่อ ไม่มีอาการว่าจะไปกับแม่เลย เรื่องพ่อแม่ลูก โดยเฉพาะเด็กมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ไม่ควรทำกันรุนแรงแบบนั้น ไม่ใช่มีหมายศาลแล้วจะบีบคอพ่อเขาแล้วแย่งเอาลูกไปโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเด็ก เห็นแล้วไม่สบายใจ เรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องควรคิดและทำกันให้ดีกว่านี้!!”
กรณีตำรวจทหารจับตัวชายเพื่อแย่งเอาลูกไปให้แม่นั้น ผมดูเหตุการณ์แล้ว ลูกยื่นมือหาพ่อ ไม่มีอาการว่าจะไปกับแม่เลย เรื่องพ่อแม่ลูก โดยเฉพาะเด็กมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ไม่ควรทำกันรุนแรงแบบนั้น ไม่ใช่มีหมายศาลแล้วจะบีบคอพ่อเขาแล้วแย่งเอาลูกไปโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเด็ก เห็นแล้วไม่สบายใจ เรื่องนี้ผู้เกี่ยวข้องควรคิดและทำกันให้ดีกว่านี้!!
ล่าสุด เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ return ได้โพสต์ข้อความ หลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับ นายธารา โดยสรุปได้ว่า ฝ่ายแม่เด็กได้มีการร้องเรียนไปยังนายทหาร เพื่อให้เข้าช่วยเหลือจริง และก็ไม่ได้ร้องเท็จแต่อย่างใด ขณะที่ฝ่ายชาย ออกมายอมรับว่า ในอดีต เคยมีคดีติดตัวจริง แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง และไม่เคยเข้าไปพัวพันอีกเลย และอยากให้ทุกๆ คนมองปัจจุบันมากว่า ซึ่งฝ่ายพ่ออาจจะแจ้งความตำรวจหรือทหารในจุดที่เข้ามาจับกุมโดยมิชอบ เพราะได้กระทำเกินกว่าเหตุ
ส่วนเรื่องที่ฝ่ายแม่กล่าวหาว่า ฝ่ายพ่อดูแลเด็กไม่ดี จึงต้องการมาดูแลเองนั้น ฝ่ายพ่อยืนยันว่า เด็กๆ เกิดอุบัติเหตุทุกครั้ง จะแจ้งฝ่ายแม่เสมอ และไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ บางครั้งตนก็ไม่ได้เก่งเรื่องการดูแลบางเรื่องของเด็กผู้หญิง
นอกจากนี้ ฝ่ายชายยังระบุว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะพาลูกหนี หรือไม่คืนใคร แต่เคยมีเหตุการณ์ที่แม่ไปหลอกครู เพื่อพาลูกไป และการย้ายโรงเรียนมาใกล้บ้าน ก็เพื่อดูแลได้ง่ายขึ้น
“ผมแค่อยากได้สิทธิ์ความเป็นพ่อของผมคืน อยากดูแลลูกบ้างโดยไม่ต้องมานั่งระแวงว่าใครจะมาเอาลูกผมไป ผมอยากให้เรื่องมันจบ อยากขอโอกาสฝั่งแม่เด็ก ครอบครัวแม่เด็กให้โอกาสผมได้ดูแลลูก และได้พิสูจน์ความเป็นพ่อแค่นั้น”
ในทางคดีฟ้องร้อง ทางแม่ ได้สิทธิปกครองลูก ทางพ่อโดนตัดขาดในศาลชั้นต้น ฝ่ายพ่อขออุทธรณ์ในศาลอุทธรณ์พ่อได้สิทธิความเป็นพ่อคืน แต่การดูแลลูกยังต้องให้แม่เป็นผู้อนุญาต ตอนนี้ทางฝ่ายพ่อยื่นชะลอขอการบังคับคดีของศาลอุทธรณ์ ให้รอคำสั่งศาลฎีกาออกก่อน
และว่าตอนนี้สิ่งที่อยากทำมากที่สุดคือ การคุยกับอดีตภรรยา และลูกๆ แค่ 4 คน แล้วตกลงกันว่า จะดูแลลูกกันอย่างไร เพื่อให้ทางอดีตภรรยาสบายใจ โดยไม่มีบุคคลอื่นๆ นอกจากนี้ อยากทำข้อตกลงร่วม เป็นสัญญา มีพยานยืนยัน เพื่อดูแลลูก และใช้ชีวิตตามปกติ
สุดท้ายเค้าก็ไกล่เกลี่ยเจรจากันเอง ว่าจะทำอะไรยังไงต่อส่วนประเภทที่อยากยัดเยียด หรืออยากรู้ว่าให้ได้ว่าฝ่ายใดผิดนั้น มันมีทั้งคนผิดและคนถูก แต่ทั้งคนผิดและคนถูกเองบอกว่าหยุดเถอะขอจบเพียงเท่านี้
เพราะสุดท้ายถ้าฟาดฟันกันชาวเนตสะใจได้แฉได้ฉะ แต่ผลความเสียหายตกไปที่เด็ก และครอบครัวทั้งสองฝั่ง ต่อให้ฟาดฟันจนรู้ว่าแม่เด็กถูกต้อง หรือ พ่อเด็กถูกต้อง จะหยุดด่ากันรึเปล่า จะหยุดโจมตีกันรึเปล่า ถ้าหากทั้งสองฝ่ายไม่ยินยอมไปต่อควรพอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี