วันนี้ (20 ส.ค.61) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชม "บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน" ที่ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยอดนิยมของจังหวัดระนอง ที่มีชื่อเสี่ยงมานานในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจาก "บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน" มีแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์และที่สำคัญสะอาด ไม่มีสารกำมะถันเจือปน และโอบล้อมด้วยภูเขา ธารน้ำ และป่าไม้ 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เข้าตรวจเยี่ยมศูนย์ฟื้นฟูสภาพด้วยการแพทย์ทางเลือกโรงพยาบาลระนอง ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดระนองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ พร้อมทั้งการส่งเสริมแพทย์ทางเลือกโดยการบำบัดและฟื้นฟูสุขภาพแบบดุลยภาพบำบัดด้วยน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ

ปัจจุบันศูนย์ฟื้นฟูสภาพด้วยการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลระนอง ให้บริการฝังเข็ม บริการงานแพทย์แผนไทย สระธาราบำบัด คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟูและคลินิกกายภาพบำบัด และโรงพยาบาลระนองมีแผนพัฒนาและส่งเสริมการบริการด้านการรักษาและการดูแลสุขภาพ ทั้งทางด้านสปาทางการแพทย์ ส่งเสริมการใช้สมุนไพรไทย ซึ่งปัจจุบันยังขาดครุภัณฑ์ การสนับสนุนการตรวจสุขภาพด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ด้านทันตกรรม และการตรวจสุขภาพภายในอย่างครบวงจร ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 โรงพยาบาลระนอง ได้จัดทำแผนโครงการจัดหาครุภัณฑ์การแพทย์ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพการให้บริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยใช้งบบูรณาการภาคในวงเงินประมาณ 24,575,000 บาท

ส่วน "บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน" เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยอดนิยม และมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในภาคใต้ เรียกได้ว่าไม่ต้องไปออนเซ็นไกลถึงญี่ปุ่นก็สามารถมานอนแช่น้ำร้อน ธาราบำบัด ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจในท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของสวนรุกขชาติรักษะวาริน ที่โอบล้อมด้วยภูเขา ธารน้ำ และป่าไม้

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมีการปรับปรุงขึ้นใหม่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าของจังหวัดระนอง ติดเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว โดยในปี 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสเมืองระนอง และทรงพระราชทานชื่อถนนที่ใช้เดินทางไปยังบ่อน้ำร้อนว่า "ถนนชลระอุ" ต่อมาในปี 2510 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ได้เสด็จเยือนเมืองระนอง และทรงพระราชทานนามที่แห่งนี้ว่า "สวนรุกขชาติรักษะวาริน" อันเนื่องมาจากมีการนำน้ำแร่ไปใช้ในการบำบัดรักษาร่างกาย

บ่อน้ำร้อนรักษะวารินมีอยู่ 3 บ่อโดยทั้ง 3 บ่อมีอุณหภูมิประมาณ 65 องศาเซลเซียส สามารถใช้ดื่ม และอาบได้ เพราะมีแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์และที่สำคัญสะอาด ไม่มีสารกำมะถันเจือปน ได้แก่

บ่อพ่อ เป็นบ่อปูนซีเมนต์วงกลมขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.80 เมตรสูงจากผิวดิน 0.80 เมตร ลักษณะของน้ำร้อนนั้นใส มีฟองก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ผุดขึ้นมาค่อนข้างน้อย ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่ายน้ำร้อนจะไหลล้นออกนอกบ่อตลอดเวลา ทำให้บริเวณบางส่วนของปากบ่อและผนังบ่อน้ำด้านนอกมีการสะสมตัวของแร่แคลไซต์ 

บ่อแม่ เป็นบ่อปูนซีเมนต์ขนาดเล็กกว่าบ่อพ่อ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.50 เมตร สูงจากผิวดิน 0.85 เมตรลักษณะ น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผุดขึ้นมาเป็นจังหวะๆ และมีปริมาณมากกว่าบ่อพ่อ ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่าย และมีแร่อัลเทอร์เรชั่นเคลือบเล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อ 

บ่อลูกสาว เป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกัน มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.00 เมตร สูงจากผิวดิน 0.90 เมตร ลักษณะน้ำร้อนมีลักษณะใส มีฟองก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ผุดขึ้นมายังผิวน้ำมากกว่าสองบ่อแรกไม่มีกลิ่น กำมะถัน ไม่มีสาหร่าย มีแร่อัลเทอร์เรชั่นเคลือบเล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อเช่นเดียวกับบ่อแม่ 

นอกจากนี้ใกล้ ๆ กับบ่อน้ำร้อนยังมีสวนสาธารณะ "รักษะวาริน" หมายความว่า น้ำที่ใช้รักษาโรคได้ อันเป็นนามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานไว้เมื่อคราวเสด็จเยือนระนอง พ.ศ.2510 ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงาม รวมทั้งบริการร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก มุมเก๋ๆ สำหรับถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินอีกด้วย