"ต้นไม้เรืองแสง..." ณ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว เป็นปรากฏการณ์ที่ Unseen อีกแห่งหนึ่งใน อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง จำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์ หรือ "เขาไกรลาศ" บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า ถือเป็นสถานที่ห้ามพลาดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมเยือน
ต้นกัลปพฤกษ์ด้านหลังโบสถ์จะค่อยๆ เรืองแสงเปล่งประกายท่ามกลางความมืด รอให้นักท่องเที่ยวได้ไปพิสูจน์และสัมผัสความงามและโดดเด่นยามค่ำคืน
"ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ลงพื้นที่พร้อมกับ "กรมการพัฒนาชุมชน" เพื่อไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในชุมชน ซึ่ง อ.สิรินธร อยู่ในโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เพื่อส่งเสริม ผลิตภัณฑ์ OTOP รวมถึงพัฒนา และสนับสนุนชุมชน เพิ่มเสน่ห์ของภูมิปัญญา วิถีชีวิต อัตลักษณ์ท้องถิ่น และวัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ถือเป็นการเพิ่มคุณค่าในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวในแหล่งชุมชนเพิ่มมากขึ้น
สำหรับ ต้นกัลปพฤกษ์หลังอุโบสถ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว เป็นผลงานการออกแบบของช่าง "คณากร ปริญญาปุณโณ" ผู้เป็นเจ้าของไอเดียใช้สารเรืองแสงที่เรียกว่า ฟอสเฟอร์ (Phosphor) ทาลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์ ทำให้ในช่วงกลางวันต้นกัลปพฤกษ์ต้นนี้จะดูดแสงแดดเอาไว้ เมื่อตกกลางคืนก็จะปรากฏเป็นต้นไม้เรืองแสงงดงามให้นักท่องเที่ยวได้เห็นกัน โดยเวลาที่เหาะในการรอชมต้นไม้เรืองแสง คือ เวลา 18.00-20.00 น.
และเชื่อว่าหากเห็นต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงพร้อมกับพระอาทิตย์อัสดงตกดินจะเห็นต้นไม้เรืองแสงที่สวยที่สุด และเป็นภาพที่มีค่าสำหรับการรอคอยมากที่สุด
วัดแห่งนี้จึงกลายเป็นวัดดังของ จ.อุบลราชธานี เดิมพื้นที่แห่งนี้ เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเป็นหน้าผาสูงไม่มีแหล่งน้ำ จึงไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ครั้นเมื่อพระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ เดินทางมาเผยแผ่ธรรมะทางฝั่งไทย ท่านได้มาพักปักกลดที่ภูพร้าว ในราวปี 2497-2498 และได้พาญาติโยมจากบ้านแก่งยางมาดูสถานที่แห่งนี้ ซึ่งเหมาะแก่การบำเพ็ญจิตภาวนา และได้สร้างศาลาขึ้น 1 หลัง ฝังศิลากำหนดเขตสีมาไว้
ต่อมา ในราวปี 2500-2514 ทางราชการมีการออกสำรวจระดับที่จะสร้างเขื่อนสิรินธร พระอาจารย์บุญมาก ได้มาขอบิณฑบาตสถานที่บนภูพร้าวแห่งนี้เป็นวัด ทางหน่วยทหาร และอำเภอพิบูลมังสาร อนุญาตให้ใช้สถานที่ได้ ใช้ชื่อวัดว่า "วัดภูพร้าว" มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ ในปี พ.ศ. 2539 ทางราชการมีการแบ่งเขตการปกครองใหม่ตั้งเป็น อ.สิรินธร แยกจาก อ.พิบูลมังสาหาร วัดภูพร้าว จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดสิรินธรวราราม" พระอาจารย์บุญมาก ได้มาพำนักพักอาศัยพื้นที่แห่งนี้ในการปฏิบัติธรรม อธิฐานและรู้ด้วยญาณว่า…
"เธอ คอยดูต่อไปในอนาคต จะมีผู้มีบุญ จะมาบำเพ็ญบารมีของเขาให้เต็มบริบูรณ์ เขาจะมาสร้างสถานที่แห่งนี้ให้รุ่งเรือง จะมีพระสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกาจำนวนมาก มาในสถานที่แห่งนี้ ปราชญ์บัณฑิตจะแวะมาพักอาศัยมิได้ขาด"
สำหรับการเดินทาง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว อยู่ห่างจากตัว จ.อุบลราชธานีราว 70 กิโลกรัม หากเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่ตัวจังหวัด ให้ตรงไปยัง อ.พิบูลมังสาหาร เมื่อถึงสามแยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.สิรินธร ขับตรงไปวัดจะอยู่ก่อนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็ก ราว 3 กิโลเมตร ซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางเข้าวัด จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกราว 2 กิโลเมตรก็จะถึงเป้าหมาย
ภาพจาก : Flowshutter และ Chantawute Chimwan / shutterstock.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี