วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
อ่านแล้วน้ำตาไหล! เรื่องเล่าจากช่างทำสีรถยนต์พระที่นั่ง

อ่านแล้วน้ำตาไหล! เรื่องเล่าจากช่างทำสีรถยนต์พระที่นั่ง

วันจันทร์ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2561, 11.20 น.
Tag : ช่างทาสี ในหลวง พระที่นั่ง รถยนต์ เรื่องเล่า รัชกาลที่ 9
  •  

เรื่องเล่าจากช่างทำสีรถยนต์พระที่นั่ง (คุณอนันต์ ร่มรื่นวาณิชกิจ ช่างดูแลรถยนต์พระที่นั่ง เจ้าของบริษัทเอสเอ ออโต้ ไฮเทค) ขอชื่นชมความมีใจงามของนายช่างผู้นี้ คนอย่างนี้ ไม่มีวันตกต่ำ เพราะความกตัญญูกตเวทีที่มีอยู่ในใจของเขามีคุณค่ามากยิ่งกว่าใจของมหาเศรษฐีผู้มีเงินเป็นแสนล้าน แต่ทรยศชาติ ขายชาติ 

@ ร.ย.ล. กับความพอเพียง ...


ปลายปี 2541 มีเจ้าหน้าที่จากกองพระราชพาหนะของพระราชวังแต่งกายชุดธรรมดาเข้ามาคุยที่อู่ของผมว่า จะทำสีรถยนต์พระที่นั่ง ความรู้สึกตอนนั้นคงโดนอำเล่น ก็ได้แต่หัวเราะและปฏิเสธไป และคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่ ๆ ที่รถของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจะมาทำสีที่อู่เล็ก ๆ ของเราแบบนี้

แต่วันรุ่งขึ้นมีเจ้าหน้าที่ราชสำนักพระราชวังมาอีกครั้ง คราวนี้แต่งชุดเต็มยศพร้อมทั้งจดหมายจากสำนักพระราชวัง บอกพรุ่งนี้ให้ผมแต่งกายสุภาพไปเข้าวังสวนจิตรลดา เพื่อพบท่านรองราชเลขาธิการ

ท่านรองฯ ถามว่า จะให้ดูแลทำสีรถยนต์พระที่นั่งทั้งหมดจะทำได้ไหม ผมก็ตอบรับคำว่า ได้ทันที ทั้งที่ไม่นึกไม่ฝันว่า จะได้ถวายงานพระองค์ท่านเลยครับ

ต่อมา ช่วงปลายเดือนกันยายน มีขบวนนำรถยนต์โรลส์รอยซ์ ทะเบียน ร.ย.ล.972 เข้ามาที่อยู่ คนที่อยู่ในซอย แตกตื่นกันมาก ทุกคนอยากเห็นของจริงกันทั้งนั้น เพราะรถยนต์พระที่นั่งคันนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงใช้ในพระราชพิธีสวนสนาม วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ใคร ๆ ก็อยากมาเห็นให้เป็นสิริมงคลกับชีวิ9

สำหรับผม วินาทีแรกที่เห็นรถพระที่นั่งเข่าอ่อนเลยครับ วันแรกที่เห็นรถพระที่นั่ง ผมนั่งมองรถตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึงตี 3 ทำอะไรไม่ถูกเลย ฝากให้สารถีถามพระองค์ท่านว่า โปรดสีรถยนต์ยี่ห้อไหน พระองค์ท่านมีรับสั่งกลับว่า ให้ใช้สีอะไรก็ได้ที่นายช่างใช้ ผมจึงทดสอบสีด้วยสายตากับพื้นเดิม คือ สีไข่ไก่

ขั้นตอนการทำสีรถทุกครั้ง ผมจะกราบที่ตรงวางเบื้องพระบาท ก่อนที่จะขึ้นรถยนต์ทุกครั้ง และมีคำสั่งห้ามช่างในอู่ที่มีมากกว่า 40 คนมายุ่งเด็ดขาด ยกเว้นลูกน้องคนสนิทที่คอยช่วยเหลือผมคนเดียว ส่วนชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ถอดออกจากตัวรถ เช่น ครุฑทองคำขาวที่หน้ารถ เมื่อผมถอดออกแล้วก็จะนำเอาไปไว้ที่หิ้งพระในห้องนอนของผมเพื่อความเป็นสิริมงคล

ความรู้สึกตอนนั้นกดดันมากครับ เป็นงานสูงสุดในชีวิต รถ ร.ย.ล.972 คันนี้อายุมากกว่า 30 ปี ไม่เคยซ่อมสี แถมเป็นรูพรุนหมดทั้งคันเลย ก็ต้องติดกล้องวงจรปิดส่งภาพไปให้ทางสำนักพระราชวังดู แล้วระหว่างทำสี ผมก็จะนอนเฝ้ารถยนต์พระที่นั่งทุกคืนเลย เพราะความปลอดภัยของพระองค์ท่านเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

รถพระที่นั่งแต่ละคันที่เข้ามาซ่อม โดยเฉพาะรถที่ไปทรงงานต่างจังหวัดนั้น แต่ละคันมีรอยบุบใต้ท้องรถ มีรอยครูดขูดขีดเกือบจะรอบคัน รถของเราเป็นรอยขีดนิดเดียวก็เอาเข้าซ่อมแล้ว แต่รถของพระองค์ท่านต้องรอให้หมดพระราชกรณียกิจก่อนจึงเอาเข้าซ่อม ผมถามสารถีว่า ทำไมไม่รีบเอารถมาซ่อม ก็ได้รับคำตอบว่า ต้องรอให้เสร็จพระราชกรณียกิจก่อน

ตัวผมเองนั้นทำรถไปน้ำตาร่วงไปเพราะเห็นรถพระองค์ท่านลำบากมากเหลือเกินครับ ลำบากอย่างไรหรือครับ คิดดูแล้วกันว่า ขนาดรถยังเป็นอย่างนี้ แล้วพระองค์ท่านที่ประทับอยู่ในรถจะเป็นอย่างไร ทั้งการสั่นสะเทือน การโยกของรถ กว่าจะเสด็จฯ ไปทรงงานทั่วประเทศ ทั้งเข้าป่าลุยน้ำแฉะขัง มีกลิ่นเหม็นด้วย

แสดงว่า พระองค์ท่านทรงนำรถไปทรงพระราชกรณียกิจในที่ที่มีน้ำท่วม แถมยังซึมเข้าไปในรถพระที่นั่งด้วย แสดงว่า น้ำต้องเปียกพระบาทมาตลอดทาง เห็นสารถีขับรถบอกว่า พระองค์ต้องทนเหม็นอับและเปียกชื้นเฉอะแฉะอยู่นาน ผมได้ยินแล้วน้ำตาร่วงเลย พระองค์ทรงใช้รถอย่างสมบุกสมบันที่สุด ถ้าไม่เยินจริง ๆ ก็จะยังไม่ส่งมาทำสีครับ

และภายในรถยนต์พระที่นั่งนั้นก็แทบไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใด ๆ เลย ที่ผมเห็นมีเพียงถังขยะเล็ก ๆ กับโต๊ะทรงงานเท่านั้น ทำให้ผมได้รู้ว่า ระหว่างที่เดินทางพระองค์ท่านทรงงานอยู่ในรถตลอด พระองค์ทรงเตรียมทุกอย่างไว้ก่อนที่จะเสด็จฯไปถึงพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว

 

 

ส่วนเรื่องการคิดค่าซ่อมรถนั้น วันแรกที่ได้รับรถ ร.ย.ล.972 มา ผมให้ลูกน้องไปรับแม่มาดูที่อู่ เพราะอยากให้มาได้มาเห็นของจริงเป็นบุญตาในชีวิต พอแม่มาเห็นก็รู้ทันทีว่า เป็นรถของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพราะเคยเห็นในทีวี แม่ถามเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วว่า "ไก๊ อวงแก เชียน้อ" ใช่รถในหลวงใช่มั้ย พอรู้ว่าใช่แน่ แม่ก็ขอว่า "ขอได้ไหม อย่าคิดเงินพระองค์ท่านเลย"

ผมถามว่า ทำไมล่ะแม่ เพราะตอนนี้เราเป็นหนี้จากการซื้อที่ดินทำอู่ ซื้อเครื่องมือมากกว่า 10 ล้าน แล้วเราเพิ่งกู้เงินทำอู่มูลค่า 30 ล้าน มีลูกน้องอีกเกือบ 60 คนที่ต้องดูแล นอกจากจะยังไม่คืนทุนแล้ว เรายังเป็นหนี้อยู่อีกต่างหากนะแม่

แม่บอกว่า ตอนที่แม่เดินทางหนีความอดอยากจากเมืองจีนโดยเรือสำเภานั้น แม่มีเพียงหมั่นโถวก้อนเดียว กัดกินทีละนิด ๆ ประทังชีวิตกันตายมาในเรือ พอมาถึงเมืองไทย ได้มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร มีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ มีข้าวปลาอาหารเหลือเฟือ กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมด มีอาชีพทำจนเลี้ยงลูกทั้งหมด 6 คนให้โตได้ก็ด้วยบารมีของพระองค์ท่านแท้ ๆ

เพราะฉะนั้น เพื่อตอบแทนความดี ความเมตตาของพระองค์ท่าน ห้ามลูกคิดเงินค่าซ่อมกับพระองค์ท่านเด็ดขาด
ได้ฟังอย่างนั้นผมก็รับคำแม่ทันที เพราะใจจริงผมคิดจะถวายงานแบบฟรี ๆ แด่พระองค์ท่านอยู่แล้ว ตัวของผมเองถึงจะมีเชื้อชาติจีน แต่ผมก็มีสัญชาติไทย ผมเกิดในเมืองไทย ผมถือว่า ผมเป็นคนไทยเต็มร้อย เป็นข้ารองบาทของพระองค์ท่านคนหนึ่งครับ

พอผมทำสีรถยนต์พระที่นั่งได้ราว 7 คัน มีผู้ใหญ่ทำจดหมายขึ้นกราบบังคมทูลพระองค์ว่า นายช่างทูลเกล้าฯ ถวายค่าซ่อมรถทั้ง 7 คัน ก็มีรับสั่งมาว่า "ขอบใจ" 

แต่ตอนหลังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีรับสั่งให้สารถีมาบอกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่โปรดที่นายช่างทำแบบนี้ อยากให้นายช่างรู้จักประมาณตนว่า อะไรควรถวาย อะไรไม่ควรถวาย

ความหมาย คือ ถ้าถวายแล้วเดือดร้อน ถวายแล้วเกินตัว ก็ไม่ควรถวาย ท่านคงรู้ว่า ผมมีหนี้สินมากท่านก็เลยทรงเมตตาเตือนสติ ผมจึงยึดถือว่า เป็นพรที่นำคำว่า "ประมาณตน" มาใช้จนทุกวันนี้

หลังจากนั้นทางวังก็แจ้งมาว่า ให้ไปรับเช็คค่าซ่อมรถจำนวน 580,000 บาทได้ ผมก็คิดว่า จะทำอย่างไรดี พอดีใกล้วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม จึงถวายเงินยอดนั้นแก่พระองค์ท่าน เพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งพระองค์ท่านทำหนังสือขอบใจมาถึงผม และจากนั้นเมื่อมีรถพระที่นั่งมาซ่อมอีก ผมก็คิดแต่ค่าอะไหล่กับค่าของ ส่วนค่าแรงนั้นผมถวายค่าแรง ไม่เคยคิดค่าแรงครับ
...........


เพจ พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จังหวัดเชียงใหม่ 
คัดบทความส่วนหนึ่ง จากหนังสือ คู่สร้าง-คู่สม (ฉบับพิเศษ) ปีที่ 37 ฉบับที่ 967 ทศ 1 ประจำวันที่ 1-10 ธันวาคม 2559

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'เอกนัฏ' ส่ง 'ทีมสุดซอย' ขยายผลจับโรงงานเถื่อนลักลอบบดยางนำเข้าจากกัมพูชา

(คลิป) ‘อนุทิน’อํ้าอึ้ง! หลังสื่อจี้ถามปมภาพ‘สันติ’ร่วมเฟรม‘เนวิน-ชาดา’

ปปช.ส่งคำแถลง-คำชี้แจง พร้อมเอกสารประกอบคดี'ชั้น 14'ให้ศาลฎีกาฯแล้ว

ไม่ทน! 'รพ.พระนั่งเกล้า'ลั่นลุยดำเนินคดีแน่ หลังพยาบาลโดนทำร้าย ขณะปฏิบัติงาน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved