ช่วงต้นเดือน พ.ย.61 ที่ผ่านมา โดยวันที่ 1 พ.ย.ของทุกปีถือเป็นฤดูกาลต้อนรับ "ทหารใหม่" ผลัดที่ 2 เข้าประจำการเหล่าต่างๆ โดยมีญาติและครอบครัวมาให้กำลังใจต่อบุตรหลานของตัวเองด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ทางผู้บังคับหน่วยแต่ละที่ก็มีการต้อนรับทหารใหม่ที่แตกต่างกันไปด้วยความอบอุ่น เช่น มณฑลทหารบกที่ 28 ได้จัดกิจกรรมให้ญาติทำความรู้จักกับผู้บังคับหน่วยและบุคลากรทุกระดับชั้นได้เห็นลักษณะที่พักอาศัย สถานที่ฝึก โรงประกอบเลี้ยง เพื่อให้ได้รับทราบถึงกระบวนการฝึกทหาร การศึกษาต่อระหว่างประจำการการฝึกอาชีพเสริม ความก้าวหน้าในการบรรจุเข้ารับราชการทหารรวมทั้งสิทธิและสวัสดิการของทหารกองประจำการอย่างครบถ้วน
หลายคนคงจำกันได้... ก่อนหน้านี้ได้เกิดกรณีที่เกี่ยวกับการซ้อมทรมานในค่ายทหาร 2 กรณีด้วยกัน คือ การลงโทษทหารศูนย์การทหารม้าโดยการใช้หวายตีที่หลังและถีบเข้าที่ร่างกาย เมื่อวันที่ 14 พ.ย.59 และการซ้อมทรมานพลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม ซึ่งถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิตระหว่างการคุมขังในเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 1 เม.ย.60 ตามที่ปรากฏเป็นข่าว สร้างความไม่ไว้ใจต่อครอบครัวของทหารที่ขึ้นชื่อว่ามา "รับใช้ชาติ" หากเหตุการณ์แบบนี้ยังเกิดขึ้นอีก เชื่อว่าญาติและครอบครัวของทหารใหม่ที่เข้าประจำการเมื่อวันที่ 1 พ.ย.61 ผลัด 2 อาจจะมีความกังวลต่อบุตรหลานว่าจะถูกทำร้ายหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะมีการต้อนรับในวันรายงานตัววันแรกเป็นอย่างดีก็ตาม
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า การลงโทษโดยการซ้อมทรมานพลทหารจนได้รับบาดเจ็บ-เสียชีวิต ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และแนะนำให้กองทัพบกวางระเบียบการปฏิบัติต่อทหารตามหลักสิทธิมนุษยชนรวมถึงให้ใช้บังคับทั่วประเทศอีกด้วย
นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกรณีดังกล่าว กสม.ได้มีมติหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดย กสม.มีมติว่า กรณีที่ครูฝึกลงโทษตีบริเวณหลังของผู้เสียหายด้วยหวายและใช้เท้าถีบเข้าที่ร่างกาย เพื่อให้เกิดความหลาบจำ เป็นการลงทัณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ถือเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และเป็นการกระทำที่ขัดต่ออนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี
กสม.เห็นว่า ศูนย์การทหารม้า และมณฑลทหารบกที่ 45 ควรกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ คำนึงและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ควรบังคับข่มขู่คุกคามด้วยประการใดๆ ทั้งปวง โดยเฉพาะการลงโทษด้วยการทำร้ายร่างกาย กรณีเจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บ ต้องได้รับการรักษาพยาบาลและการดูแลด้านสุขภาพตามมาตรฐานโดยเร็ว และควรแจ้งให้ญาติของบุคคลดังกล่าวได้ทราบ
ทั้งนี้ กรณีที่มีการซ้อมทรมานพลทหารยุทธกินันท์ บุญเนียม โดยกำลังพลซึ่งเป็นผู้ต้องขังพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในเรือนจำมณฑลทหารบกที่ 45 จนพลทหารยุทธกินันท์ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 มาตรา 290 และมาตรา 291 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ประกอบกับอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ตลอดจนข้อกำหนดขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (Mandela Rules) ซึ่งเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย
กสม.เห็นว่า กองทัพบกควรกำหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางการปฏิบัติต่อทหารที่กระทำผิด รวมทั้งกฎ ระเบียบ โดยคำนึงถึงการใช้อำนาจตามขอบเขตของกฎหมายตามหลักสิทธิมนุษยชน และควรออกระเบียบให้มีการช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวของผู้เสียหาย/ผู้เสียชีวิต และให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูสภาพจิตใจเป็นประการสำคัญ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานและให้เป็นแนวทางปฏิบัติและมาตรการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก ใช้บังคับทั่วประเทศเพื่อเป็นการแก้ปัญหาในเชิงป้องปราม
ก่อนหน้านี้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงนโยบายการดูแลพลทหารใหม่ที่เข้ารายงานตัวประจำการระหว่างวันที่ 1-3 พ.ย.61 ว่า นโยบายสร้างทหารต้นแบบจึงให้ความสำคัญกับพลทหาร ซึ่งถือเป็นน้องชายคนเล็กหรือน้องชายคนสุดท้องของหน่วยทหาร ซึ่งการจะดูแลให้หน่วยฝึกทหารใหม่ดีได้ กำลังพลก็ต้องอยู่ดี กินดี
ดังนั้น พลทหารไม่ว่าจะเป็นทหารเกณฑ์ หรือทหารที่สมัครเข้ามาประจำการ กองทัพจะต้องดูแลให้ดีที่สุด จึงได้ออกระเบียบใหม่ดูแลเรื่องอาหาร และความเป็นอยู่ที่ต้องถูกสุขลักษณะ และที่อยู่อาศัยต้องพอเพียง ไม่แออัด ทั้งนี้ การลงโทษพลทหารที่รุนแรงเกินกว่าเหตุว่า เป็นความผิดร้ายแรง หากยังมีอีกถือว่าผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ไม่ใส่ใจดูแล ซึ่งเป็นนโยบายที่เข้มงวด และตนได้สั่งการด้วยตัวเองไปแล้ว พลทหารเหมือนน้องชาย ใครทำร้ายน้องชายคุณ คุณก็ไม่พอใจ
"ที่สำคัญต้องให้ความรู้กับครูฝึก ผู้ช่วยครูฝึก การจะซ่อม รับพี่หรือรับน้องอย่างไร ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของนายทหาร และต้องมีช่วงเวลา ไม่ใช่ใครอยากทำอะไรก็ทำ เป็นเรื่องที่กองทัพเน้นย้ำมาตลอด ต้องไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ซึ่งบางครั้งในสื่อโซเชียลออนไลน์มีการนำภาพเก่าๆ มาส่งต่อกัน พยายามจะทำร้ายหรือดิสเครดิตทหาร เรื่องนี้เน้นย้ำไปไม่รู้กี่รอบ และครั้งนี้จะนำไปสู่การปฏิบัติและลงโทษอย่างจริงจัง" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
สำหรับ ยอดทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือกทั่วประเทศ 525,621 คน ยอดที่กองทัพต้องการ 104,734 คน หรือร้อยละ 20 ของยอดเข้ารับการตรวจเลือก แบ่งเป็น ทบ. 80,011 คน, ทอ.16,000 คน และ ทร. 8,723 คน มีผู้สมัครใจเป็นทหาร 44,797 คน จับสลากจำนวน 214,519 คน เข้าประจำการ 58,739 คน
จากข้อมูลดังกล่าวจำแนกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มียอดทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือก 10,662 คน ยอดที่กองทัพต้องการ 2,446 คน มีผู้สมัครใจเป็นทหาร 1,679 คน จับสลากจำนวน 6,779 คน เข้าประจำการ 700 คน
ภาพรวมของการตรวจเลือกทหารกองเกินทั่วประเทศที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 54-57 มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหาร โดยเฉลี่ยร้อยละ 31 ต่อปีจากยอดที่กองทัพต้องการในแต่ละปี สำหรับปี 58 - 61 มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหาร โดยเฉลี่ยร้อยละ 46 ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น โดยเฉพาะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของเรา และขอให้การซ้อมทหารจนเสียชีวิตครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะก่อนหน้านี้มีทหารที่ต้องมาตายเพื่อเป็นที่ระบายให้ครูฝึกไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี