26 พ.ย.61 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายธีระศักดิ์ ทองทิพย์ อายุ 42 ปี ว่าข้าราชการครูผู้หญิงคนหนึ่งมีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อสุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่ในโรงเรียนบ้านคอกช้าง หมู่ 5 ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยครูคนดังกล่าวจะจัดหาอาหาร โดยเฉพาะในช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ จะลงทุนหุงข้าวและประกอบอาหารใส่ถุงวางในตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์ ก่อนจะขับรถนำอาหารไปให้สุนัขในโรงเรียน เป็นภาพที่ชาวบ้านใน ตำบลในพื้นที่และใกล้เคียงดังกล่าวพบเห็นจนชินตามานานกว่า 2 ปีแล้ว
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนบ้านคอกช้าง และพบครูผู้หญิงคนดังกล่าว ทราบชื่อนางพัชนี ประทุมสุวรรณ หรือ ครูแอ๋ว อายุ 54 ปี เป็นครูชำนาญการโรงเรียนบ้านคอกช้าง ขับรถมาพร้อมอาหารมาให้สุนัขในโรงเรียน พบว่ามีสุนัขจรจัดอยู่ในโรงเรียนจำนวน 6 ตัว เมื่อเห็นครูใจบุญขับรถมาจอดสุนัขทุกตัวจะวิ่งออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ ก่อนที่ครูจะตักอาหารวางบนพื้นปูนเป็นจุดๆ แจกจ่ายให้สุนัขทุกตัว
นางพัชนี ประทุมสุวรรณ หรือ "ครูแอ๋ว" เปิดเผยว่า โรงเรียนบ้านคอกช้าง เป็นโรงเรียนขยายโอกาสเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล - ม.3 มีชาวบ้านแอบนำลูกสุนัขมาปล่อยทิ้งในโรงเรียนเป็นประจำ สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับครูและนักเรียนเป็นอย่างมาก เพราะสุนัขจะคุ้ยถังขยะเพื่อหาอาหาร ทำให้โรงเนียนสกปรกเลอะเทอะ ต่อมาสุนัขเพิ่มจำนวนมากขึ้น เพราะผสมพันธุ์เกิดลูกออกมาหลายคลอก ในบางช่วงในโรงเรียนจะมีสุนัขมากกว่า 20 ตัว อย่างไรก็ตามยังไม่เคยปรากฏว่าสุนัขจรจัดเหล่านี้จะกัดครูหรือนักเรียน ก่อนหน้านี้ลูกสุนัขตัวที่สวยๆ ลักษณะดีจะมีชาวบ้านนำเลี้ยง บางตัววิ่งข้ามถนนไปคุ้ยหาเศษอาหารตามบ้านเรือนชาวบ้านและถูกรถชนตายเป็นประจำ ปัจจุบันเหลือสุนัขอาศัยอยู่ในโรงเรียนเพียง 6 ตัว
"ตนรู้สึกเอ็นดูสงสารสุนัขจรจัดเป็นอย่างมาก วันโรงเรียนเปิดก็จะพยายามรวบรวมเศษอาหารจากโรงอาหารนำมาให้สุนัขกินทุกตัว แต่ช่วงโรงเรียนปิดเทอม หรือวันเสาร์ - อาทิตย์ ไม่ว่าจะยุ่งมีภารกิจส่วนตัว ตนจะหาเวลาว่างมาหุงข้าวและซื้อโครงไก่หรือเศษอาอาหารอื่นๆ มาผสมใส่ถุงขับรถจากบ้านนำอาหารไปให้สุนัขจรจัดที่โรงเรียนทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 มื้อ บางวันก็ 2 มื้อ ทำอย่างนี้มานานกว่า 2 ปี จึงอยากจะวิงวอนขอร้องคนที่เลี้ยงสุนัขอย่านำมาปล่อยทิ้งในโรงเรียนอีกเลย รวมทั้งไม่ควรนำไปปล่อยทิ้งตามวัดวาอาราม เมื่อก่อนมีข่าวที่คนนำสุนัขไปปล่อยทิ้งตามวัดต่างๆ เป็นจำนวนมาก เมื่อมีกระแสการตำหนิจากสังคมมากๆ คนที่เลี้ยงสุนัขกลับนำมาทิ้งตามโรงเรียนแทน" ครูแอ๋วกล่าว
ครูแอ๋ว กล่าวอีกว่า การที่ตนต้องคอยหุงข้าวหรือหาอาหารมาเลี้ยงสุนัขจรจัด เพราะรู้สึกเอ็นดูสงสารพวกมันที่หิวโหย และหากพวกมันหิวมันก็จะออกหาอาหาร โดยไปขออาหารจากชาวบ้านหรือคุ้ยถังขยะกระจัดกระจาย สร้างความสกปรกเลอะเทอะ ที่สำคัญหากพวกมันหิวโหยมันอาจจะกลายเป็นสุนัขที่ดุร้าย กัดหรือทำร้ายชาวบ้านได้ เกรงว่ามันจะไปกัดเด็กนักเรียนที่มาโรงเรียนมันจะยุ่งกันไปใหญ่ ตนจึงต้องรับภาระจัดหาอาหารให้สุนัขจรจัดกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตามตนอยากให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หากเป็นไปได้อยากให้นำหมาพวกนี้ไปเลี้ยงไว้ในสถานที่ที่เหมาะสม
ขณะที่นายธีระศักดิ์ ทองทิพย์ อายุ 42 ปี กล่าวว่า ตนและชาวบ้านต่างรับรู้และเห็นนางพัชรี หรือ "ครูแอ๋ว" นำอาหารมาเลี้ยงสุนัขจรจัดในโรงเรียนเป็นประจำ จนชาวบานยกย่องชื่นชมในความเป็นคนใจบุญและรักสัตว์ และมีการพุดคุยบอกเล่ากันต่อๆ กัน ทำให้คนรู้จักครูแอ๋ว อย่างกว้างขวางเกือบทั้งอำเภอทุ่งสง ตนจึงอยากฝากถึงชาวบ้านที่ชอบเลี้ยงสุนัข แต่เมื่อสุนัขป่วย เป็นขี้เรื้อน ไม่สวย ก็จะนำมาทิ้งตามสถานที่สาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณริมถนนหน้าโรงเรียน ซึ่งเกือบทุกตัวหากไม่ถูกรถชนตายก็จะเข้าไปอาศัยอยู่ในโรงเรียน เป็นการเพิ่มภาระให้กับนางพัชนี หรือ “ครูแอ๋ว” เป็นอย่างมาก นอกจากต้องควักเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหาร หรือข้าวสารมาหุงให้สุนัขจรจัดแล้ว หากสุนัขเกิดเป็นโรคพิษสุนัขบ้ามันอาจจะกัดนางพัชนี หรือ “ครูแอ๋ว” รวมทั้งครูคนอื่นๆ ในโรงเรียนรวมทั้งเด็กนักเรียนได้ นับว่าอันตรายไม่น้อยเพราะสุนัขทุกตัวไม่ได้ฉีควัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จึงขอให้ทางปศุสัตว์จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปทำหมันและฉีควัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ให้กับสุนัขทุกกตัวในโรงเรียนบ้านคอกช้างด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี