ที่ จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Tan แทน" ได้โพสต์เรื่องราชีวิตต้องสู้ของนักศึกษา ปวช.2 ช่างไฟฟ้าที่ต้องใช้ชีวิตเอาตัวรอดอยู่คนเดียว เพราะพ่อแม่เสียชีวิตไปหมด จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองอยู่รอดบนโลกอย่างไม่รู้ชะตากรรม โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้โพสต์ภาพหนุ่มผู้น่าสงสารพร้อมกับระบุข้อความว่า “ชีวิตต้องสู้..นักเรียนปวช.2 ช่างไฟฟ้าอยู่คนเดียวต้อง รับจ้างทำงานรีดเสื้อผ้าตัวละ 2 บาท เพื่อจ่ายค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,000 บาท และส่งตนเองเรียนหลังจากพ่อกับแม่เสียชีวิตกันไปหมด
สิ่งที่น่าเผศร้าใจแม่เป็นมะเร็งเพิ่งเสียชีวิตแต่ไม่มีเงินเผ่าศพแม่ (5,000 บาท ช่วงเดือนตุลาคม) "ไม่มีใครให้ยืมเงิน ต้องไปยืมจากประธานหมู่บ้าน หลังเผาศพแม่แล้วต้องฉีกซ่องเงินทำบุญใช้หนี้" โดยไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรจากพ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้เลยนอกเสียจากความดีและตั้งใจไฝ่เรียนของนายเอกพล ไทยธานี นักเรียน ปวช.2 แผนกวิชาช่างไฟฟ้า ซึ่งมีเกรดเฉลี่ย 3.26
ปัจจุบัน นร.ต้องเช่าบ้านอยู่คนเดี่ยว โดยหาเงินจากการรับจ้างรีดผ้าตัว 2 บาทตั้งแต่ 5 โมงถึง 3 ทุ่มวันละ 30-50 ตัวและรับจ้างทำทุกอย่าง (เช่นยกของ) บางวันไม่ได้ทานข้าวกลางวัน ต้องขอบคุณอาจารย์ที่ปรึกษาที่ให้ข้อมูล (ออนไลน์อ.ศิริพงษ์) ซึ่งมีวิทยาลัยฯ (ทุน) อาจารย์และเพือนๆยื่นมือมาช่วยเหลือ โดยปัจจุบันนายเอกพล ต้องทำงานหาเงินเลื้ยงตนเองคือ 1.รับจ้างรีดผ้า 2.ทำงานล้างรถยนต์ร้านทองคำยนต์แคร์ (วันเสาร์) 3.ขายเสื้อผ้าผ่านออนไลน์ 4.รับจ้างทั่วไป ฯลฯ ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจที่ให้ช่วยเหลือด้านอื่นๆเช่นให้ความอนุเคราะห์รับนร.เข้าทำงานร้านรีดผ้า ร้านทองคำยนต์แคร์ คุณครู ฯลฯครับ"
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้ใช้เฟซบุ๊ครายนี้ ทราบชื่อ คือ ดร.แทน โมราราย เป็นรอง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ บอกว่า นักศึกษารายนี้ชื่อนายเอกภพ ไทยธานี อายุ 19 ปี นักศึกชั้น ปวช.2 ช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์ มีบ้านเช่าพักอยู่บ้านเลขที่ 41/1 ชุมชนหนองปลาแห้ง ต.นครสวรรค์ออก อ.เมืองนครสวรรค์ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบว่า เป็นบ้านลักษณะคล้ายห้องแถวชั่นเดียว สภาพเก่า ราคาเช่า 1,000 บาท ภายในบ้านมีข้าวของเครื่องใช้เพียงไม่กี่อย่าง และทุกคืนต้องนอนอยู่ในมุ้ง โดยมีโทรทัศน์จอ 21 นิ้วเป็นเพื่อนคู่ใจยามค่ำคืนเพียงเท่านั้น และเมื่อสอบถามไปยังเพื่อนบ้านทุกคนต่างกล่าวว่าเด็กคนนี้เป็นคนน่าสงสาร ขาดพ่อแม่ตั้งแต่อายุยังน้อย ต้องทำงานหนักทุกวัน เพื่อหาค่าใช่จ่ายในชีวิตประจำวัน และค่าเรียนหนังสือ แต่เป็นคนขยันมาก ทุกคนในชุมชนจะรักเอ็นดู และให้ความช่วยเหลือเท่าที่ทำได้
จากการสอบถามนายเอกภพ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้รับการเปิดเผยว่า บิดาเสียชีวิตไปเมื่อปี 2559 ส่วนส่วนมารดา เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนตุลาคมปีนี้ และทั้งคู่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง โดยตอนที่มารดาเสียนั้น ตนมีเงินติดตัวเพียงแค่ 400 บาท เอาไว้ใช้ได้เพียงเป็นค่ายาฉีดศพมารดาเพียงเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นต้องพึ่งพาเพื่อนบ้าน โดนเฉพาะประธานหมู่บ้านให้การช่วยเหลือให้ตนยืมเงิน จำนวน 5,000 บาท นำมาเป็นค่าจัดงานศพ 1 วันให้กับมารดา ตนก็นำซองที่ได้จากการทำบุญนำไปใช้หนี้คืนหมด ซึ่งทุกวันนี้ ตนใช้ชีวิตอยู่คนเดียว พ่อแม่ไม่มีแล้ว จึงต้องดิ้นรนทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตอยู่รอดได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี