นับตั้งแต่ปี 2532 ที่ “ร้านค้าปลอดอากรสัญชาติไทยแห่งแรก” ก่อตั้งขึ้นในนาม“คิง เพาเวอร์” (King Power) และ 2 ทศวรรษต่อมาได้ทะยานไกลถึง “เมืองผู้ดี” ประเทศอังกฤษเข้าซื้อกิจการสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) ปลุกปั้นจนสร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อันเป็นลีกสูงสุดของอังกฤษได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่าศตวรรษ ชื่อของคิงเพาเวอร์ภายใต้การนำของ วิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นมากกว่าบริษัทสัญชาติไทยที่ไปทำธุรกิจในต่างแดน เพราะได้ช่วยโปรโมทอัตลักษณ์ไทยให้ชาวโลกรู้จัก อีกทั้งยังมีโครงการช่วยเหลือสังคมมากมาย
ณ วันนี้ คิงเพาเวอร์ภายใต้การบริหารของ “ทายาทรุ่นที่สอง” อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภายังคงเดินหน้าสานต่อเจตนารมณ์ “พลังความดีส่งต่อชุมชนอย่างยั่งยืน” กับแนวคิด “คิงเพาเวอร์ไทยเพาเวอร์ (King Power Thai Power) พลังคนไทย” ซึ่ง อัยยวัฒน์ เล่าว่าได้ไอเดียนี้มาเมื่อครั้งตามคุณวิชัยผู้เป็นพ่อไปบริหารทีมเลสเตอร์ ซิตี้ แน่นอนในช่วงแรกๆ นั้นไม่ง่าย เพราะชาวอังกฤษไม่มั่นใจว่าเจ้าของทีมรายใหม่จากเมืองไทยจะทำอะไรได้บ้าง?
“พอทำจนเลื่อนชั้นจากแชมเปี้ยนชิพ (ลีกรองอันดับ 1 ของอังกฤษ ต่อจากพรีเมียร์ที่เป็นลีกสูงสุด) ขึ้นมาอยู่พรีเมียร์ลีก คนต่างชาติเขาก็เริ่มสนใจ เริ่มเข้าใจว่าคนไทยมีความสามารถด้านไหนบ้าง พอทำจนได้แชมป์พรีเมียร์ลีกผมว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลก ว่าทีมเล็กๆ อย่างเลสเตอร์เป็นแชมป์ได้ ตรงนี้ก็เป็นจุดที่เห็นว่าคนไทยก็ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้โลกเห็นได้เหมือนกัน” อัยยวัฒน์ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจ
แนวคิด King Power Thai Power พลังคนไทย แบ่งเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านกีฬา (Sport Power) เนื่องด้วยคิงเพาเวอร์ทำสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้อยู่แล้ว กีฬาจึงเป็นด้านแรกที่ริเริ่มส่งเสริมให้กับเยาวชนไทย คุณอัยยวัฒน์ เล่าว่าโครงการแรกคือการแจกลูกฟุตบอล 1 ล้านลูกกระจายไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ตามด้วยการสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม เพื่อให้เด็กไทยมีพื้นที่ออกกำลังกาย
และด้วยความที่ฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมของคนไทย ประกอบกับวงการฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยกำลังเฟื่องฟู หลายคนฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หวังใช้ทักษะนี้หารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว คิงเพาเวอร์จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วม “สานฝันเด็กไทย” ด้วยโครงการ “ฟ็อกซ์ ฮันท์” (Fox Hunt) ค้นหาเด็กไทยที่มีความสามารถด้านกีฬาฟุตบอล บินลัดฟ้าไปเข้ารับการฝึกฝนอย่างจริงจังตามมาตรฐานลีกฟุตบอลชั้นนำลีกหนึ่งของโลก ณ ศูนย์ฝึกนักกีฬาของเลสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับเรียนหนังสือในประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง
“ฟ็อกซ์ ฮันท์ เป็นการเฟ้นหานักกีฬาอายุไม่เกิน 16 ปี จากทั่วประเทศ รุ่นแรกกลับมา 12 คนได้เล่นในไทยลีก อีก 4 คน ไปเล่นในสโมสรโอเอช ลูเวิน (OH Leuven) ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นอีกทีมที่คิงเพาเวอร์ไปซื้อไว้ เราทำแบบนี้เพราะเชื่อในศักยภาพคนไทย เชื่อว่าถ้าน้องๆ เยาวชนมีโอกาสไปเล่นในเวทีระดับโลก เชื่อว่าวันหนึ่งจะมีคนไทยได้ไปเล่นฟุตบอลในลีกยุโรป” ทายาทรุ่นที่สองแห่งคิงเพาเวอร์ ระบุ
โครงการต่อมา 2.ด้านดนตรี (Music Power)คิงเพาเวอร์นั้นมีกิจการ “โรงละครอักษรา”และสิ่งแรกๆ ที่ทำคือการส่งเสริม “หุ่นละครเล็ก-ดนตรีไทย” แล้วก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดที่ว่า “เยาวชนไทยมีความสามารถด้านดนตรี เพียงแต่อาจยังไม่ถูกมองเห็น” อัยยวัฒน์เล่าว่า เมื่อได้ความคิดจึงนำไปปรึกษากับ รศ.ดร.สุกรีเจริญสุข แห่งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล นำมาสู่ “การจัดประกวดวงซิมโฟนิคแบนด์”(Symphonic Band) เพื่อให้ฝีมือด้านดนตรีของคนไทยได้ปรากฏต่อสายตาชาวโลก
3.ด้านชุมชน (Community Power) สำหรับด้านนี้ อัยยวัฒน์ กล่าวว่า จริงๆ อาจนับเป็นสิ่งแรกๆ ที่คิงเพาเวอร์มีส่วนสร้างสรรค์สังคมไทยก่อนด้านอื่นๆ เสียด้วยซ้ำไป เพราะนับตั้งแต่ก่อตั้งกิจการก็มีการนำสินค้าไทยไปวางจำหน่ายในร้านมาโดยตลอด เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่ได้รวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบว่าชุมชนใดมีความสามารถด้านไหน และคิงเพาเวอร์ได้เข้าไปช่วยพัฒนาอย่างไรบ้าง
“หมู่บ้านบางแห่งการผลิตมีข้อจำกัด เราเข้าไปช่วยถ้าเขาต้องการพัฒนาแบรนด์หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น ต้องทำอะไรบ้างที่คนต่างชาติชอบ เราทำตรงนี้มาตลอดและจะทำให้มากขึ้น เจาะจงไปถึงจังหวัด อำเภอ ตำบล ว่าส่วนไหนมาจากตรงไหน ผมต้องการให้ต่างชาติไปพูดว่าทองม้วนมาจากจังหวัดนี้ หรือขนมที่เป็นถั่วมาจากภาคใต้ ผมมองว่ามันขายได้ และคนไทยก็ทำได้อร่อยดีขนาดคนต่างชาติต้องซื้อไปฝากกัน” อัยยวัฒน์ กล่าว
ตัวอย่างของสินค้าไทยที่คิง เพาเวอร์นำไปเผยแพร่ยังต่างแดน ล่าสุดที่คุ้นตากันดีคือแบรนด์ “อินดิโก้” (INDIGO) โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่างคิงเพาเวอร์ กับ “ชุมชนบ้านนาขาม” ต.เชิงชุม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร นำ “การย้อมคราม” ภูมิปัญญาเก่าแก่ในชุมชนมาผสานไอเดียของนักออกแบบฝีมือเยี่ยมทั้งจากคิงเพาเวอร์และจาก ทีมครูช่างศิลปหัตถกรรม ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) กลายเป็นคอลเลคชั่นเสื้อชนิดต่างๆ หมวก กระเป๋า ผ้าพันคอ
“ทุกชิ้นผ่านการย้อมด้วยมือแบบดั้งเดิม” ม้วน มัด และจุ่มในสีจนเกิดเป็นลวดลายเอกลักษณ์ที่งดงาม ประณีต และมีเสน่ห์เฉพาะตัว นำไปจำหน่ายในร้านสินค้าที่ระลึก ณ สโมสรฟุตบอล
เลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี จนปัจจุบันได้มีการออกคอลเลคชั่น“อินดิโก้ ทู” (INDIGO II) กระบวนการผลิตยังประณีตเช่นเดิมแต่เพิ่มเติมลูกเล่นตามแนวคิดNature is More ลงไป
และ 4.ด้านสุขภาพและการศึกษา (Health & Education Power) คิงเพาเวอร์นั้นมีมูลนิธิของตนเอง ที่ผ่านมาได้เข้าไปช่วยซ่อมแซมอาคารเรียนในโรงเรียนที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ช่วยสร้างห้องสมุด สนับสนุนทุนการศึกษาทั้งระดับพื้นฐานรวมถึงระดับสูง เช่น มีทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเดอ มงฟอร์ต (De MontfortUniversity) ในเมืองเลสเตอร์ ด้วยเชื่อว่าหากมีเด็กไทยได้ไปเรียนหนังสือในต่างประเทศ วันหนึ่งก็จะกลับมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย
ส่วนในเรื่องสุขภาพนั้นทางคิงเพาเวอร์มีการบริจาคให้กับโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปเงินทุนและเครื่องมือแพทย์เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งมีโครงการ “พลังคนไทยสุขา สุขใจ” เดินหน้าก่อสร้างห้องสุขาตามหลัก “อารยสถาปัตย์” (Universal Design) ทุกคนใช้ได้ไม่ว่าเป็นผู้มีร่างกายปกติหรือผู้พิการ มอบไปแล้ว3 แห่ง คือ 1.สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 2.สวนสาธารณะทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และ 3.สวนสาธารณะศรีเมือง อ.เมือง จ.น่าน
แม้ผู้ก่อตั้งคิงเพาเวอร์ วิชัย ศรีวัฒนประภา จะจากโลกนี้ไปแล้วจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดียม รังเหย้าของเลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อค่ำวันที่ 27 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นของอังกฤษ แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของ อัยยวัฒน์ ทายาทรุ่นที่สอง ที่ผลักดันแนวคิด King Power Thai Power พลังคนไทย ด้วยเห็นว่า “การส่งเสริมศักยภาพคนไทยไม่ใช่เพียงหน้าที่ของภาครัฐ แต่เป็นงานของคนไทยทุกคน” ก็เชื่อว่าคิงเพาเวอร์ จะยังคงเป็นกำลังสำคัญในการช่วยให้คนไทยได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงระดับโลกต่อไป
“ผมว่าคำว่าไทยเพาเวอร์ (Thai Power) มันชัดเจน ถ้าเราเอาพลังของคนไทยมารวมกันแล้วทำสิ่งดีให้สังคม ช่วยกันพัฒนาประเทศ ผมว่าสิ่งดีๆ สิ่งที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย” อัยยวัฒน์กล่าวในท้ายที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี