ปัญหาของพวกเราส่วนใหญ่ก็อยู่ตรงที่การไม่มีความเพียรนี้เอง เราไม่มีความเพียรพยายาม เราจึงไม่สามารถที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานกันได้ ผู้ใดที่มีความเพียรผู้นั้นก็จะสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ดังเช่นพระสาวกทั้งหลายท่านเหล่านี้ท่านมีความเพียรพยายามมาก ท่านทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการเจริญมรรค ท่านมีอะไรสมบัติข้าวของเงินทองมีความสุขทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ท่านโยนทิ้งหมดเลยท่านไม่เอา
ท่านเห็นแล้วว่ามันไม่ใช่ทางไปสู่ความสุขที่แท้จริง ไม่ได้เป็นทางไปสู่ความดับทุกข์ แต่เป็นทางไปสู่ความทุกข์ไปสู่ความสุขที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน เป็นความสุขชั่วคราว ท่านจึงสลัดทิ้งหมดแล้วทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการสร้างมรรค เพียรพยายามสร้างมรรคทุกเวลานาทีตั้งแต่ตื่นจนหลับ บางท่านถึงกับถือข้อเนสัชชิกเลย คือไม่ยอมนอนเลย กลัวจะเสียเวลาถ้าจะนอนจะหลับก็ให้หลับในท่ายืน ท่าเดิน หรือท่านั่ง แต่จะไม่ยอมเอนหลังลงไปนอน ถ้าจะหลับก็ให้มันหลับอยู่ใน 3 ท่านั้น
เพราะมันจะหลับไม่นานนั่งสับปะหงกไปได้สักชั่วโมง สองชั่วโมงก็จะตื่น พอตื่นท่านก็จะเร่งเจริญความเพียรทันที เจริญสติทันทีเดินจงกรมนั่งสมาธิทันที แล้วถ้าออกมาจากสมาธิแล้วก็สอนใจให้เห็นไตรลักษณ์อยู่เรื่อยๆ ให้เห็นอสุภะอยู่เรื่อยๆ นี่แหละผู้ที่มีความเพียรแบบนี้แหละ จึงสามารถที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้
พวกเราถ้าต้องการบรรลุมรรคผลนิพพานก็ต้องมีความเพียรเช่นเดียวกัน เพราะความเพียรเป็นเหตุเมื่อมีเหตุแล้ว ผลคือมรรคผลนิพพานก็จะตามมาอย่างแน่นอน ถ้าไม่มีความเพียรผลก็จะไม่ตามมา นี่คือความแตกต่างระหว่างพระอริยบุคคลกับปุถุชน แตกต่างกันตรงที่ความเพียรนี่เองอย่างอื่นไม่แตกต่าง อย่างอื่นมีเหมือนกันหมดมีอาการ ๓๒ เหมือนกัน มีตา หู จมูก ลิ้น กายเหมือนกัน มีร่างกายมีจิตใจเหมือนกัน ต่างตรงที่ว่ามีความเพียรหรือไม่มีความเพียร
ถ้ามีความเพียรที่จะเจริญมรรค มรรคผลนิพพานมันก็จะต้องตามมา การบรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆก็จะตามมา ถ้าไม่มีความเพียรมันก็จะวนเวียนว่ายอยู่กับการเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ดังนั้น ขอให้พวกเราปลุกความเพียรของเราขึ้นมา ด้วยการระลึกถึงเวลาของเราที่จะมีน้อยลงไปเรื่อยๆ วันเวลาของเราผ่านไปๆเรากำลังเดินเข้าหาความแก่ หาความเจ็บ เข้าหาความตายกัน เรากำลังทำอะไรอยู่ กำลังสร้างมรรคหรือกำลังสร้างลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อยู่
ถ้าเราถามอย่างนี้บ่อยๆ เราจะได้รู้ทิศทางของเราว่าเรากำลังเดินไปในทิศทางใด ถ้าเราเดินไปในทิศทางที่สวนกับทางที่พระพุทธเจ้าทรงดำเนินเราก็ควรที่จะยูเทิร์นเลี้ยวกลับ ถ้าเรายังเดินไปหาลาภ ยศ สรรเสริญ สุขอยู่เราก็ควรที่จะยูเทิร์นเลี้ยวกลับมาหาการเจริญมรรค เลี้ยวกลับมาหาการทำทานหาการรักษาศีล หาการภาวนา แล้วเราจะได้ไปถูกทางแล้วเราจะได้ไปถึงจุดหมายปลายทางที่ดี ที่แท้จริงไม่ใช่เป็นความสุขปลอมอย่างทางของลาภ ยศ สรรเสริญจะให้กับเราเป็นความสุขปลอม เป็นความสุขที่เคลือบความทุกข์เอาไว้ เป็นความสุขชั่วคราวเดี๋ยวเดียวแล้วก็จะเกิดความทุกข์ตามมา แต่ถ้าไปทางมรรคจะมีแต่ความสุขถาวร แต่จะมีความทุกข์เคลือบไว้อยู่เพราะเป็นการเดินขึ้นภูเขา การปีนป่ายขึ้นภูเขานี้มันต้องเป็นเรื่องทุกข์ยากลำบากอย่างแน่นอน แต่เมื่อถึงยอดเขาแล้วมันสบาย มันจะสบายไปตลอด ทางมรรคนี้เรียกว่าทุกข์ต้นแต่สุขปลาย ทางลาภ ยศ สรรเสริญ สุขนี้เรียกว่าสุขต้นแต่ทุกข์ปลาย
เราจะเอาอย่างไหนดี เอาสุขต้นทุกข์ปลายดี หรือว่าเอาทุกข์ต้นแล้วสุขปลายดี เราจะเอาแบบพระพุทธเจ้าดีหรือเอาแบบปุถุชนดี ปุถุชนตอนที่เขามีกำลังวังชาเขามีความสามารถ เขาก็หาความสุขต่างๆผ่านทางลาภ ยศ สรรเสริญ ผ่านตา หู จมูก ลิ้น กายได้ แต่พอเวลาที่ร่างกายเขาหมดสภาพไม่สามารถหาได้ เขาจะหาอะไรเขาก็จะหาแต่ความทุกข์ใส่ใจของเขาเท่านั้น แต่ทางของพระพุทธเจ้านี้ถึงแม้ว่าร่างกายจะแก่ จะเจ็บ จะตาย ใจก็ยังเป็นปรมัง สุขังอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี