6 ม.ค.62 เมื่อเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านโนนแกด หมู่ 7 ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นาย สมเกียรติ ศรีขาว นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ ศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชน นำประชาชนชาวบ้านในตำบลทุ่ม ร่วมกันเก็บกวาดทำความสะอาดบริเวณวัดบ้านโนนแกด เพื่อเตรียมรอรับสรีระสังขารของพระครูโกวิทพัฒโนดม หรือ “หลวงปู่เกลี้ยง” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งอีสานใต้ ซึ่งได้ละสังขาร มรณภาพลงเมื่อเวลา 08.59 น.เช้าวันนี้ (6 ม.ค.62) ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ท่ามกลางความเศร้าโศกของทุกคน
หลวงปู่เกลี้ยง เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สายกรรมฐาน ทั้งแนวทางปฏิบัติของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่แห่งภาคอีสาน ได้รับการถ่ายทอดพุทธอาคม ศึกษาเรื่องสมุนไพรรักษาโรคและวิชากรรมฐาน จากครูบาอาจารย์หลายท่าน ซึ่งมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่ร่วมสมัยกับหลวงปู่เกลี้ยง ก็มีหลวงปู่เครื่อง สุภัทโท วัดสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษซึ่งพระมหาเถระรูปนี้หลวงปู่เกลี้ยงให้ความเคารพนัพถือเป็นอย่างมาก และหลวงปู่เจียม อติสโย วัดอินทราสุการาม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งก็ได้คุ้นเคยกันไปมาหาสู่กันเป็นประจำ
อีกทั้งยังเป็นที่เลื่องลือกันว่า ท่านมีความพิเศษสามารถนิมิตบันดาล หากมีผู้คนไปไต่ถามเรื่องต่างๆ เพียงแค่ยกขันธ์ 5 บูชาคุณครู และบอกถึงความจำเป็นให้ท่าน ท่านจะตอบตามนิมิตบันดาล ส่วนใหญ่เป็นไปตามคำถามทุกประการ การรู้เห็นเป็นสิ่งเหนือวิสัยของคนทั่วๆ ไปที่ไม่สามารถรู้เห็นได้ แต่หลวงปู่เกลี้ยง มีสิ่งเหนือสามัญวิสัย สามารถบอกเรื่องราวต่างๆ ได้ จะทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร จนเป็นที่เคารพของคนทั่วไปทั่วประเทศ
ประวัติชีวิตของ หลวงปู่เกลี้ยง เกิดที่บ้านก้านเหลือง ต.หมากเขียบ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เป็นบุตรของนายบุญมี-นางผิว คุณมานะ มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ในช่วงวัยเด็กได้ศึกษาใน โรงเรียนวัดบ้านทุ่ม เรียนจนจบชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 ซึ่งเป็นการศึกษาชั้นสูงสุดในสมัยนั้น จึงได้ออกไปช่วยครอบครัวประกอบอาชีพคือทำนาทำไร่ทำสวน ต่อมา ปี พ.ศ. 2467 ทางราชการประกาศรับสมัครผู้ที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นครูช่วยสอนหลวงปู่สอบผ่านจังได้เป็นครูผู้ช่วยสอนครั้งแรกที่โรงเรียนวัดบ้านโนนแกด
ต่อมาเพื่อนที่เรียนหนังสือมาด้วยกันได้ชนหลวงปู่ไปบรรพชาเป็นสามเณร แต่เนื่องจากเวลานั้น หลวงปู่ร่างกายไม่แข็งแรงโยมแม่จึงไม่อยากให้ไปเป็นสามเณร เพราะเกรงว่าจะไม่มีเวลาพักผ่อนแต่ท่านก็ขอบรรพชาเป็นสามเณรจนได้ ต่อมา สามเณรเกลี้ยง สอบนักธรรมชั้นตรีที่สนามหลวงวัดมหาพุทธาราม อ.เมืองศรีสะเกษ ซึ่งมีพระ-สามเณร ไปสอบจำนวน 47 รูป ปรากฏว่าสามเณรเกลี้ยง และพระอีกรูปหนึ่ง สอบผ่านแค่ 2 รูป เท่านั้น
จากนั้น หลวงปู่เกลี้ยงต้องการจะเรียนต่อนักธรรมโท แต่ที่ศรีสะเกษยังไม่มีที่เรียน ท่านจึงไปเรียนต่อนักธรรมโทที่ จ.บุรีรัมย์ แต่ช่วงนั้น หลวงปู่ต้องลาสิกขาบทเพื่อเกณฑ์ทหาร เมื่อเป็นทหารปลดออกมาแล้ว ท่านได้อุปสมบทอีกครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2518 ที่วัดบ้านแทง ต.ซำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ โดยมีพระเกษตรศีลาจารย์ วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม ต.เมืองใต้ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากอุปสมบทแล้ว มีผู้คนที่ล้มป่วยที่ไปรักษาโรงพยาบาลไม่หาย แต่หลวงปู่เกลี้ยงได้ให้การรักษา โดยใช้ยาตำรับแพทย์แผนโบราณ จนหายเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะแรงศรัทธา จึงมีญาติโยมศิษยานุศิษย์เคารพนับถือเป็นจำนวนมาก
นางนงลักษณ์ ทรงกลด อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 7 ต.ทุ่ม หลานของหลวงปู่เกลี้ยง และเป็นผู้ที่คอยดูแลอุปัฏฐากหลวงปู่เกลี้ยงตลอดมา เล่าว่า ถึงแม้ว่า หลวงปู่จะมีอายุมากถึง 111 ปีแล้ว แต่ท่านไม่ได้มีโรคประจำตัวร้ายแรงอะไร มีแต่ป่วยเป็นไข้ เป็นหวัด ตามประสาคนชรา ตลอดระยะเวลาเข้าพรรษาที่ผ่านมา หลวงปู่ก็จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านโนนแกดตลอดพรรษา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2561 หลวงปู่เป็นไข้ ลูกหลานพร้อมด้วยศิษยานุศิษย์จึงได้พาหลวงปู่ไปโรงพยาบาลศรีสะเกษ จนกระทั่งวันที่ 21 ธ.ค.2561 ศิษยานุศิษย์ของท่านก็ได้พาท่านไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จนกระทั่งสิ้นอายุไขเมื่อเวลา 08.59 น.เช้าวันนี้ ขณะนี้ ลูกหลานพร้อมด้วยศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ได้นำสรีระ ร่างของหลวงปู่กลับมาวัดโนนแกด โดยออกจากโรงพยาบาลกรุงเทพเมื่อเวลา 13.00 น.คาดว่าจะถึงวัดบ้านโนนแกดเวลาประมาณ 20.00 น.เย็นวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี