เจ้าหน้าที่สถานีเพาะพันธุ์สัตว์จังหวัดพังงา อ.เมือง เข้าดูอาการอีแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย คาดบินหนีหนาวมาจากทิเบต ก่อนเผชิญพายุปาบึก จนหมดแรงและตกลงมา ล่าสุดมีอาการอ่อนแรงไม่กินอาหาร เจ้าหน้าที่ต้องให้ยาบำรุงพร้อมเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
9 ม.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่สถานีเพาะพันธุ์สัตว์จังหวัดพังงา ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าดูอาการอีแร้งสีน้ำตาล หิมาลัยมีขนาดปีกกว้าง ประมาณกว่า 2 เมตร น้ำหนักประมาณ 30-40 กก. ซึ่งแร้งสีน้ำตาล หิมาลัย น่าจะอพยพหนีหนาวมาเป็นฝูงและบินจนอ่อนแรงเลยพลัดตกหลงฝูง หลังจากถูกพายุปาบึกพัดตกภายในสวนยางพาราของชาวบ้าน ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะส่งมาให้สถานีเพาะพันธุ์สัตว์จังหวัดพังงา นำเข้าอนุบาลและดูแลรักษาอาการอ่อนแรง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำให้อยู่ในกรงขนาดใหญ่ พร้อมให้อาหารเนื้อสัตว์ตามธรรมชาติ พร้อมให้วิตามินผสมกับน้ำในช่วงแรก เพื่อเพิ่มแคลเซียมแต่พบว่าอีแร้งตัวดังกล่าวยังมีอาการอ่อนแรง ไม่ค่อยรับประทานอาหารที่ทางเจ้าหน้าที่จัดให้ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดชุดหมุนเวียนดูอาการอย่างใกล้ชิด
ด้านนายนายธีธัช ดำอุดม หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงา เปิดเผยว่า ทางสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงา ได้รับตัวแร้งสีน้ำตาลหิมาลัยตัวเต็มวัย มาจากเจ้าหน้าที่ในจังหวัดกระบี่ หลังจากนกแร้งได้อพยพหนีหนาวมาเป็นฝูงและบินจนอ่อนแรงเลยพลัดตกหลงฝูง โดยทางเจ้าหน้าที่สัตว์ป่าจังหวัดพังงา ได้ทำการรักษาอาการที่อ่อนแรงให้มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง และจะนำนกแร้งมอบให้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน เพื่อนำไปฝึกให้แข็งแรงพร้อมฝึกบินก่อนที่จะนำไปปล่อยคืนกลับถิ่น แต่คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลาสักระยะ กว่านกแร้งตัวดังกล่าวจะแข็งแรงซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ยาบำรุงไปก่อนเพื่อให้แข็งแรงฟื้นตัวต่อไป
ทางนายสมโชค สุขอินทร์ เจ้าหน้าที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพังงา กล่าวว่า นกแร้งหิมาลัย ได้อพยพนี้หนาว ที่ได้บินอพยพมาทุกปี ซึ่งปีที่ผ่านมาพบจำนวนสามตัวแต่มาในปีนี้พบอีก 1 ตัว พบในพื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยพบว่าตัวดังกล่าวมีอาการอ่อนแรงและไม่ค่อยกินอาหาร โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้หาวิตามินมาผสมกับน้ำแล้วนำมาให้กิน ก่อนที่จะเลี้ยงดูให้แข็งแรงนำตัวส่งให้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมจะนำไปฝึกการบิน และจะนำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ แต่นกตัวดังกล่าวคาดว่าต้องใช้เวลาอีกนานในการพักฟื้นเพราะมีอาการค่อนข้างที่จะอ่อนแรงมากซึ่งในขณะนี้จากการดูอาการอยู่น่าจะต้องประสานไปยังทีมสัตวแพทย์
สำหรับแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย จัดเป็นแร้งหรืออีแร้งที่มีขนาดใหญ่ รองมาจากแร้งดำหิมาลัย ที่สามารถพบได้แถบเทือกเขาหิมาลัย จะกระจายพันธุ์อยู่ตามแถบเทือกเขาของภูมิภาคเอเชียกลางไปจนถึงจีนและไซบีเรีย โดยปกติจะอาศัยอยู่ในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 600-2,500 เมตร เวลาบินหากินจะบินไปจนถึงระดับ 4,500 เมตร หรือสูงกว่านี้ จะหากินเพียงลำพังหรือพบเป็นฝูงเล็ก ๆ เพียง 2-3 ตัว โดยจะหากินตามช่องเขาหรือทางเดินบนเขา หรือบินตามฝูงสัตว์เพื่อรอกินซากของสัตว์ที่ตาย ส่วนหัวและลำคอมีขนอุยสีขาว ขนแผงคอสีน้ำตาลอ่อนมีลายขีดสีขาว ลำตัวสีน้ำตาลออกเหลืองหรือสีกากีอ่อน ใต้ท้องสีน้ำตาลอ่อนกว่าด้านหลัง ก้านขนแต่ละเส้นจะมีลักษณะเป็นสีขาวเด่นออกมาจากพื้นสีลำตัว
เมื่อยังเล็ก นกวัยอ่อนจะมีสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ มีลายสีขาวบนก้านขนอย่างเห็นได้ชัดเจนกว่านกวัยโต มีขนปีกและขนหางสีดำ ขนหางมีทั้งหมด 14 เส้น มีขนาดลำตัวยาวประมาณ 110 เซนติเมตร ปีกเมื่อกางออกยาวได้ถึงเกือบ 3 เมตร น้ำหนักประมาณ 8-12 กิโลกรัม มีฤดูผสมพันธุ์ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน รังมีขนาดใหญ่โดยทำจากเศษกิ่งไม้หรือวัสดุอื่นๆ ทำรังบนหน้าผาสูง ทำรังเดี่ยวหรือรวมกันเป็นหลายรังประมาณ 5 - 6 รังในที่เดียวกัน ตัวเมียจะวางไข่เพียงครั้งละ 1 ฟอง แร้งสีน้ำตาลหิมาลัยไม่ใช่นกประจำประเทศไทย แต่เป็นนกอพยพที่ฤดูหนาวจะบินลงใต้มาอาศัยอยู่ยังประเทศไทยเพราะมีอากาศที่อบอุ่นกว่า สถานะอนุรักษ์ในประเทศไทย เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535
ข่าวที่เกี่ยวข้องคลิก : สงสาร'อีแร้ง'อ่อนแรงอิดโรย! หนี'พายุปาบึก'หลงทิศบินตกสวนยางพารา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี