nn...หายหน้าหายตาจากแวดวงการเมืองไปพักใหญ่ๆหลายปี หลังได้ประสบการณ์การทำธุรกิจกับประเทศจีน กลับมาครั้งนี้ “บัวสอน ประชามอญ”อดีต สส.เชียงราย เข้าสังกัด พรรคพลังประชารัฐ ลงชิงเก้าอี้ สส.เชียงราย เขต 5 เป็นเขตเดิมที่เคยเป็น โดยต้องการกลับมาช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องให้ชาวบ้านเกษตรกร ลืมตาอ้าปากอย่างแท้จริง และมีจุดยืนชัดเจน มุ่งเน้นเศรษฐกิจการเมือง ไม่ใช่รัฐศาสตร์การเมือง ที่ชิงไหวชิงพริบเล่นเกมการเมือง สร้างความขัดแย้ง เป็นเรื่องน่าเบื่อและเสียเวลา ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับชาวบ้าน เกษตรกร..จากที่ได้ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านมานานกว่าครึ่งปีแล้ว ดีใจชาวบ้านยังจดจำยางบัวสอนได้ ที่สำคัญ ได้ฟังความคิดเห็นได้ข้อคิดดีๆจากชาวบ้านบอกมาว่า“ถึงวันนี้ ผมไม่กลัวเสื้อสีแดงหรือสีเหลืองแล้ว แต่ผมกลัวคนเสื้อขาว หรือเด็กๆ กับคนผมขาว ก็คือคนเฒ่าคนแก่ ในอนาคต จะอยู่กันอย่างไรต่อไปมากกว่า”..เป็นเรื่องจริงที่ต้องหันมาคิด..หลายๆเรื่องเกี่ยวกับเกษตรกรชาวไร่เสนอให้ผู้ใหญ่ในพรรค รับไปดำเนินการ แต่ในส่วนเกษตรกรชาวเชียงราย ต้องพยายามพูดคุยปรับแนวคิดในการปลูกผลไม้เน้นเป้าหมายในการส่งออกตลาดไปยังประเทศจีนและต่างประเทศ ต้องเน้นหาตลาดให้ได้ชัดเจน แล้วส่งเสริมปลูกผลไม้ เลือกตามฤดูกาล จะทำให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนและเท่าทีได้ฟังจากชาวจีนที่ชื่นชอบทานทุเรียนก็บอกมาว่า ทุเรียนที่อร่อยที่สุด อยู่ที่เชียงราย ได้ยินทีแรกก็งงไปเลย แต่มารู้ความจริง ที่รสชาติอร่อยก็เพราะดินที่เชียงราย เป็นดินที่มหัศจรรย์มากๆ อย่าง สับปะรด พันธุ์ภูเก็ต พอนำมาปลูกที่เชียงราย ก็เรียกว่า“สับปะรดภูแล”รสหวาน หอม กรอบ ไม่แสบลิ้น เมื่อพันธุ์ภูเก็ตไปปลูกในภาคตะวันออกก็เรียก สับปะรด“พันธุ์สีทอง”รสแตกต่างกัน อยู่ที่สภาพดินตามภูมิประเทศ...ฉะนั้น เมื่อตัดสินใจ กลับมา เราจะต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเกษตรกรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้ได้ ตราบที่เรายังมีลมหายใจ จะพยายามทำทุกอย่างให้กับแผ่นดินเกิด แผ่นดินของพ่อ ที่ได้วางแนวทางให้ลูกๆได้ก้าวเดินตาม...เป็นแนวทางที่ดีและยั่งยืน...nn
nn...หลังเล่นการเมืองมาหลายสมัย“เฮียกุ่ย” ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่ลุยทำงานการเมือง ลุยคนเดียว ไม่ค่อยเห็นมากับครอบครัว วันก่อนไปเปิดเวทีหาเสียงที่ อ.โขงเจียม มีคนฟังล้นหลามแต่อบอุ่นเป็นพิเศษที่มีลูกสาวสองคนโตเป็นสาว ได้มาขึ้นเวทีช่วยหาเสียงครั้งแรกด้วย เฮียกุ่ย ได้แนะนำ ลูกสาวคนโต “น้องกานต์” สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ ที่ตั้งชื่อ “กานต์” เพราะเกิดเดือนเมษายน ส่วนลูกสาวอีกคน“น้องเก้า” สุเชาวดี พิทักษ์พรพัลลภ ยังเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ปี 3 ม.กรุงเทพ ที่ตั้งชื่อ “เก้า” เพราะเกิดเดือนธันวาคม เดือนวันพ่อหลวง..ไฮไลท์อยู่ที่ช่วงให้ลูกสาวได้พูดคุยกับชาวบ้าน“น้องเก้า”จับไมค์พูดสำเนียงอีสานบ้านเฮา ว่า“ดีใจที่ได้มีโอกาสมาพบชาวโขงเจียมทุกคน ปกติไม่ค่อยได้มา เพราะเรียนอยู่กรุงเทพฯช่วงนี้ปิดเทอมเลยได้มา...เพราะเห็นพ่อออกมาหาพ่อแม่พี่น้องตั้งเช้าจนค่ำมืดทุกๆวันก็เลยลองออกมาดูบ้าง”พูดไปน้ำตาก็ไหลไป บอกอีกว่า “เห็นพ่อออกมาหาพ่อแม่พี่น้องตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว มีคนถามพ่อว่าเหนื่อยไหม พ่อก็บอกว่าเหนื่อยก็ต้องทำงานเพื่อพี่น้องเพราะทุกๆคนมีบุญคุณกับพ่อและพ่อรักพ่อแม่พี่น้องมากๆ”...และหนูรู้ดี ตั้งแต่หนูเกิด และพี่สาวเกิด แม่เจ็บท้องคลอดก็ต้องขับรถไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เพราะพ่อต้องไปทำงานอยู่ในพื้นที่กับชาวบ้าน ก็เข้าใจดี เพราะพ่อสอนไว้ว่าเรื่องของพี่น้องชาวบ้าน ต้องมาก่อน เรื่องของครอบครัวต้องเอาไว้ทีหลัง และทุกครั้งที่ชาวบ้านเดือดร้อนโทรหาพ่อพ่อก็จะรีบไปทันที ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือ อยู่ที่ไหน ก็จะรีบไปทันที ทำให้ปกติไม่ค่อยมีโอกาสไปไหนกันพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว...และพ่อยังสอนว่าเป็นลูกผู้แทนฯต้องทำตัวธรรมดา ไม่มีอภิสิทธิ์ เหนือใครๆ ปรากฏน้องเก้าขึ้นเวทีพูดครั้งแรก ทำเอา ทั้งคุณพ่อเฮียกุ่ย ถึงกับต้องยืนน้ำตาซึมไม่ต่างกับน้องกานต์ที่ยืนข้างๆ..พอคิวน้องกานต์พูดบ้าง ก็พูดอย่างอารมณ์ดี บอกว่า ดีใจที่มีคนมาให้กำลังใจพ่อมากมายอย่างนี้ เป็นลูกผู้แทนสบาย อยากทำอะไรทำ ขนาดวันเคานท์ดาวน์ พ่อไปงาน แม่ไปงาน ก็เลยฉลองกันแค่สองคนพี่น้อง แล้วยังบอกว่า ส่วนตัว หนูก็รักท่านประยุทธ์ที่ทำให้พ่อมีโอกาสได้พักผ่อนนานถึง 5 ปี แต่ตอนนี้พ่อได้พักเต็มที่และพร้อมเต็มที่แล้ว ที่จะกลับมาเป็นผู้แทนฯอีกครั้ง...พ่อ เสียสละทุกอย่าง ขณะเวลาที่กินข้าวพร้อมหน้ากันทั้งสี่คน ถ้ามีโทรศัพท์มาก็รีบออกไปทันที พ่อสอนให้เสียสละ..พูดจบได้เสียงปรบมือลั่น...แหมๆลูกสาวทั้งสองพูดจากใจอย่างนี้ คุณพ่ออย่างเฮียกุ่ย ปลื้มใจน้ำตาซึมกลางเวที ไม่นึกว่าลูกสาวพูดแบบตรงไปตรงมา ช่วยหาเสียงได้ดีอย่างนี้...nn
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี