“ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก” เป็นคำขวัญของ ระยอง จังหวัดชายทะเลตะวันออกของไทย โดยหากวัดด้วยผลิตภัณฑ์จังหวัด ณ ราคาตลาดปัจจุบัน (GPP) จ.ระยอง จะมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ และชลบุรี แต่หากวัดด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัด ณ ราคาตลาด ต่อหัวต่อหนึ่งปี (GPP Per Capita) ระยองจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เหนือกว่าเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เสียด้วยซ้ำไป
ด้วยอานิสงส์ของโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard) ที่เริ่มต้นเมื่อกว่า3 ทศวรรษก่อน และล่าสุดกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้ระยองกลายเป็นเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรม ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้นที่รู้จักในวงกว้างเห็นจะมีเพียงเกาะเสม็ดเท่านั้น จึงมีความพยายามส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายมากขึ้นในนาม เพื่อกระจายรายได้ไปให้ทั่วถึงทุกชุมชน
ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้อธิบายถึงโครงการ “โอท็อป (OTOP) นวัตวิถี”ของ จ.ระยอง ไว้ว่า มีการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยว 3 เส้นทาง โดยเลือกเยี่ยมชม 20 จุดท่องเที่ยวใน 8 อำเภอ จากทั้งหมด 40 หมู่บ้าน ซึ่งมีเส้นทางดังต่อไปนี้ “เส้นทางที่ 1 : ท่องเที่ยวเศรษฐกิจตามเส้นทาง EEC” ณ อ.บ้านค่าย และ อ.นิคมพัฒนา “เส้นทางที่ 2 : ท่องเที่ยวมนต์เสน่ห์วิถีชาวเล” ณ อ.บ้านฉาง อ.เมือง และอ.แกลง และ “เส้นทางที่ 3 : ท่องเที่ยวอารยธรรม ดื่มด่ำธรรมชาติ” ณ อ.เขาชะเมา อ.วังจันทร์ และอ.ปลวกแดง
เมื่อเร็วๆ นี้ “สกู๊ปแนวหน้า” มีโอกาสได้เดินทางไปยัง จ.ระยอง โดยได้ไปเยี่ยมชม “บ้านไผ่” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 ต.หนองตะพาน อ.บ้านค่าย “ที่นี่มีจุดเด่นคือความหลากหลายทางอารยธรรมโบราณ” โดยเฉพาะศิลปะของพระปางเลไลยก์ที่อยู่มาหลายร้อยปี ซึ่ง สุชาติ อ่ำเอี่ยม ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 บ้านไผ่ ต.หนองตะพาน กล่าวเสริมว่ายังมี “โรงเรียนวัดเกาะ” ที่มีชื่อเสียงด้าน “การทำเกษตรพื้นที่น้อย” ที่ผสมผสานระหว่างการทำงานของครู นักเรียน และชาวบ้าน ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือน เช่น กะเพรา ถั่วฝักยาว สะระแหน่ ยี่หร่า และพริก
“อาหารขึ้นชื่อของหมู่บ้านไผ่คือแกงไก่ลูกกล้วย เป็นแกงไก่ผัดในกะทิที่ใส่กล้วยลงไป ผสมผสานเข้ากันเป็นอย่างดี รสชาติจะออกเผ็ดร้อน กลมกล่อม อร่อย ส่วนของฝากขึ้นชื่อคือน้ำพริกเผากุ้ง น้ำพริกนรก ขิงดอง ข่าดอง มังคุดกวน และปลานิลแดดเดียว ซึ่งวัตถุดิบหาได้จากในหมู่บ้าน ยังมีข้าวอินทรีย์ที่คนเป็นเบาหวานก็ทานได้เพราะมีน้ำตาลน้อยกว่าข้าวปกติ และที่โดดเด่นอีกอย่างคือน้ำถั่วปั่น เพราะน้ำถั่วปั่นของหมู่บ้านไผ่จะแตกต่างและไม่เหมือนที่อื่นตรงที่ เป็นน้ำถั่วปั่น 5 สี ผลิตขึ้นเพื่อสุขภาพของคนในชุมชนและนักท่องเที่ยว” ผู้ใหญ่สุชาติ กล่าว
หมู่บ้านต่อไปที่มีโอกาสไปเยี่ยมชมคือ “บ้านเขามะพูด” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา โดยทางผู้ใหญ่บ้าน พจนีย์ พันธ์เจริญ เล่าว่า บ้านเขามะพูดมีภูมิทัศน์รอบๆ หมู่บ้านเดิมทีจะเป็นภูเขาส่วนใหญ่ โดยรอบๆ เขาจะมีต้นมะพูดปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาเกิดเป็นแหล่งทำกินทำให้ต้องถางต้นมะพูดทิ้ง จนปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 2 ต้นใหญ่ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านเท่านั้น
“ปัจจุบันหมู่บ้านเขามะพูดเด่นเรื่องการทำไร่สับปะรดโดยมีศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านเขามะพูดที่จะคอยแนะนำและให้ความรู้ชาวบ้าน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของหมู่บ้าน เช่น สถาบันการเงินชุมชน กลุ่มองค์กรต่างๆ ภายในหมู่บ้าน การแปรรูปผลิตภัณฑ์โดยใช้วัตถุดิบจากพื้นถิ่น โดยเฉพาะสับปะรดที่มีเป็นจำนวนมาก จึงนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ได้แก่ สับปะรดกวน สับปะรดชีสเค้ก สับปะรดคลุกบ๊วย สับปะรดอบแห้ง แยมสับปะรด และน้ำสับปะรด” ผู้ใหญ่บ้านบ้านเขามะพูด หมู่ 4 ระบุ
พื้นที่ต่อมาคือ “บ้านสะพานหิน” ตั้งอยู่ที่ ต.ทับมาอ.เมือง สำหรับที่นี่ ปรานี จิตติรบำรุง เลขาฯ นายกเทศบาลตำบลทับมา เล่าว่า บ้านสะพานหิน มีการปลูกพืชผักสวนครัวไว้อุปโภคบริโภคภายในหมู่บ้าน และนอกจากนี้ยังมีการนำวัตถุดิบที่ได้มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยการรวมตัวกันของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร เช่น ตะไคร้ ข่า พริก นำมาผลิตเป็นพริกแกงป่า “แม้หมู่บ้านสะพานหินจะอยู่ใกล้เขตเมืองของ จ.ระยอง แต่ชาวบ้านยังคงรักษาวิถีเกษตรกรรมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม” อีกทั้งยังมีการคัดแยกขยะเพื่อนำขยะอินทรีย์มาทำปุ๋ยหมักใช้ในแปลงเกษตรของชุมชนด้วย
“ผลิตภัณฑ์ที่นี่จะเน้นสะอาด ปลอดสารพิษ ถูกหลักอนามัย นำวัตถุดิบท้องถิ่นจากในหมู่บ้านมาผลิต นอกจากนี้ยังมีกะปิบ้านสะพานหินซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของชุมชน เนื่องจากในกระบวนการผลิตจะไม่ใช้เครื่องจักรแต่จะใช้การตำกะปิด้วยมือ จึงทำให้สีของกะปิจะไม่เป็นสีดำเมื่อเก็บไว้เป็นเวลานาน และได้รสชาติของความเป็นชุมชนอย่างแท้จริง” ปรานี เล่าถึงผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อในพื้นที่
ด้วยเวลามีจำกัด การเดินทางในครั้งนี้จึงเลือกปิดท้ายกันที่ “สวนคุณวารินทร์” เป็นอีกส่วนหนึ่งของ “โครงการเที่ยวชุมชนระยอง ต้องลอง ต้องมา OTOP นวัตวิถี” ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง สวนแห่งนี้ถูกเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า “สวนพุทราซุปเปอร์จัมโบ้” โดยทางเจ้าของสวน วารินทร์ ชิตะปัญญา บอกเล่าที่มาที่ไปว่า หลายปีก่อนมีโอกาสเดินทางไปประเทศเมียนมา (พม่า) แล้วไปพบพุทราพันธุ์ยักษ์ จึงนำมาทดลองปลูกในประเทศไทย
“พุทราพันธุ์นี้มีลักษณะเด่น ได้แก่ ผลมีขนาดโต (ใหญ่สุด 4 ผลต่อ 1 กิโลกรัม) รูปทรงสวยงามคล้ายผลแอปเปิ้ล คือมีลักษณะกลม ก้นหัวบุ๋ม รสชาติดีเยี่ยม หวาน กรอบ ไม่มีกลิ่นพุทราและเมือกเหมือนพุทราทั่วไป นอกจากนั้น ยังง่ายในการดูแลรักษา มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อม ให้ผลผลิตเร็วเพียง 8 เดือน ลำต้นไม่มีหนาม ง่ายต่อการเก็บเกี่ยว” เจ้าของสวนพุทราซุปเปอร์จัมโบ้ กล่าว
ปัจจุบันการท่องเที่ยวของโลกได้ให้ความสำคัญกับ “การเดินทางไปสัมผัสวิถีดั้งเดิมของท้องถิ่น” พร้อมๆ กับ “กระแสรักสุขภาพ” ที่ได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่ ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเริ่มหันมาพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยเองก็มีความพร้อมและที่ผ่านมาภาครัฐก็พยายามส่งเสริม
วันนี้ระยองไม่ได้มีเพียงนิคมอุตสาหกรรมกับเกาะเสม็ด...แต่ยังมีชุมชนอีกมากมายรอคอยให้ไปเยือน!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี