อยู่มานับศตวรรษ! ชาวบ้านท่าล้งบุกศาลากลาง ขอความเป็นธรรมถูกเอาผิดรุก‘ผาแต้ม’
15 ก.พ.62 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายธีรเกียรติ แก้วใส ผู้ใหญ่บ้านท่าล้ง ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี นำชาวบ้านท่าล้ง หรือชนเผ่าชาวบรู ราว 100 คน เดินทางมาพบผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อทวงถามความคืบกรณีที่ได้ยื่นหนังสือถึงนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) อุบลราชธานี เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีนายนครินทร์ สุทัตโต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแต้ม แจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้าน 6 ราย ฐานบุกรุกยึดครองที่ดิน ก่อสร้างที่อยู่อาศัย แผ้วถางป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ เนื้อที่รวมกันประมาณ 6 ไร่ โดยชาวบ้านได้มาร้องขอความเป็นธรรมเมื่อวันที่ 23 พ.ย.61 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ขณะที่ชาวบ้านทั้ง 6 ราย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้เข้าไปมอบตัวที่ สภ.โขงเจียม ชาวบ้านเกรงจะถูกจับกุมจึงได้มาทวงถามความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือตามที่ทางจังหวัดได้ตกลงเอาไว้ เพื่อช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลความเดือดร้อนของชาวบ้าน เนื่องจากชาวบ้านอยู่ในพื้นที่บ้านท่าล้งมากว่า 100 ปี แต่อุทยานฯมาอยู่ภายหลังเมื่อปี 2534 อีกทั้งยังประกาศเขตอุทยานทับพื้นที่อยู่อาศัยและทำกินของชาวบ้าน
ต่อมานายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.อุบลราชธานี เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุม และพูดคุยหารือในศูนย์ดำรงธรรมอุบลราชธานี โดยมีฝ่ายตัวแทนหน่วยงานได้แก่ พ.ต.อ.ชุมพล โพธิ์ศิริ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.อุบลราชธานี , นายสมโภชน์ เทียงจิตต์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักงานบริหารที่ 9 อุบลราชธานี , นายพงษ์กวี วิลานันท์ ยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี , นายอนุชา พรมศรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอโขงเจียม , นายอำนวย หาญปราบ ประธานคณะทำงานสำรวจแนวเขตกรณีที่ดินทับช้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม และนายธีรเกียรติ แก้วใส ผู้ใหญ่บ้านท่าล้ง พร้อมตัวแทนชาวบ้านร่วมประชุมหารือ
นายธีรเกียรติ กล่าวในที่ประชุมว่า เนื่องจากชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน และมีความทุกข์ใจจากปัญหาหัวหน้าอุทยานฯแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกที่ดิน ซึ่งชาวบ้านได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับทางจังหวัดเอาไว้แล้ว นอกจากนี้ได้เดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักนายกรัฐมนตรี และถวายฎีกาแล้ว แต่เรื่องยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาให้
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ชาวบ้านทั้ง 6 ราย ไปรายงานตัวและรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งชาวบ้านทั้ง 6 รายกลัวจะจับกุมดำเนินคดีตามที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติฯทำประกาศไปติดไว้ ชาวบ้านจึงรวมตัวกันมาเพื่อทวงถามเรื่องที่เคยมายื่นร้องความเป็นธรรมต่อจังหวัดเอาไว้ ว่า มีการดำเนินการไปอย่างไรบ้าง และชาวบ้านทั้ง 6 รายจะต้องทำอย่างไร เนื่องจากเป็นชาวบ้านที่ยากจน มีที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยและบ้านหลังแรกในชีวิต แม้ตัวบ้านจะไม่มั่นคงแต่ชาวบ้านภูมิใจดีใจที่มีบ้านอยู่อาศัย
“ชาวบ้านท่าล้งเป็นชาวบรู ซึ่งถือเรื่องผี จะไม่มีใครไปตัดตันไม้ แม้แต่เชื้อเพลิงที่ชาวบ้านใช้จะหาได้จากกิ่งไม้ที่แห้งตายหล่นลงมาพื้นถึงจะเก็บมาเป็นฟืนใช้หุงต้มอาหาร ขอให้ทางจังหวัดได้พิจารณาตามข้อเท็จจริงและวิถีชีวิตของชาวบ้านมาประกอบในการพิจารณาในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งชาวบ้านท่าล้งเป็นชนเผ่าพื้นเมือง ตั้งรกรากหากินอยู่ตามริมแม่น้ำโขงมาหลายชั่วอายุคนนานกว่า 100 ปี และชาวบ้านบางส่วนก็มีเอกสารครอบครองที่ดินทำกิน สค.1 ซึ่งราชการออกให้ตั้งแต่ปี 2497 ก่อนมีการประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติดงภูโหล่นปี 2516 และก่อนมีการประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้มเมื่อปี 2534” นายธีรเกียรติ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ชุมพล โพธิ์ศิริ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.อุบลราชธานี กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ชาวบ้านได้นำพยานหลักฐาน พยานบุคคล ความเป็นอยู่ วิถีชีวิต ร่องรอยการทำกินและผลการสำรวจคณะทำงานสำรวจแนวเขตฯมาประกอบสำรวจในวันที่เข้าไปรายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อที่จะได้เป็นหลักฐานในการพิจารณา
ส่วนนายสมโภชน์ เทียงจิตต์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักงานบริหารที่ 9 อุบลราชธานี ระบุว่า เรื่องขอให้ชาวบ้านท่าล้งที่ได้รับผลกระทบจากการแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกจากทางอุทยานแห่งชาติผาแต้มนั้น ทางผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี ได้ไปดูพื้นที่แล้ว และทราบปัญหาดังกล่าว ชาวบ้านที่ยากจนจริงทางอุทยานฯก็มีแนวทางแก้ไขปัญหาตามระเบียบของอุทยานฯ เพื่อช่วยชาวบ้านในเรื่องของที่อยู่อาศัยและอาชีพตามระเบียบที่มีอยู่ ส่วนของป่าไม้เขาจะแก้ไขโดยใช้ชื่อว่า คทช. ส่วนที่ชาวบ้านจะขอให้ย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแต้มนั้น หัวหน้าคนปัจจุบันอยู่มาแล้ว 5 ปีและมีเกณฑ์ที่จะต้องโยกย้าย ขอให้รอก่อนเพราะต้องหาคนมาทำงานแทน
ขณะที่นายอำนวย หาญปราบ ประธานคณะทำงานสำรวจแนวเขตกรณีที่ดินทับช้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะทำงานได้ทำการสำรวจพื้นที่แนวเขตฯเรียบร้อยแล้ว โดยสำรวจแนวเขตอุทยาน 34 เป็นข้อตกลงระหว่างชาวบ้าน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านกุ่ม บ้านตามุ่ย และบ้านท่าล้ง เป็นข้อตกลงเบื้องต้นกับอุทยานฯ โดยแนว 34 นี้ลงมาจากตีนเขาจะเป็นพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ส่วนจากตีนเขาขึ้นไปจะเป็นเขตอุทยาน โดยทางอุทยานฯได้กั้นเขต มีการฝังเสา และป้ายแบ่งเขตเอาไว้ชัดเจน การสำรวจได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางคณะทำงานจะมีการประชุมและสรุปรวมผลทั้งจัดทำแผนที่กันในวันที่ 18 ก.พ.62 และจะนำข้อสรุปนี้ส่งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่พาชาวบ้านทั้ง 6 ราย ไปรายงานตัวที่ สภ.โขงเจียม ในวันที่ 20 ก.พ.62
หลังจากที่มีการประชุมทางนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ รอง ผวจ.อุบลราชธานี ได้มาชี้แจงชาวบ้านที่นั่งรอบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด ว่า ชาวบ้านที่ถูกทางอุทยานฯแจ้งความดำเนินคดีทั้ง 6 ราย ขอให้ไปรายงานตัวกับตำรวจ จะมีผู้นำหมู่บ้านนำหลักฐานร่องรอยการทำกิน และวิถีชีวิตของชาวบ้าน รวมทั้งนำผลการสำรวจของคณะทำงานสำรวจแนวเขตฯไปประกอบในสำนวนคดีด้วย ขอให้ชาวบ้านสบายใจ ทุกหน่วยงานมีแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจน และไม่มีที่ทำกินอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี