พบมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์อีกนับร้อยยังไร้บัตรประชาชน กสม.-จังหวัดพังงาจับมือเร่งแก้ไข หวั่นช่วงฤดูมรสุมหลังไฟไหม้ใหญ่-เงินทองสะสมถูกเผาหมด ระดมข้าวสารช่วย
9 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)และคณะซึ่งประกอบด้วย นายจำนง จิตรนิรัตน์ กรรมการแก้ไขปัญหาชาวเล นายไมตรี จงไกรจักร ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท นายวิทวัส เทพสง ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวเล ได้เดินทางลงพื้นที่ชุมชนมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เพื่อติดตามกรณีไฟไหม้หมู่บ้านมอแกนเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการสร้างบ้านหลังใหม่แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
ก่อนลงพื้นที่นางเตือนใจได้เข้าหารือกับนายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา โดยนายศิริพัฒ กล่าวว่าขณะนี้กำลังเร่งฟื้นฟูและเยียวยาชาวบ้านโดยเร่งสร้างบ้านหลังใหม่ซึ่งแข็งแรงมั่นคงกว่าบ้านหลังเดิม รวมทั้งดูแลเรื่องการศึกษาและสาธารณสุขโดยมีเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลทุกวัน ส่วนในเรื่องอาชีพก็ไม่น่าเป็นห่วงเพราะชาวมอแกนส่วนใหญ่ทำงานอยู่กับอุทยานฯอยู่แล้วซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ทำประมงหารายได้
“การเพิ่มพื้นที่ให้ขยายไปที่อื่นทำไม่ได้ เพราะมิฉะนั้นหากร้องขอให้ขยายไปเรื่อยๆจะทำอย่างไร พื้นที่นี้เป็นเขตอุทยานฯ ตอนนี้กำลังเดินหน้าช่วยเหลือในเรื่องสัญชาติสำหรับคนที่ยังไม่มีบัตรประชาชน เรากำลังตรวจสอบเอกสารหลักฐานกันอยู่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณนี้ติดกับน่านน้ำพม่า ทำให้มีชาวมอแกนข้ามกันไป-มา เราต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร”นายศิริพัฒ กล่าว
ทั้งนี้ในวันต่อมาคณะของนางเตือนใจได้ลงพื้นที่ชุมชนมอแกนที่ไฟไหม้โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ในเต้นท์ ขณะที่บางส่วนย้ายไปนอนใต้ถุนบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จซึ่งมีสาเหตุมาจากใบจากที่นำมาใช้มุงหลังคาขาดแคลนและกำลังสั่งซื้อจากนอกพื้นที่อย่างเร่งด่วน
นายพุทธพจน์ คูประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ กล่าวว่า การสร้างบ้านใกล้เสร็จโดยไม่น่าจะเกินสิ้นเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้าวของบริจาคที่ได้รับความช่วยเหลือในด้านอื่นๆมีมากเกินไปหรือไม่ เป็นเรื่องน่าพิจารณาเพราะมอแกนบางคนต้องใช้เต้นท์ 2 หลังในการเก็บข้าวของและทุกคนต่างก็มีอาชีพ ส่วนในช่วงฤดูมรสุมที่กำลังจะมาถึงก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะทุกคนต่างเตรียมอุปกรณ์หาปลาและสัตว์น้ำแบบง่ายๆ เช่น เบ็ด ฉมวงยิงปลา
นางเตือนใจ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ว่า จุดประสงค์ในการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามดูสถานการณ์หลังจากเกิดไฟไหม้หมู่บ้านซึ่งพบว่าไม่มีอะไรน่าเป็นกังวลเนื่องจากทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันจนดำเนินการคืบหน้าไปได้มากโดยเฉพาะเรื่องการสร้างบ้าน และได้มีการแก้ไขแบบให้บ้านกว้างขวางขึ้นตามข้อเสนอของขบวนประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ)และอาจมีการต่อเติมในอนาคตตามความจำเป็นของแต่ละครอบครัว
นางเตือนใจ กล่าวว่า ปัญหาหลักประการหนึ่งที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไขคือเรื่องสถานะบุคคลเพราะมีชาวมอแกนประมาณ 80 คนยังไม่มีบัตรอะไรเลย นอกจากนี้ยังมีอีกกลุ่มใหญ่ราวกว่า 100 คนที่เป็นบัตรเลขศูนย์ ดังนั้นจำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบประวัติ ถ้าเขาเกิดในประเทศไทยก็จำเป็นต้องหาหลักฐานและพยานมายืนยัน เช่น หมอตำแยที่ทำคลอด
“สำหรับมอแกนบางกลุ่มเราจำเป็นต้องคุยกับระดับนโยบายในเรื่องของหลักการก่อน เพราะคนเหล่านี้เขาอยู่ตามเกาะต่างๆและเคลื่อนย้ายกันไปมาตามวิถีดั้งเดิม แต่เมื่อเกิดเส้นแบ่งแดนทีหลัง พวกเขาก็ยังเดินทางกันไป-มาระหว่างเกาะเพื่อเยี่ยมเยียนกัน ทั้งจากเกาะที่อยู่ในประเทศไทยและเกาะที่อยู่ในพม่า ดังนั้นเราควรหารือกันว่าจะทำอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนในระดับนโยบายและพื้นที่”นางเตือนใจ กล่าว
ด้านนายจำนง จิตรนิรัตน์ กรรมการแก้ไขปัญหาชาวเล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องการสร้างบ้านก่อนฤดูมรสุมแล้วนั้น ระยะต่อไปฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันพิจารณาในเรื่องที่เป็นอัตลักษณ์ของชาวมอแกน เช่น วิถีวัฒนธรรมของชาวเล เพราะส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพิงอยู่กับธรรมชาติ ดังนั้นทุกฝ่ายควรร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชาวเลโดยหาทางให้พวกเขาได้ประกอบอาชีพและทำมาหากินกับทะเลมากขึ้นเพราะในหลายพื้นที่ประสบปัญหาติดขัดซึ่งมักมีเงื่อนไขของกฎหมายเป็นข้ออ้าง โดยที่ผ่านมาในการประชุมคณะกรรมการชาวเลในชุดก่อนๆได้พิจารณาถึงการอนุญาตให้ใช้เครื่องมือการทำประมงหลากหลายขึ้น
“พื้นที่ทางจิตวิญญาณของชาวเลควรได้รับการส่งเสริมด้วย พวกเขาควรได้ใช้ทรัพยากรที่เคยใช้มาอย่างเหมาะสม เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวมากมายต่างแห่กันเข้ามาใช้ประโยชน์ในอันดามันครอบคลุมในทุกมิติ ดังนั้นชาวเลซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มาเก่าก่อนก็ควรได้ใช้ประโยชน์เช่นเดียวกัน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันกำหนดกติกาที่เหมาะสม ไม่ใช่ห้ามพวกเขาอย่างเดียว”นายจำนง กล่าว
นายไมตรี จงไกรจักร ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท กล่าวว่า มูลนิธิฯพยายามสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้นโดยชาวเลควรมีส่วนร่วมตั้งแต่การสร้างบ้าน ตลอดจนการรับมือกับข้าวของบริจาคที่เข้ามาจำนวนมาก อย่างไรก็ตามที่ยังน่ากังวลคือในช่วงฤดูมรสุมเพราะการเตรียมตัวในช่วงปิดเกาะตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมครั้งนี้ ชาวบ้านต้องเตรียมตัวมากกว่าครั้งอื่นๆเนื่องจากทรัพย์สินเดิมถูกไฟไหม้หมด รวมทั้งเงินทอง ดังนั้นมูลนิธิฯกำลังคิดที่จะช่วยระดมข้าวสารให้หมู่บ้านมอแกนทั้ง 81 ครอบครัวในช่วงที่ไม่มีรายได้นี้
นายไมตรี กล่าวว่า ในระยะยาวนั้นควรจัดให้ชาวมอแกนได้มีส่วนร่วมในทุกระดับ เช่น การจัดการขยะ การจัดการห้องน้ำ รวมถึงการออกแบบการใช้พื้นที่ของชุมชนเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของพวกเขา และอาจมีการส่งเสริมให้ปลูกพืชผักเพื่อที่จะได้ไม่ต้องซื้อจากภายนอก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี