20 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ในระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค.2562 กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.เชียงราย และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือหน่วยซีล นำกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 110 นาย เข้าไปปฏิบัติการเก็บกู้อุปกรณ์ที่คงค้างอยู่ภายในถ้ำหลวง อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) จากปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 คน ตั้งแต่กลางปี 2561 ที่ผ่านมา
ล่าสุดการขนย้ายอุปกรณ์ได้แล้วเสร็จแล้วโดยมีการระดมกำลังหน่วยซีล ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 37 ฯลฯ ทำการขนอุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์สื่อสาร หลอดไฟฟ้า สายไฟฟ้า ถังออกซิเจน เชือก ฯลฯ โดยทั้งหมดถูกนำมาจากภายในถ้ำส่วนลึกที่สุดประมาณ 2.30 กิโลเมตรตั้งแต่ก่อนถึงหาดพัทยาหรือพัทยาบีช สามแยก โถงที่ 1-3 ตามลำดับ
ทั้งนี้ พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่น้ำแห้งยกเว้นที่สามแยกที่ยังมีน้ำท่วมอยู่บางส่วนและพื้นที่ตอนในบริเวณพัทยาบีชลึก ประมาณ 2.150 เมตรหรือห่างจากสามแยกภายในถ้ำประมาณ 150 เมตรยังมีตะกอนทรายอุดตัน
อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่ขนย้ายออกจากถ้ำในวันนี้เป็นของหน่วยซีลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นถังออกซิเจน เชือก ฯลฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังกันขนออกจากโถง 1 ไปยังยานพาหนะของทหารและนำส่งต้นสังกัดโดยเฉพาะหน่วยซีลในวันเดียวกัน โดยครั้งนี้ทาง พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยชีล ได้มอบหมายให้ น.อ.สุริยัน สำราญใจ ผบ.กรมรบพิเศษที่ 1 หน่วยซีล นำเจ้าหน้าที่ทหารเรือขนย้ายอุปกรณ์กลับหน่วยและถือเป็นการอำลาปฏิบัติการขนย้ายที่ถ้ำหลวง เนื่องจากปฏิบัติที่กองอำนวย การฯ กำหนดจะมีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในระหว่างวันที่ 26-29 มี.ค.62 จะเป็นหน่วยพลเรือน นำโดย ปภ.และกรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็นหลักโดยจะไม่มีหน่วยซีลเข้าไปนำร่องเหมือนที่ผ่านมาอีก ทำให้เจ้าหน้าที่หลายนายที่จะเดินทางกลับต่างไปอำลาอนุสาวรีย์ของนาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซม ผู้เสียสละชีวิตจากปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าถ้ำก่อนเดินทางกลับ
ด้านนายไพฑูรย์ นาคแท้ ผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เขต 15 ในฐานะผู้อำนวยการปฏิบัติการ นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 15 เชียงราย นายกวี ประสมพล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ น.อ.สุริยัน ฯลฯ ได้ร่วมกันแถลงปิดปฏิบัติการในช่วงแรกนี้ โดยทางนายไพฑูรย์เป็นตัวแทนของ จ.เชียงราย มอบอุปกรณ์อินเตอร์คอมที่ใช้สื่อสารภายในถ้ำหลวงตลอดระยะเวลาปฏิบัติการที่ผ่านมาให้กับหน่วยซีลจำนวน 2 ชุดและมอบหลอดไฟส่องสว่างภายในถ้ำให้ด้วยจำนวน 40 ชุด เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมของกองทัพเรือ
นายไพฑูรย์ กล่าวว่า สำหรับปฏิบัติการระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค.นี้ได้มีหน่วยซีลนำร่องเข้าไปเพราะแม้จะมีการสำรวจที่ตั้งอุปกรณ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อระยะเวลาเปลี่ยนไปสภาพภายในถ้ำก็ยังคงอันตรายโดยบางจุดสามารถเข้าไปได้ก็ทรายทับถม แค่ก็สามารถนำอุปกรณ์ออกมาตามเป้าหมาย คืออุปกรณ์การสื่อสารซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วนคือวิทยุสื่อสาร 3 ชนิดที่มีการใช้การเชื่อมต่อด้วยอุปกรณ์อินเตอร์คอม ทำให้สามารถเชื่อมความถี่ถึงกันได้ทุกอุปกรณ์และแต่ละหน่วยหมดส่งผลให้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติการช่วยเหลือและการเก็บกู้อุปกรณ์ครั้งนี้สามารถสื่อสารตั้งแต่ภายนอกถ้ำไปจนถึงสามแยกภายในถ้ำได้ นอกจากนี้มีเสาอากาศชนิดสะท้อนเสียง 45 องศาที่มีความอ่อนตัวสามารถไปตามแนวโค้งในถ้ำได้
นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์มหัศจรรย์คือหลอดไฟส่องสว่างด้วยถ่านไฟฉายขนาดเล็ก ซึ่งใช้ห้อยตามผนังถ้ำได้นาน 5 วัน ซึ่งใช้แก้ปัญหาน้ำท่วมภายในถ้ำทำให้ไม่สามารถต่อสายไฟฟ้าปกติเข้าไปเพราะอาจเกิดอันตรายได้ โดยหลอดไฟเล็กดังกล่าวใช้ห้อยโยงกันเป็นแถวทำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานได้โดยไม่เกิดอันตราย ที่เหลือเป็นถังอ๊อกซิเจน สายไฟ เชือกและอื่นๆ
สำหรับภารกิจช่วงที่ 2 ในระหว่างวันที่ 29-29 มี.ค.62 จะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานพลเรือนเป็นหลักซึ่งจะเป็นการเข้าไปเอาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ ซึ่งต้องใช้เจ้าของทรัพย์ที่เสียสละมอบให้ช่วยปฏิบัติการเข้าไปด้วยเพราะต้องใช้การเปิดและปิดที่เป็นเทคนิคเฉพาะ
"อุปกรณ์ที่เหลือมีทั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มีกว่า 10 เครื่องแต่ละเครื่องต้องใช้กำลังคนนับ 10 คน ซึ่งไม่นับรวมเครื่องขนาดเล็กอีกนับไม่ถ้วน ท่อน้ำ สายไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งในด้านกำลังพลนั้นไม่มีปัญหาเพราะสามารถระดมกันไปได้อยู่แล้วแต่ปัญหาคือด้านเทคนิคและความปลอดภัยซึ่งตนก็ยังไม่แน่ใจว่าระยะเวลา 4 วันจะแล้วเสร็จหรือไม่ด้วย และขณะเดียวกันก็ยังมีอีกภารกิจคือสำรวจพื้นที่ตอนในตั้งแต่พัทยาบีชที่เจ้าหน้าที่เดินหน้าต่อไปอีก 50-80 เมตรก็จะถึงเนินนมสาวที่เด็กๆ ทีมหมูป่าเคยติดอยู่เพราะจากการเข้าไปครั้งนี้พบว่ามีเนินทรายทับถมอยู่ทำให้มีอุปกรณ์ เช่น ถังน้ำประมาณ 40 ถัง ฯลฯ ยังคงอยู่ข้างในซึ่งการสำรวจคงจะค่อยเป็นค่อยไปและเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก" นายไพฑูรย์ กล่าว
เจ้าหน้าที่ระบุว่าที่คงค้างรอขนรอบ 2 เช่น ปั้มน้ำขนาดใหญ่ นน. 110 กิโล 6 ตัว,อีก 80 กิโล 5 ตัว และ50 กิโล อีกกว่า 20 ตัว ฯลฯ
ส่วนสิ่งที่จะทิ้งเอาไว้ไม่ขนออกคือท่อเอชดีพีอีหรือท่อน้ำสีเหลืองยาว ลึกจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 200 เมตร โดยจะปล่อยทิ้งไว้เป้นประวัติศาสตร์เพราะใช้สำหรับผันน้ำออกแต่จะสำรวจข้อมูลก่อนส่งมอบให้กรมอุทยานฯ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมภายในถ้ำครับ
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตั้งหลอดไฟอัจฉริยะที่ใช้ถ่านไฟฉายทำให้อยู่ได้นาน 5 วันติดตั้งตั้งแต่โถงที่ 1 ไปจนถึงสามแยกภายในถ้ำเพื่อใช้นำทางสำหรับปฏิบัติการรอบที่ 2 ดังกล่าวเนื่องจากจะไม่มีหน่วยซีบคอยนำร่องเหมือนเดิมอีก โดยเมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่จะมีการนำถ่านไฟฉายเข้าไปเปลี่ยนเพื่อให้เกิดแสงสว่างเช่นเดิมและจะทำการขนย้ายอุปกรณ์หนักออกมาอีกครั้งโดยอุปกรณ์จะมีการพิจารณาส่งมอบคืนให้หน่วยงานเดิมหรือนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์หน้าถ้ำหรือคงค้างไว้ภายในต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี