"พี่ใหญ่"ช้างป่าตาบอด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ยังวนเวียนหากินในสวนของชาวบ้านพื้นที่ตำบลหนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ หลังบุกโรงเรียนอนุบาลศรีสวัสดิ์ขณะครูและนักเรียนร่วมกิจกรรมงาน Open House ทำครู นักเรียน ผู้ปกครองแตกตื่น แต่โชคดีช้างไม่ทำอันตรายใคร
26 มี.ค.62 ผู้สื่อแข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.ช้างป่าเพศผู้ ตาบอด ซึ่งเป็นช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีอายุมากกว่า 40 ปียังคงออกหากินพืชไร่ของเกษตรกรบริเวณพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านเกาะบุก ตำบลหนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี และยังไม่ยอมกลับเข้ามาหลังจากเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) เวลาประมาณ 09.45 น.ช้างป่าเพศผู้ ตาบอดตัวนี้ได้ออกมาหากินและบุกเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลศรีสวัสดิ์ หมู่ 2 บ้านเกาะบุก ตำบลหนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ขณะที่คณะครู นักเรียน และผู้ปกครองของโรงเรียน กำลังร่วมกิจกรรมในพิธีเปิดงาน Open House ของโรงเรียน อยู่ๆ สร้างความแตกตื่นให้กับคณะครู ผู้ปกครองและนักเรียนที่อยู่ภายในงานเป็นอย่างมาก
โดยช้างตัวดังกล่าวได้เดินเข้าไปภายในเต็นท์ที่จัดแสดงนิทรรศการและผลงานของนักเรียน พร้อมเดินชนข้าวของต่างๆ จนได้รับความเสียหายคล้ายกับตาของช้างตัวดังกล่าวจะมองไม่เห็น โชคดีที่ช้างตัวดังกล่าวไม่ทำอันตรายใคร โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบ พบว่า ช้างป่าตัวดังกล่าวเป็นช้างป่าเพศผู้ พิการตาบอด จึงเรียกชื่อว่า "ไอ้บอด" ซึ่งเป็นช้างป่าที่มีอายุมากกว่า 40 ปี โดยดวงตาข้างขวาบอดสนิทส่วนดวงตาข้างซ้ายค่อนข้างพร่ามัว ขณะที่บริเวณขาหลังด้านขวา หูด้านขวาและบริเวณปลายงวงมีแผลขนาดใหญ่ พร้อมประสานสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่าปศุปาลัน มหาวิทยาลัยมหิดลวิทยาเขตไทรโยค เข้ามาตรวจดูอาการเบื้องต้น ก่อนผลักดันกลับเข้าป่า
ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังช้างป่าหน่วยพิทักษ์ป่าหม่องกระแทะ ได้สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเฝ้าระวังตลอดทั้งคืนต่อเนื่องจากวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ช้างยังไม่กลับเข้าผืนป่ายังคงเดินกัดกินพืชไร่ของชาวบ้านที่บริเวณพิกัดที่ 47P 0517147 E 1598168 N หมู่ที่ 2 ตำบลหนองเป็ด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อย่างไรก็ตาม ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระจะได้จัดชุดเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่
นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ช้างตัวดังกล่าวไม่ได้ทำร้ายใคร แต่เนื่องจากช้างมีอายุมากและมีอาการบาดเจ็บในหลายจุด เจ้าหน้าที่จึงผลักดันให้กลับเข้าป่าด้วยวิธีการปกติได้ยาก จะต้องมีการวางแผนให้สัตวแพทย์ให้ยาและดำเนินการรักษาในเบื้องต้น ก่อนจะวางแผนเคลื่อนย้ายช้างตัวดังกล่าวเข้าสู่พื้นที่ตอนกลางของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระต่อไป
อย่างไรก็ตาม คาดว่าหากช้างได้กินจนอิ่มแล้วน่าว่าจะเดินกลับเข้าป่าไปเอง แต่เนื่องจากปลายงวงมีแผลหลายแห่ง ซึ่งส่งผลต่อการกินของช้าง ทำให้ช้างยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวมีชุมชนตั้งประชิดแนวเขตป่า และมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายได้ เนื่องจากช้างจะกลับออกมาหากินอีก
ดังนั้น จะต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นจะได้ประมวลเรื่องเสนอกรมอุทยานแห่งชาติ เพื่อขออนุมัติในการเคลื่อนย้าย เนื่องจากการเคลื่อนย้ายค่อนข้างยากลำบาก ต้องใช้จำนวนคนและอุปกรณ์หลายอย่าง รวมทั้งรถแบคโฮ รถบรรทุก ทีมแพทย์จากอุทยานฯ และทีมสัตวแพทย์จากโรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่าปศุปาลัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเรื่องการขนย้ายช้าง และวัสดุอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่กว่า 70-80 นาย เพื่อความปลอดภัยในการดำเนินการเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนเมษายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี