Fact Sheet
Thai Natural Dye Collection
คอลเลกชั่นผ้าไทยย้อมสีธรรมชาติ
เกิดจากเจตนารมณ์ภายใต้โครงการกิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ‘คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย’ ด้านการช่วยเหลือชุมชน(Community) ให้สามารถสร้างอาชีพจากความถนัดของตนเอง และภูมิปัญญาที่สืบทอดภายในชุมชน โดยจับมือLeicester City Football Club(LCFC)สโมสรฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจากประเทศอังกฤษ ในการนำแบรนด์มาพัฒนา และต่อยอดร่วมกับชุมชนในภาคเหนือของไทย รังสรรค์เป็นคอลเลกชั่นเสื้อผ้า Ready-to-wear ในแบบ East meets West ดีไซน์นำสมัย คัทติ้งเนี๊ยบ ดูเท่ และใส่สบายแฝงด้วยแฟชั่นแบบภูมิปัญญาไทยแท้สไตล์ Tribe ที่เป็นเอกลักษณ์จาก 3 แหล่งในภาคเหลือ ได้แก่ชุมชนปกาเกอะญอ จ.ลำพูน, เส้นใยย้อมสีจากลำพูน ต.ตะเคียนปม จ.ลำพูน และ การทอจกตามแบบเฉพาะแบบอ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
จุดเริ่มต้น ‘สีย้อมจากธรรมชาติ’
Thai Natural Dye Collection ริเริ่มจากการศึกษา และทดลองการย้อมสีจากธรรมชาติที่จ.ลำพูน เพื่อให้ได้สีที่ตอบโจทย์กับDNA ของเลสเตอร์ ซิตี้ และ คิง เพาเวอร์ และต้องเป็นวัสดุย้อมสีจากธรรมชาติที่เป็นภูมิปัญญาจากชาวบ้าน จึงได้สีหลักสำหรับคอลเลกชั่นทั้งหมดด้วยกัน 4สี ที่ผ่านทั้งกระบวนการย้อมแบบธรรมชาติ 2 วิธี คือ ย้อมร้อนที่ใช้ความร้อนในการดึงเอาสีออกมาจากต้นพืช และย้อมเย็น ซึ่งเป็นการดึงสีออกจากวัสดุธรรมชาติ โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการความร้อน ซึ่งกรรมวิธีเหล่านี้เกิดจากคิดค้นเพื่อให้ได้โทนสีที่สวยงามพอเหมาะ ดังนั้นพืชหรือวัสดุจากธรรมชาติแต่ละชนิดก็จะมีกระบวนการย้อมร้อนหรือเย็นต่างกันไปเพื่อให้ได้สีเฉพาะในการย้อม
- สีฟ้า/น้ำเงิน มาจากใบของต้นฮ่อมหรือห้อม พืชที่เจริญเติบโตได้ดีในภาคเหนือและต้องปลูกใกล้กับเทือกเขาเท่านั้น เพราะต้องการความชื้น และอุณหภูมิต่ำ สีที่ได้จะคล้ายคลึงกับต้นครามและใช้กระบวนการย้อมเย็นเหมือนกัน แต่ต้นฮ่อมจะดูแลยากกว่าต้นคราม รวมถึงกระบวนการย้อมจะใช้เวลานานกว่าและมีกรรมวิธีที่ซับซ้อนกว่า
- สีน้ำตาลและสีเทา มาจากผลมะเกลือ ซึ่งจะนำผ้าลงไปย้อมในน้ำที่ผ่านกรรมวิธีการกรองกากผลมะเกลือแช่น้ำด่าง โดยการย้อมจะทำให้ได้ สีน้ำตาลเข้ม และสีเฉดเทา
- สีส้ม มาจากต้นคำแสด และใช้วิธีการย้อมร้อน
- สีเหลือง มาจากใบเพกา ได้มาจากการนำใบสดไปต้มในน้ำเดือด จะทำให้ได้สีเหลืองมัสตาร์ด แต่ทีมดีไซเนอร์ต้องการให้สีเหลืองมีความสดเหมือนกับลูกเลมอน จึงใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านเข้ามาช่วยคือนำสารส้มไปแกว่งตอนผสมกับน้ำด่าง
วิธีการย้อมผ้าจากฮ่อม สีที่ได้คือ สีฟ้า/น้ำเงิน
ขั้นตอนที่หนึ่ง – การเตรียมขี้ฮ่อม
1. แช่ใบฮ่อมในน้ำสะอาดเป็นเวลา 4 วัน
2. หลังจากครบจำนวนวันแล้ว นำใบฮ่อมออกจากน้ำโดยบีบใบฮ่อมเพื่อให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้นั้นมาผสมกับปูนขาว อัตราส่วนในการผสมคือ ปูนขาว 3 ขีดต่อน้ำ 5 ลิตร
3. ใช้ปลายไม้ตำย้ำทั่วๆ ให้อากาศเข้าอย่างทั่วถึงจนเกิดเป็นฟองบริเวณผิวน้ำ ทิ้งไว้เป็นเวลา 1 คืนเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (oxidation)
4. รุ่งเช้ารินน้ำออกและใช้ผ้าขาวบางกรองเพื่อเก็บส่วนที่เป็นปูนขาวหมัก ซึ่งจะเรียกว่า ‘ขี้ฮ่อม’ เพื่อนำไปก่อหม้อฮ่อมที่จะใช้สำหรับย้อมสีต่อไป
ขั้นตอนที่สอง – เตรียมน้ำด่าง
1. นำกาบกล้วย ซึ่งเป็นส่วนลำต้นของต้นกล้วย(ส่วนของต้นที่โผล่ขึ้นเหนือจากพื้นดิน) มาเผาเพื่อให้เป็นขี้เถ้า
2. นำขี้เถ้าที่ได้มาผสมกับน้ำสะอาดเพื่อให้เกิดเป็นน้ำด่าง ใช้สำหรับการก่อหม้อฮ่อมต่อไป
ขั้นตอนที่สาม – ก่อหม้อฮ่อมและย้อมสี
1. นำขี้ฮ่อมที่ได้จากขั้นตอนที่หนึ่งและน้ำด่างจากขั้นตอนที่สองมาผสมกัน พร้อมนำมะขามเปียกที่เอาเม็ดออกแล้ว และกล้วยน้ำว้าใส่ลงไปพร้อมกันเพื่อก่อหม้อฮ่อม
2.ตำส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันทุกวัน เป็นเวลา 12 วัน จนกว่าน้ำจะเป็นสีเหลืองอำพันซึ่งจะพร้อมสำหรับการย้อมผ้าแล้ว
3. นำผ้าหรือเสื้อที่ต้องการจะย้อมจุ่มลงไปในหม้อฮ่อมแล้วนำขึ้นมาตากทิ้งไว้ ผ้าที่ย้อมจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (oxidation) กับอากาศแล้วเปลี่ยนสีจากสีเหลืองเป็นสีน้ำเงิน
4. การย้อมสามารถย้อมได้หลายครั้งจนกว่าจะได้ความเข้มของสีตามต้องการ โดยจะต้องทิ้งหม้อฮ่อมไว้เป็นเวลา 7 ชั่วโมงอย่างต่ำก่อนการย้อมผ้าในหม้อฮ่อมครั้งถัดไป
การทอผ้าตามแบบฉบับภูมิปัญญาชาวบ้าน
นอกจากภูมิปัญญาการย้อมสีจากธรรมชาติแล้ว อีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทีมดีไซเนอร์ต้องการนำเสนอในคอลเลคชั่นคือ Ethnic Groupsจึงนำการทอผ้าแบบชุมชนทางภาคเหนือ คือ‘วิถีของจกแม่แจ่ม’ มาร่วมพัฒนาในคอลเลคชั่นนี้
‘การทอจก’ เป็นวิธีการทำลวดลายบนผืนผ้า โดยเพิ่มเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปเป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันตลอดหน้ากว้างของผืนผ้า ใช้ไม้ขนเม่น หรือนิ้วมือยกเส้นด้ายยืนขึ้น แล้วพุ่งเส้นด้ายสีพิเศษต่างๆ เข้าไปตามจังหวะของลวดลายผ้าซิ่นตีนจก ถือเป็นมรดกอันล้ำค่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของคนแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ทั้งหมด 16 ลาย
ความมหัศจรรย์ของการร่วมมือครั้งนี้ทำให้เกิดรูปแบบการทอจกกลับหัวที่เกิดจากการ ‘ลองดู’ เกิดเป็นลายทอที่สามารถดูได้ทั้งสองด้านอย่างสวยงาม โดยเฉพาะโลโกที่เป็นหน้าจิ้งจอก และโลโก LCFC ไม่ได้เป็นการทอปกติและทางชุมชนยังไม่เคยทำมาก่อน
นอกจากนี้ ยังได้ใส่ความเป็นเอกลักษณ์คือลายทอจก ลายดอกจัน ลายโกม ซึ่งเป็นลายทอหน้าหมอน ในคอลเลกชั่นของหมวก ซึ่งเป็นลายที่แตกต่างจากลายบนผ้าซิ่นทั่วไป เนื่องจากทางชุมชนใส่ใจและมองว่าลวดลายบนหมวกที่จะสวมใส่บนศรีษะเรา ไม่ควรจะเป็นลายที่เหมือนกับผ้าซิ่น ที่เป็นเครื่องนุ่งห่มที่อยู่บริเวณส่วนล่างใกล้กับปลายเท้า
ภูมิปัญญาของแต่ละชุมชนมีความงดงาม เสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ถูกปลูกฝังและได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยชุมชนได้เปิดรับ และให้โอกาสคิง เพาเวอร์ ได้เข้าไปร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่ยังคงเป็นตัวตนของชุมชน เพียงดัดแปลงให้เกิดความแปลกใหม่ เพิ่มเทคนิคในการทำ เพื่อต่อยอดให้สามารถเกิดเป็นลวดลาย และผลงานใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั้งใน และต่างประเทศ นำความยั่งยืนสู่ภูมิปัญญาไทย และความก้าวไกลของความงดงามของผ้าไทยไปสู่สากล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี