7 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวประจำจ.สุรินทร์ รายงานว่าความคืบหน้า กรณีชาวบ้านกาเกาะ ม.8 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ต่างพากันผวากลัวผีกระสือหรือผีปอบ หลังนางสุเมศธ์ ฝอยจันทร์ ชาวบ้านกาเกาะ ถูกกระสือเข้าสิง และเสียชีวิตยังไม่ถึงเดือน และเข้าสิงร่างนางทม สายน้อย อายุ 63 ปี จนร่างกายซีดผอมเหลือง พูดจาตลอดเวลาว่า อยากกิน “ก้อยดิบ “ มานานกว่า 3 วัน จนป่วยหนัก
หน่วยกู้ชีพท่าสว่างต้องหามส่งโรงพยาบาลศูนย์สุรินทร์ กลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านต่างพากันเชื่อว่า ถูกกระสือหรือปอบเข้าสิงร่าง เคยนิมนต์ หมอผี และพระสงฆ์ มาช่วยทำพิธีไล่แต่อาการไม่ดีขึ้น สร้างความหวาดผวาให้กับคนในหมู่บ้านไปทั่ว โดยเฉพาะคนตั้งท้อง ต่างพากันนำ เสื้อสีแดง ว่านไพล ใบหนาด แหหว่านปลา วางใส่ไว้ที่หน้าบ้าน เพื่อป้องกันกระสือหรือผีบอป เข้าบ้านเรือน
ล่าสุดวันนี้ (7 เม.ย.)ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้เดินทางไปยัง หมู่บ้านกาเกาะ ม.8 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ อีกครั้ง เพื่อเข้าสอบถามคุณยายเขียน สายบุตร อายุ 89 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 8 บอกว่า นางทม สายน้อย อายุ 63 ปี ลูกสาวป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ ได้ไปทำงานที่สวนแล้วก็ไปขุดถูกกับจอมปลวก ก็เลยเป็นอาการดังกล่าว ตนคิดว่ากระสือเข้าสิงร่างนางธัญธร สายบุตร อายุ 23 ปี กำลังตั้งท้องได้ 7 เดือน เล่าว่า ตอนแรกก็ไม่เคยกลัวแต่พอเจอกับคนในบ้านตัวเอง ก็เชื่อและก็กลัวมากๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 69 บ้านกาเกาะ ม.8 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านหลัง ที่เคยมีคนตายเนื่องจากกระสือ หรือผีบอปเข้าสิงร่าง มาก่อนประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา นางอวยพร ฟอยจันทร์ อายุ 55 ปี ลูกสาวของนางสุเมศธ์ ฝอยจันทร์ อายุ 78 ปี ชาวบ้านกาเกาะ ที่ป่วยตาย เล่าว่า คุณแม่เคยเป็นคนเดินไม่ได้ พอกระสือเข้าสิงก็สามารถเดินได้พูดคุยได้ แต่ก็มักจะมีอาการเหมือนผีเข้า ทำตาขวาง ตาโต แลปลิ้น ตลอดเวลาไม่อยากให้ใครอยู่ใกล้ และมักจะอยากกินลาบเลือด ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีฟันจะกินเนื้อได้ และบางครั้งก็มักจะบอกว่าอยากกินเหล้ากินเบียร์ แม้กระทั้งสปาย อีกด้วย ก่อนที่นางสุเมศธ์ จะตายก็เป็นแบบนี้ถึง 5-6 เดือน พอผีกระสือออกร่างเท่านั้น แม่ก็ตายทันที
นายเอียน ฟอยจันทร์ อายุ 46 ปี เล่าว่า แม่เป็นเมื่อโดนผีกระสือเข้าสิง ไปถามแม่หมอที่เป็นแม่มดหมู่บ้านใกล้เคียง ก็บอกว่าคนนี้ไม่ใช้แม่ แม่นั้นตายไปแล้ว ร่างของแม่ถูกผีกระสือเข้าสิงร่างอยู่ และให้ตนเองมาเป่าโดยใช้ ว่านไพร่ 7 ชิ้น หมากแข็ง 7 ชิชิ้น แล้วประวากรรมคาถา ตั้งนะโม 3 จบ แล้วก็เป่าไปที่ตัวของแม่ ทำให้แม่เกิดอาการร้องและด่าว่า บางครั้งก็บอกว่า ยอมแล้ว และมีบางที่ร่างของคุณแม่ก็จะก้มกราบตนเอง เวลาเป่ามนต์คาถาใส่ร่างของผู้เป็นแม่
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้าน แม่มด ทราบชื่อคือนางทองเพลิน คุ้มสุข อายุ 43 ปี บ้านหนองปรือ เลขที่ 88 ม.20 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ตอนไปถึงบ้านพบว่า กำลังรักษาคนอยู่พอดี และได้สอบถามนางทองเพลิน คุ้มสุข แม่มด แต่ไม่สามารถคุยภาษาไทย ได้แต่ก็เล่าเป็นภาษาเขมรพื้นเมืองสุรินทร์ ให้ฟังโดยยังอยู่ในร่างทรงที่เป็นร่างสรงของปู่ตาหลวงวิษณุ ร่างสรงหลวงปูวิษณุ บอกว่า หลวงปู่มีอายุ 565 ปี อยู่ดูแลคนแถวนี้ และยังพูดคุยว่า ก่อนที่นางสุเมศธ์ จะตายนั้นลูกหลานก็เคยมาขอดูให้ ไปเป่ารักษาให้ แต่ทางร่างสรงบอกไม่ไปหรอก เพราะถูกกินและเข้าสิงร่างมานาน ไม่สามารถรักษาได้ นอกจากจะบอก และดูอาการให้ ว่าเป็นอะไร สาเหตุอะไร
จริงถามถึงเรื่องราวของ “กระสือ” ที่กำลังเป็นอยู่จะดีขึ้นไหมและจะหายได้ขึ้นไหม ร่างทรงที่ว่าเป็นปูหลวง วิษณุ ก็ได้บอกเล่าถึงเรื่องราว ว่าตอนที่นางทม สายน้อย เป็นครั้งแรกๆตัวเองก็ได้บอกแล้วว่า ไปขุดหรือทำลายโดนจอมปลวกในสวนและได้ทำการลบหลู่ จึงโดนเจ้าที่ปัดมือจึงใช้การไม่ได้ หลังจากให้ไปขอขมาแล้วอาการการก็ดีขึ้น พอขยับได้บางนิดหน่อย แต่คงไม่ได้หายไวหรอก ของแบบนี้ต้องใช้เวลา และจากการที่นางทม ได้ปิดทางเดินทางเกวียนสมัครเก่าแก่ จึงได้เป็นเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง
ด้าน นายสุทัศน์ กระแสโสม อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 26 ม.7 บ้านละเอาะ ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เล่าว่า เมื่อคืนนี้ตนได้เห็นแสงไฟประหลาดเป็นก้อนสีแดง และสีเขียวมรกตหนึ่งดวงตัว ตอนที่ตนออกมาซื้อกับข้าว ตนยังเชื่อในสิ่งลี้ลับนี้อยู่ เพราะเมื่อสามปีที่แล้ว ก็ยังเห็นด้วยตาเช่นกัน เป็นลูกไฟดวงใหญ่มาก
ข่าวที่เกี่ยวข้องคลิก : โปรดใช้วิจารณญาณ! ชาวบ้านสุรินทร์ผวาหนัก เชื่อ‘กระสือ’อาละวาดสิงร่างคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี