ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบัน ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ มีปัญหาอยู่ลำบากต้องหันไปทำสื่อนิจิตอลกันเป็นจำนวนมาก ทั้งหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆ ม้วนเสื่อกันเป็นทิวแถวที่ยังขายดีอยู่ในเวลานี้ คือ หนังสือใบ้หวย ที่ออกคล้ายๆกับหนังสือพิมพ์กำแพง ในสมัยดั่งเดิม และหนังสือประเภท หมอดู ดูดวงและเสริมดวง และหนังสือพระ มีอีกประเภทหนึ่ง คือ หนังสือประเภทปลุกใจเสือป่า หนังสือลามก ยังขายดีเหมือนเดิม แต่ที่ร้านนี้ ไม่ได้ขาย หนังสือประเภทดังกล่าว
ในตลาดน้ำอัมพวา มีร้านจำหน่ายหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร รวมทั้งหนังสือต่างๆ เพียง 1 ร้านคือร้าน ศรีอัมพวา ของนายสนั่น ถิตตยานุรักษ์ ที่เปิดกิจการขายสื่อสิ่งพิมพ์ มาเกิน 50 ปี เป็นร้านแรก และร้านเดียวในตลาดน้ำอัมพวา ที่ขายสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ใหม่ๆ ขายดีมาก จนอยากเปิดสาขา อีกฝั่งหนึ่ง ในช่วงตลาดน้ำอัมพวาดังสุด ๆ แต่มาสะดุดตรงที่สื่ออินเตอร์เน็ท และสื่อนิจิตอล เข้ามาครองตลาด ทำให้ธุรกิจหนังสือพิมพ์และนิตยสาร มีผู้บริโภคน้อยลงมากจนเกือบขายไม่ได้ เหลือแต่แฟนพันธุ์แท้เท่านั้น
นายสนัน บอกว่า ตอนตลาดน้ำอัมพวา กำลังโตวันโตคืน คิดอยู่ว่าจะขายอะไรดี เห็นวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว ใส่เสื้อมาเที่ยวอัมพวา เป็นเสื้อยืดโปโล เสื้อยืดคอกลม มีสัญลักษณ์ต่างๆ เป็นตัวอักษร ที่บอกสถานที่เที่ยวบ้าง คำคมบ้าง รูปพระบ้าง รูปวิวต่างๆ แล้วแต่การสั่งทำและการล้อเลียนแบบกันบางทีก็มีรูปดาราไทย ดารานอก สัตว์ที่น่ารัก รูปผี รูปวิญญาณก็มี แล้วแต่รสนิยมของผู้ขายกับผู้ซื้อในช่วงนั้น เสื้อยืดอัมพวา เริ่มมีวางจำหน่าย พอดีที่ร้าน แผงร้านขายหนังสือพิมพ์ และหนังสืออื่นๆ เริ่มว่าง จึงสั่งเสื้อยืดอัมพวา มาจำหน่ายบ้าง เสื้อยืดสัญลักษณ์ ทั่วๆไปบ้าง ปรากฏว่าขายดีมาก จากสั่งครั้งละ 1-2 ตัว เป็นครั้งละ 1,000 ตัวโดยให้ลูกสาวเขียนแบบเสื้อ และสัญลักษณ์ที่ต้องการ ขายดีมากขึ้น ร้านอื่นๆ เริ่มสนใจ สั่งมาขายบ้าง ไปซื้อมาขายเองบ้าง จนตลาดเต็ม ยอดขายเริ่มถอยลง
พอดีมีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่ เชียงราย และภาคอีสาน อุดรธานี ขอนแก่น พบคนนิยมใส่เสื้อผ้าลายผ้าขาวม้า หรือลายสก๊อต จึงลองนำมาจำหน่าย เจ้าเดียวในตลาดน้ำอัมพวา และตลาดแม่กลอง รองจากกรุงเทพฯมาก็เป็นที่ร้าน ใหม่ๆ ขายไม่ดี คนยังนิยมเสื้อยืดอัมพวาอยู่ พอเสื้อยืดอัมพวาตัน เริ่มมีลูกค้ามาซื้อเสื้อผ้าขาวม้าบ้าง กางเกงบ้าง กระเป๋าถือบ้าง เริ่มขายดี ลูกค้าแนะนำให้ทำสัญลักษณ์ หรือ โลโก้บ้าง ในเสื้อกางเกง กระโปรง กระเป๋า ลายผ้าขาวม้า ให้มีคำว่าอัมพวาอยู่ด้วย ก็เลยสั่งมาขายดู เกิดขายดี ก็สั่งทำเรื่อยๆ บางครั้งขาดตลาด ผู้ผลิตทำไม่ทัน แต่ที่ร้านนี้ไม่ขาด เพราะสั่งแต่ละครั้งเป็นพันๆ ตัว ถ้าจะขาดสินค้าก็ขาดบางเบอร์ เบอร์ที่ลูกค้าต้องการขาดตลาด ก็บอกว่าให้เอาสินค้าอื่นๆ ไปแทน หรือไม่ก็รออาทิตย์หน้าจะสั่งของใหม่มาลง ลูกค้าก็โอเคบ้าง บ่นบ้าง เราก็ต้องยอมรับ
ตอนเปลี่ยนสินค้าตัวใหม่มาแทนจากเสื้อยืดเป็นเสื้อลายผ้าขาวม้า และลายสก๊อส ใจไม่ดีเหมือนกันว่า มันจะขายดี เหมือนเสื้อยืดไหม พอตลาดเดินได้ ทำให้เราใจชื้นขึ้นบ้าง จึงสั่งสินค้ามามากขึ้น และทางผู้ผลิตที่เป็นช่างออกแบบ เสื้อ กางเกง กระเป๋า กระโปรง ปลอกหมอน ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หมวกผ้ากันแดด และผ้าขาวม้า ธรรมดา ช่างออกแบบใหม่ๆมา ตามยุคตามสมัย เอาใจไว้รุ่นบ้าง เอาใจผู้สูงอายุบ้าง ตอนนี้นักท่องเที่ยว ต่างประเทศ เริ่มมาซื้อไปใส่ ซื้อกลับไปบ้านที่เมืองนอก ก็เริ่มมีมากขึ้น แต่น่าเบื่อ ลูกค้าบางกลุ่ม ที่เป็นนักท่องเที่ยว ต่างประเทศ เข้ามาดูแบบ เลือกไปเลือกมา ไม่ซื้อเลย บางครั้งเข้ามาชม เกือบ 10 คนซื้อตัวเดียวหรือ 2 ตัว เราก็ต้องขาย เพราะการเป็นพ่อค้า แม่ค้า มีภาษิต ว่า ลูกค้าคือพระเจ้า คิดแค่นั้นก็สบายใจ
ถามเรื่องราคา มีการต่อรอง เกินไปไหม? มีแน่นอน บางครั้ง ติดราคาตัวละ 180 บาท ต่อเราตัวละ 150 บาท เราบอกว่าไม่ได้ก็ โนโน ยู ก็ต่อรองอีก ให้เพิ่มขึ้นเป็น 160 บาท เราก็ตอบโนโน ยูก็ต่อลดอีก เหลือ 160 บาท เราก็ต้องโอเค เพราะเบื่อจะต่อรองด้วย ถ้าเป็นลูกค้าคนไทย บอก 180 บาท ก็จะต่อราคาเหลือ 170 ลดเต็มที่ 160 บาท เราก็ให้ไม่เรื่องมาก เดี๋ยวใครคิดจะต้มฝรั่ง มันไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน แม้แต่ค่ารถเมล์ที่มาอัมพวา คนไทย คิด 8 บาท นักท่องเที่ยว 10 บาท มันยังต่อรองให้เก็บเท่ากัน กระเป๋ารถก็ต้องตกลง ทอนให้มัน 2 บาท เพราะไม่อยากเสียชื่อเสียงถึงประเทศไทย คิดแล้วขายให้คนไทยดีกว่า
นายสนั่น กล่าวต่อไปว่า โชคดีของตนที่สงกรานต์ปี 2562 รัฐบาลให้เป็นสงกรานต์ผ้าขาวม้า เสื้อ-กางเกง -กระเป๋า -กระโปรง หมวกกันแด ขายดีมาก วันเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ ขายดีมาก เพราะมีนักท่องเที่ยว ต่างจังหวัด และต่างประเทศ มากันมาก เดินผ่านร้านแล้วเข้ามาดูสินค้าเกือบทุกราย ที่ขายดีเป็นเพราะว่า ร้านผมขายถูก กว่าที่อื่น มีแบบให้เลือกมากมาย มีทุกเบอร์ ที่ลูกค้า ต้องการ ผ่านมา อัมพวา แวะมาอุดหนุนกันบ้าง ไม่ซื้อไม่เป็นไร แวะมาคุยในฐานะคนไทยด้วยกัน ก็ดีใจแล้ว
นักธุรกิจส่วนใหญ่จะเอาวิกฤตเป็นโอกาส และจะประสบความสำเร็จ เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ เหมือนกันทุกคนทุกราย บางคนก็ล้มเหลว บางคนก็ประสบความสำเร็จ อย่างเถ้าแก่สนั่น ใช้วิกฤต เป็นโอกาส ในขณะที่ธุรกิจจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ ไปเกือบไม่รอด ร้านขายหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ต้องปิดร้านหรือเปลี่ยนสินค้าใหม่ที่ทันยุคทันสมัย พอดีที่ ตลาดน้ำยามเย็น อัมพวา ติดตลาดท่องเที่ยว จึงมีการต่อยอด จากการท่องเที่ยว กันเป็นจำนวนมาก ที่น่าเป็นห่วงก็คือ คนไทย เวลาทำอะไร ชอบทำตามๆกัน สุดท้ายก็ไปไม่รอด..
มีสุภาษิตไทย กล่าวเตือนใจไว้ว่า “ เห็นช้างขี้อย่าไปขี้ตามช้าง" เพราะช้างตัวมันใหญ่ ขี้มันเยอะ จึงไม่สมควรขี้ตามมัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี