เปิดประวัติ-ย้อนมุมคิด‘สมพงษ์ ชิงดวง’ ผบช.สตม.คนใหม่
ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ภาพเหตุการณ์กำลังคอมมานโดกองปราบปราม พร้อมหมายศาลบุกจู่โจมเข้าจับกุม “ผู้พันตึ๋ง” หรือ พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร คาโรงแรมแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 นอกจากจะสร้างความฮือฮาขึ้นในสังคมแล้ว ยังทำให้ตำรวจนายหนึ่ง ได้รับเสียงชื่นชมที่ “กล้า” นำทีมบุกเข้าจับกุมอดีตนายทหารผู้กว้างขวางรายนี้ นั่นคือ...
“พ.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง” รอง ผกก. 2 ป.(ยศ-ตำแหน่งขณะนั้น) เจ้าของฉายา...
“มือปราบสยบ ผู้พันตึ๋ง”!!!
วันนี้ พ.ต.ท.สมพงษ์ ครองยศ “พล.ต.ท.” เป็น “แม่ทัพตำรวจป่า” ในตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน” ก่อนที่มติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 4 /2562 เมื่อวันที่ 19 เม.ย.62 จะเลือก “บิ๊กอู๊ด” ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง “ผบช.สตม.” คนใหม่ แทน “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล
กล่าวสำหรับ “พล.ต.ท.สมพงษ์” ถือเป็นอีกหนึ่งนายตำรวจ “มือทำงาน” ที่เส้นทางชีวิตน่าสนใจไม่น้อย เพราะผ่านมาหมดแล้วตั้งแต่ “เหนือจรดใต้”
“พล.ต.ท.สมพงษ์” หรือ “อู๊ด” เกิดในค่ายจังหวัดทหารบกลพบุรี เป็นบุตรคนที่ 8 จากพี่น้อง 9 คน ด้วยความที่พ่อและพี่น้องรับราชการเป็นทหารทั้งหมด จึงถูกปลูกฝังเรื่อง “ระเบียบวินัยทหาร” มาตั้งแต่เล็ก ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะเป็นนักเรียนเตรียมทหารให้ได้ แต่เป็นเส้นทางที่ “แตกต่าง” เนื่องจากเขาเลือกที่จะเป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” เพราะเห็นว่าพี่น้องคนอื่นๆเป็นทหารหมดแล้ว
ด้วยความเพียรพยายาม “พล.ต.ท.สมพงษ์” ก็เข้ามาเป็นสมาชิก “อาณาจักร...จักรดาว” สอบเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 24 ได้สำเร็จ และจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน(นรต.) รุ่นที่ 40
“ผมชอบอาชีพนี้เพราะได้ช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งพ่อผมก็สอนไว้ว่าเมื่อเป็นตำรวจแล้ว อย่าไปรังแกชาวบ้าน ผมก็ยึดถือคำสอนของพ่อมาตลอด” พล.ต.ท.สมพงษ์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับ “คอลัมน์...บนถนนสีกากี” ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า
หลังจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ “พล.ต.ท.สมพงษ์” เริ่มรับราชการครั้งแรกเมื่อปี 2530 ในตำแหน่ง รอง สว.สส.สภ.เมืองตรัง จากนั้นเติบโต สร้างผลงาน และกวาด “รางวัล” ในเส้นทาง “สีกากี” เรื่อยมา โดยช่วงที่เป็นเพียงนายตำรวจระดับ “สารวัตร” ที่ตำแหน่ง สว.แผนก 3 กก.2 กองปราบปราม
เขาได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติระดับประเทศ โดยได้รับคัดเลือกเป็น “ข้าราชการตำรวจดีเด่น” ประจำปี 2540 และ “ข้าราชการพลเรือนดีเด่น อันดับ 1” ประจำปี 2541 เป็นต้น จากนั้นปี 2542 ขยับขึ้นรับตำแหน่ง รอง ผกก.2 ป. พร้อมสร้างชื่อด้วยการนำทีมเข้าจับกุม “ผู้พันตึ๋ง”
เขาบอกว่าไม่ว่าจะ “สี” ใด ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องจับหมด!!!
“ถ้าเป็นผู้ต้องหาทำผิดกฎหมาย เราเป็นผู้รักษากฎหมายก็ต้องจับหมด ผมไม่ได้แบ่งแยกว่าสีอะไร ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร หรืออาชีพใด ถึงเป็นตำรวจถ้าทำผิดก็ต้องจับ เราจะปล่อยให้ผู้กระทำผิดกฎหมายอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ เพราะถ้าทุกคนในบ้านเมือง โดยเฉพาะตำรวจไม่รู้หน้าที่ บ้านเมืองจะวุ่นวาย”
จากนั้นขยับไปรับงานในหลายพื้นที่ ทั้ง “ปลายด้ามขวาน” และขึ้นไปยัง “ภาคเหนือ” ซึ่งจากการได้ทำงานในพื้นที่ “เหนือสุด-ใต้สุด” ทำให้เกิดความ “ประทับใจ” ใน 2 เหตุการณ์
หนึ่งนั้น คือ การได้มีโอกาสร่วมเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวน “คดีปล้นปืน” ค่ายปิเหล็ง จ.นราธิวาส ซึ่งเขามองว่า “ท้าทาย” เนื่องจากคนร้ายก่อกวนด้วยการโรยตะปูเรือใบ ตัดต้นไม้ วางระเบิด เป็นคดีที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ทุกภาคส่วนในพื้นที่ได้ทุ่มเทแรงกายและใจช่วยกันทำงาน จนติดตามปืนกลับมาได้จำนวนหนึ่ง…
อีกหนึ่ง คือ กรณีเกิดเพลิงไหม้ “ศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยบ้านแม่สุริน” อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 37 ศพ ครั้งนั้นเขามีโอกาสเป็น “ผบ.เหตุการณ์” อำนวยความสะดวกด้วยตนเอง ทั้งการนำศพออกมาจากจุดเกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้อพยพที่ยังมีชีวิตอยู่ เรียกว่าได้ช่วยเหลือทั้ง “คนตาย-คนเป็น”
“เคล็ดลับ” ที่ทำให้เขาปิดคดีได้มากมาย คือ การ “ลงแขก” อย่างการจับกุมผู้พันตึ๋งนั้น “พล.ต.ท.สมพงษ์” บอกว่า ไม่ใช่ผลงานส่วนตัว เขา “ไม่ใช่พระเอก” แต่เป็นผลงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน โดยเฉพาะตำรวจกองปราบปรามที่ “ทำงานเป็นทีม”
ด้วยความที่ปัจจุบันตำรวจถูกชาวบ้านมองในด้านลบ เพราะบางส่วนมีพฤติกรรม “นอกแถว” แต่ “พล.ต.ท.สมพงษ์” เชื่อว่าจะแก้ไขได้ ถ้าชาวบ้านช่วยกันตรวจสอบ การถ่าย “คลิป” ไม่ดีต่างๆถือเป็นเรื่องที่ดีที่ชาวบ้านช่วยกันตรวจสอบ ชั่วโมงนี้ตำรวจต้องระมัดระวังมากขึ้น ใครที่คิดไม่ดีอาจจะไม่กล้า เพราะสังคมไทยมีการตรวจสอบมากขึ้น
ถ้าให้พูดถึงนายตำรวจที่ชื่อ “สมพงษ์ ชิงดวง” เขาคงให้ “นิยาม” ตัวเองไม่ได้ แต่คิดว่าชื่อเสียง ไม่ได้เกิดขึ้นภายในปีสองปี แต่เกิดจากการ “สะสมความดี” เรื่อยมา ไม่มีใครกล้าพูดหรอกว่าตัวเองดี เสียงจากชาวบ้าน หรือผู้ใต้บังคับบัญชา ต่างหากที่จะเป็น “กระจกเงา” ส่องสะท้อนว่าเราเป็นอย่างไร
“เวลาย้ายออกจากพื้นที่ ขอแค่ชาวบ้านไม่ร้องยี้ก็พอใจแล้ว ผมไม่ได้หวังว่าจะต้องได้รางวัลอะไร แค่มุ่งมั่นทำหน้าที่ของตำรวจ คือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดูแลพี่น้องประชาชน ให้ดีที่สุดเท่านั้น”
“พล.ต.ท.สมพงษ์” ฝากทิ้งท้ายเอาไว้ในครั้งนั้นว่า ทุกวันนี้ตำรวจส่วนใหญ่ “ทำงานเต็มที่” ตรงนี้จะสร้างความมั่นใจให้กับพี่ประชาชนได้ และถ้าทุกฝ่ายช่วยกันสังคมก็สงบสุข ดังนั้นประชาชนต้องช่วยตรวจสอบ แจ้งเบาะแส...
เพราะตำรวจคนแรก คือ “ประชาชน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี