21 เม.ย.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.ท.ประสาร สุขกาย ข้าราชการบำนาญ อดีตตำแหน่ง รอง สว.สส.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ที่มาร่วมค้นหานายสุขเกษม สอนเฒ่า อายุ 46 ปี ที่หลงป่าเทือกเขานางนอน 

โดยระบุว่า เมื่ออดีตผืนป่าแห่งนี้เป็นป่าดงดิบ เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด รวมถึงเป็นที่หากินของช้างพลายเศวต เนื่องจากเป็นแนวป่าติดต่อกับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ ที่มีการคล้องช้างพลายเศวตได้ และนำไปถวายในหลวง ร.9 เมื่อครั้งสมัยก่อน จึงถือว่าบริเวณดังกล่าวเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์มาก่อน จนเป็นที่เชื่อได้ว่าเป็นที่หากินของสัตว์ป่าสมัยก่อน

สำหรับพลายเศวต ปัจจุบันมีชื่อว่า “พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ” ชื่อเต็มคือ พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิสุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ ประสิทธิ์รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรพิตรสารศักดิเลิศฟ้า เป็นช้างพลายเผือกโท เกิดในป่าเขตจ.กระบี่ เมื่อปี พ.ศ.2494 ถูกคล้องได้ที่บ้านหนองจูด ต.ดินอุดม อ.ลำทับ จ.กระบี่ เมื่อปี พ.ศ.2499 

โดยนายแปลก ฟุ้งเฟื่องและนายปลื้ม สุทธิเกิด เป็นลูกช้างติดแม่อยู่ในโขลงช้างป่า พร้อมกับช้างอื่นๆอีก 5 เชือกคือ พังสาคร พลายทอง พังเพียร พังวิไล และพังน้อยพลโทบัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในขณะนั้น ได้นำช้างพลายแก้วขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501 เพื่อประกอบพิธีขึ้นระวางเป็นช้างต้น และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กำหนดพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างเผือกประจำรัชกาล ณ โรงช้างต้นพระราชวังดุสิตเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2502

พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เติบโตขึ้นโดยการดูแลขององค์การสวนสัตว์ และดุร้ายมากขึ้นจนควาญช้างควบคุมไม่ได้ จึงต้องจับยืนมัดขาทั้งสี่ไว้กับเสา เป็นที่เกรงกลัวของบุคคลทั่วไป กระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวณีย์โปรดเกล้าฯ ให้นำพระเศวตฯเข้าไปยืนโรงในโรงช้างต้น ภายในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อ พ.ศ.2519 ซึ่งหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้บันทึกไว้ว่า

“ในขณะที่นำคุณพระจากสวนสัตว์ดุสิตไปยังสวนจิตรลดา ซึ่งเพียงแต่มีถนนคั่นอยู่สายเดียวนั้น คุณพระก็อาละวาดอย่างหนัก ไม่ยอมออกเดิน เอางวงยึดต้นไม้จนต้นไม้ล้ม จนแทบจะหมดปัญญา เจ้าหน้าที่กว่าจะนำคุณพระจากเขาดินไปถึงประตูสวนจิตรลดา ซึ่งมองเห็นกันแค่นั้นก็กินเวลาหลายชั่วโมง ในที่สุดก็นำคุณพระไปยังประตูพระราชวังได้ พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความสงบเสงี่ยม เดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่อย่างสงบเรื่อยมา ”

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระเศวตฯ จากโรงช้างต้นสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต มายืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 17-18 มีนาคม 2547 และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีสมโภชโรงช้างต้น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2547 พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ  ได้รับพระราชทานนามเต็มว่า "พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวมนาถบารมีทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ์ประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรบพิตรสารศักดิเลิศฟ้า"

ขณะที่ นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รอง ผวจ.นครศรีธรรมราช พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ร่วมประชุมวางแผนการปฏิบัติงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีนายนพดล กีรติกรพิสุทธิ์ นอภ.ทุ่งใหญ่ พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ นายสิปปภาส สงทิพย์ นายก อบต.กรุงหยัน นายณัฐพงศ์ พงศ์สว่าง ปภ.ทุ่งใหญ่ ทหารม้าที่ 16 พล.ร.5 ค่ายเทพสตรีทุ่งสง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

นายถาวรวัฒน์ คงแก้ว รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและชี้แนะแนวทางพร้อมมอบนโยบายในการปฏิบัติการค้นหาให้กับเจ้าหน้าที่ค้นหาทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน 

โดย นายนพดล กีรติกรพิสุทธิ์ นายอำเภอทุ่งใหญ่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการค้นหาอำเภอทุ่งใหญ่ ได้ให้การต้อนรับพร้อมร่วมประชุม พร้อมสรุปรายงานผลการปฏิบัติให้ทราบ โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปในการดำเนินการ  3 ข้อ ประกอบด้วย  1.) ให้ดำเนินการค้นหาต่อ  2.)จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ประสานกองทัพภาคที่ 4 เพื่อจัดตั้งโรงครัวพระราชทานสนับสนุนการค้นหา 3.)แบ่งมอบหมายการปฏิบัติให้ดำเนินการตามคำสั่ง ศบก.ค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ หมู่ที่ 7 ตำบลกรุงหยัน อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช อย่างเต็มกำลัง

นายนพดล กีรติกรพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการ ศบก.อำเภอทุ่งใหญ่ ได้สั่งการและเรียกประชุมทีมงาน ทีมค้นหาทุกภาคส่วนและมีมติร่วมกัน 14 ข้อประกอบด้วย 

1.) ใช้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินองค์การบริหารส่วนตำบลกรุงหยัน เป็นกองอำนวยการร่วมการค้นหา มอบหมายให้ปลัดอาวุโสกำกับดูแล 

2.) จัดตั้งโรงครัวพระราชทานสนับสนุนการค้นหาตามที่ รอง ผวจ.นศ.สั่งการขึ้น ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกรุงหยัน เริ่มภารกิจในวันที่ 21 เม.ย.2562 โดยนายสิปปภาส สงทิพย์ นายก อบต.กรุงหยัน ในฐานะ ผอ.ท้องถิ่น รับผิดชอบจัดหาวัตถุดิบมาประกอบอาหาร ปลัดอำเภอ (ปลัดโบ) รับผิดชอบจัดทีมจิตอาสามาร่วมสนับสนุนภารกิจ 

3.) มอบหมายผู้แทนหน่วยทหาร ม.พัน 16 ค่ายเทพสตรีฯ เป็นหน.ชุดการค้นหาประจำศูนย์ส่วนหน้าในพื้นที่ค้นหา 

4.) สั่งตั้งข่ายสื่อสารในการประสานงาน  

5.) สั่งจัดทำบัตรลงทะเบียนสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าพื้นที่ ณ อบต.กรุงหยัน ก่อนเดินทางเข้าพื้นที่ค้นหา  

6.) มอบหมายให้ สภ.ทุ่งใหญ่ จัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยและการจราจร  

7.) มอบหมาย รพ.ทุ่งใหญ่ จัดทีมพยาบาลมาประจำที่ศูนย์ส่วนหน้า  

8.) มอบหมายการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอทุ่งใหญ่ สนับสนุนรถผลิตไฟฟ้า  

9.) สั่งการเรื่องการรักษาความสะอาดบนพื้นที่  

10.) สั่งการ อบต.กรุงหยันเปิดจุดรับบริจาคที่ อบต.กรุงหยัน  

11.) สั่งสนธิกำลังร่วมฝ่ายพลเรือน ทหาร ตำรวจ ปกครองท้องที่ อปท. เอกชน ประชาชน อปพร. อาสาสมัครมูลนิธิกูชีพกู้ภัย จิตอาสา จัดกองกำลังผสมจำนวน 4 ชุด นำทีมโดยปลัดอำเภอออกเดินเท้าพื้นที่ฝั่งทิศเหนือและฝั่งทิศใต้ของเทือกเขานางนอน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร และเพิ่มระยะเอ็กซ์เรย์พื้นที่ ตามคำแนะนำของท่านรอง ผวจ.ออกไปอีก 1 กม. ทางฝั่งทิศเหนือ ตรวจสอบร่องน้ำเพิ่มเติมเพื่อหาร่องรอย แต่ปรากฏว่ายังไม่พบตัวผู้สูญหาย 

12.) สนธิกำลังเดินเท้าเอ็กซ์เรย์พื้นที่ตามแนวร่องหิน ร่องน้ำบริเวณตีนเขานางนอนและโซนพื้นที่ฝั่งซ้าย (ทิศเหนือ) ฝั่งขวา(ทิศใต้) แต่ผลปรากฏว่าว่าไม่พบตัวผู้สูญหาย 

13.) นายธเนศวร คงหอม หน.สนง.ปภ.จ.นศ.สาขาทุ่งใหญ่ สนับสนุนเครื่องผลิตไฟฟ้าในค่ำคืนวันที่ 20 เม.ย.

14.) ประชุมสรุปผลการปฏิบัติประจำวัน ในการนี้นายธเนศวร คงหอม หน.สนง.ปภ.จ.นศ.สาขาทุ่งใหญ่ สั่งการมอบหมายให้นายณฐพล สุชาติพงษ์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันสาธารณภัย พร้อมด้วยนายประยูร มาเพ็ง นายธีระศักดิ์ บำรุงศรี และอาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัยทุกมูลนิธิสนับสนุนการปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้ จนพระอาทิตย์ตกดินจึงยุติภารกิจประจำวัน

ต่อมานายปิยะนัย หรือเล็ก อักษรทอง เพื่อนบ้าน และนายบุญฤทธิ์ หรือ ป้อม ไหมทอง ลูกเขยของผู้ที่สูญหาย ได้ไปที่ใต้โคนต้นไม้ที่เคยขึ้นไปเก็บน้ำผึ้ง และพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นอีกแล้ว สังเกตเห็นตะปู ขนาด 3 นิ้ว ตอกลงไปกลางใบไม้แห้งสองใบ ประกบหน้าเข้าหากันถูกตอกติดอยู่กับต้นไม้ที่ขึ้นไปเก็บผึ้ง ความสูงจากพื้นดินถึงระดับสายตาพอดี ทำให้ทราบว่า รังผึ้งที่อยู่บนต้นไม้ ที่นายบุญฤทธิ์ นายปิยะนัย และนายสุขเกษม ชวนกันไปเก็บ มีคนมาพบก่อนหน้าพวกตนแล้ว และทำเครื่องหมายจองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตามกติกาของคนหาน้ำผึ้ง แต่สิ่งของทั้งหมดพวกของตนไม่เห็นมาก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายขึ้น 

ในทางไสยศาสตร์คนโบราณมักจะพูดว่า หากผู้ใดมาเห็นรังผึ้งอยู่บนต้นไม้เป็นคนแรก ก็จะทำสัญลักษณ์ไว้เพื่อให้คนที่มาทีหลังเห็นเป็นสัญลักษณ์ จะได้ไม่ขึ้นไปเอารังผึ้ง แต่ถ้าคนที่มาเก็บรังผึ้งทีหลังก็จะมีเหตุการณ์ประหลาด หรือไม่ผึ้งรังนั้นก็จะมีฤทธิ์เดชที่แรงขึ้นอาจจะต่อยหรือทำร้าย คนที่มาเก็บทีหลังจนตายก็เป็นได้ จึงเชื่อว่ามีการลงคาถาอาคมไว้ที่ตะปูที่ตอกผ่านใบไม้ติดกับต้นไม้ใหญ่ ที่ตนขึ้นไปเอารังผึ้งในวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดเหตุการณ์อาถรรพณ์ขึ้น

ต่อมาผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบในป่าลึก ต้องผงะเผ่นลงมาจากภูเขาทันที เมื่อไปพบว่าที่รากไม้ต้นดังกล่าวมีงูสามเหลี่ยม หรืองูแมวเซา ที่มีพิษร้ายแรง นอนจ้องตาเขม็ง พร้อมที่จะฉกทุกวินาที หากใครย่างเท้าเข้าไป

ส่วนเถ้าถ่านที่สงสัยกันว่า น่าจะเป็นชิ้นส่วนกระดูกของมนุษย์ ทาง พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานต้องสงสัยไว้ทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นมาดูเหตุการณ์ เพื่อรอการพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จ.สงขลา ที่จะส่งไปพิสูจน์ในวันจันทร์ 22 เม.ย.นีั