10 พ.ค.62 เวลา 10.30 น.ศูนย์วิทยุ 191 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีคนจอดรถยนต์กีดขวางการจราจร บริเวณหน้าท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว หรือท่าด่าน ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม
หลังรับแจ้งจึงให้ศูนย์วิทยุนครชัย สภ.เมืองนครพนม แจ้งตำรวจจราจรไปดำเนินการ โดย ร.ต.ต.ปริญญา สมแพง ตำรวจจราจร รหัส 601 อยู่ใกล้บริเวณดังกล่าวจึงขับรถ จยย.มาตรวจสอบ พบเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด แค๊บ ยกสูง สีบรอนซ์เงินตะกั่ว ทะเบียน ฒว 874 กรุงเทพมหานคร จอดคร่อมเส้นกลางในลักษณะเปิดประตูด้านขวาฝั่งคนขับทั้งไว้ ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัด และเป็นทางวันเวย์ ทราบชื่อนางส่องพิชญา ตันสังวรณ์ ชื่อเดิม นางส่องหล้า อายุ 72 ปี ประกอบอาชีพเป็นตัวแทนประกันชีวิตแห่งหนึ่ง หลังจอดรถทิ้งไว้แล้ว ก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเดินเข้าไปทำงานในบ้านหน้าตาเฉย
เมื่อผู้สื่อข่าวมาถึงได้เข้าไปสอบถามถึงสาเหตุของการจอดรถกลางถนน แต่นางส่องหล้า บอกว่าจะให้รายละเอียดกับโทรทัศน์ทุกช่อง แต่ตอนนี้ต้องรอช่องต่างประเทศ CNN ก่อน ซึ่ง ร.ต.ต.ปริญญา พยายามบอกให้เคลื่อนรถออกจากบริเวณนั้น นางส่องหล้าก็ไม่ยอมพร้อมด่ากราดหน่วยงานต่างๆ เช่น เทศบาลเมืองนครพนม เทศกิจ หอการค้าฯ ตำรวจ ฯลฯ
นอกจากนี้นางส่องหล้า ยังใช้คำผรุสวาทตะโกนด่าคนงานที่มารับจ้างขนสินค้าลงท่าเทียบเรือ เมื่อมีคนเถียงก็ตอบกลับว่า ตนมีเงินรวยเป็นหมื่นล้าน คนจนๆเหล่านี้อย่ามาตีเสมอ พร้อมยังลามปามไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ผู้ที่ได้ยินไม่พอใจในคำพูดของนางส่องหล้า ออกมายืนประจันหน้าบอกให้มองดูตัวเองบ้าง ทุกคนทำมาหากินหาเช้ากินค่ำ ควรมีน้ำใจแบ่งปันกันและกัน แต่นางส่องหล้า ยังคงใช่วาจาดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีคนจนตลอดเวลา
ขณะนั้นการจราจรติดขัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร.ต.ต.ปริญญา จึงขอกำลังนำรถยกมาทำการยกรถเจ้าปัญหาออก นางส่องหล้าก็ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย และยังคงชี้นิ้วด่ากราดผู้คนละแวกนั้นตลอดเวลา โดยอ้างว่าพวกกรรมกรขนสินค้าข้ามฟากสร้างความเดือดร้อนแก่ตน มีการจอดรถลงสิ่งของขวางการจราจร ตนจึงออกมาต่อต้านด้วยการจอดรถขวางถนนแบบนี้
นางพิทยา ดอกบัว อายุ 54 ปี เจ้าของธุรกิจเรือข้ามฟากไทย-ลาว เปิดเผยว่า นางส่องหล้า มักจะออกมาด่าพวกที่แบกสินค้าประจำ และจะนำรถคันดังกล่าวมาจอดแช่ทิ้งไว้อย่างนี้เป็นวันๆ ตำรวจจราจรมาบอกให้ขยับก็ไม่ยอม เป็นแบบนี้มาสองสามปีแล้ว
นางพิทยา กล่าวต่อว่าแม้พวกตนจะยากจน ก็ไม่เคยไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร อีกทั้งมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านข้ามมาซื้อสินค้าฝั่งไทย เป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศทั้งสิ้น คนทุกข์ยากก็มีงานทำ แต่กลับถูกนางส่องหล้ามายืนด่าอย่างเสียๆหายๆ
น.ส.กฤษติยา ศาตราศรัย หรือโบอิ้ง อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่คุมสินค้า เผยว่า จะมีสินค้าลงในวันทำการของทางราชการ หยุดเสาร์-อาทิตย์ รถสินค้ามาจอดส่งสินค้าก็เพียงไม่กี่นาที แต่ไม่เคยข้ามไปก้าวก่ายหน้าบ้านนางส่องหล้า แต่ต้องกลับถูกตะโกนด่าถึงบรรพบุรุษทุกวัน โดยไม่ทราบว่านางส่องหล้าต้องการอะไร เคยมีผู้ใหญ่มาดูจุดลงสินค้า ก็บอกให้จอดได้แต่ห้ามเกินเส้นสีขาวขอบทาง พวกตนก็ปฏิบัติตามทุกอย่าง ไม่วายที่นางส่องหล้า จะหาเรื่องด่า แถมแช่งชักหักกระดูกพวกกรรมกรอีกด้วย
ส่วนนายพัฒนากร เจาะจง อายุ 49 ปี ผู้ควบคุมกรรมกรลงสินค้า เปิดเผยว่า ในแต่ละวันจะมีรถมาลงสินค้าประมาณ 10 คัน พวกตนทำงานหาเช้ากินค่ำไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร และเคารพกฎหมาย กลับต้องมาถูกคนที่อ้างว่าร่ำรวยเป็นหมื่นล้าน ใช้อารมณ์มายืนชี้นิ้วด่าลามปามถึงโคตรเหง้า รู้สึกเสียใจที่นางส่องหล้าที่ถือว่ามีการศึกษาสูงกว่าพวกตน ใช้วาจาที่คนยากคนจนอย่างตนยังไม่กล้าใช้คำเหล่านั้น
น.ส.เบญจรัตน์ ทรัพย์ประเสริฐ อายุ 22 ปี ซึ่งมักจะมากราบไหว้องค์พญาศรีสัตตนาคราชประจำ พบเห็นการกระทำของนางส่องหล้าที่มาจอดรถขวางถนนแบบนี้จนชินตา อดรนทนไม่ไหวที่นางส่องหล้าด่าดูถูกคนจน จึงตะโกนข้ามฝั่งถามว่าต้องการอะไรจากสังคม ทุกคนทำมาหากินเพื่อปากเพื่อท้องและครอบครัว ทำไมต้องมาดูถูกคนจนด้วย ซึ่งนางส่องหล้า ก็ด่ากลับไปทุกคนเช่นกัน กว่านางส่องหล้า จะขยับรถออกจากกลางถนนก็เกือบชั่วโมง ซึ่งคนแถวนั้นบอกต่อว่า หากตำรวจจราจรไม่มาเจอ นางส่องหล้า ก็จะจอดรถทิ้งไว้จนกว่าจะเลิกขนถ่ายสินค้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี